ตอนที่352 แผนซ้อนแผน

ตอนที่352 แผนซ้อนแผน

“นายน้อย บ่าวพาเซียถงมาแล้วเจ้าค่ะ”

ปี่เหลียนอุ้มเซียถงเข้ากลางวงกลุ่มคนเหล่านั้น ทันทีที่มาถึงก็โยนนางทิ้งลงกับพื้นโดยไวอย่างไม่แยแส และรีบวิ่งปรี่ไปหาหลินเยวี่ยนดูมีท่าทีสุขใจ

หลินเหยี่ยนเดินไปหยุดตรงหน้าเซียถง ค่อยๆ ก้มตัวลงสังเกตมองใบหน้าของนางอยู่หลายคราอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน ยิ้มกล่าวน้ำเสียงพึงพอใจว่า

“ใช่แล้ว นำตัวนังนี่มาได้เร็วดีหนิ เช่นนั้นย่อมตอบแทนเจ้าไม่คิดตระหนี่ รับไปเหรียญทองในส่วนของเจ้า”

“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอบพระคุณนายน้อยเป็นอย่างสูง!”

ปี่เหลียนพยักหน้ารัวราวไก้จิกข้าวเปลือก คลี่ยิ้มแย้มมีความสุข

“แต่นายน้อยเจ้าค่ะ นางคือเซียถงคนเดียวกับที่ทำให้นายน้อยใหญ่พิการจริงรึ? ฟังว่าเซียถงนางนั้นต้องมีรูปโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียด”

ปี่เหลียนเคยได้ฟังเรื่องราวของเซียถงในศึกประลองสี่จักรวรรดิครั้งนั้นอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งด้วยความสงสัย แม้แต่เหล่าสมุนลูกน้องรอบตัวหลินเหยี่ยนเองก็บังเกิดข้อสงสัยไม่คลายใจเช่นกัน พินิจจากรูปลักษณ์อันงดงามของเซียถงที่นอนอยู่ตรงหน้า ดูท่าอาจไม่ใช่คนๆ เดียวกัน

“ในเมืองอู่ถง นังนี่ก็พูดเองว่าชื่อเซียถงจากตงหลี่ หากสันนิษฐานไม่ผิด ตลอดที่ผ่านมาในระหว่างการประลองศึกสี่จักรวรรดิ นางน่าจะใช้อะไรบางอย่างแต่งแต้มบนใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าเกลียด ลดทอนปัญหาไม่เข้าเรื่องที่อาจก่อเกิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นังนี่ก็ทำให้พี่ชายข้าพิการเป็นง่อยไปแล้ว ยังไงก็มิอาจละเว้นชีวิตของนังนี่ได้!”

หลินเหยี่ยนจ้องเซียถงตาเขม็งขึงขัง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรสวยงามของนาง ทันใดนั้นก็เผยแววตัณหาอารมณ์สะท้อนออกมาจากในดวงตา

หลินเฟยในเวลานี้กลายมาเป็นชายง่อยพิการติดเตียงไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเซียถงคนเดียว โดยธรรมชาติในฐานะน้องชายอย่างหลินเยวี่ยนย่อมต้องล้างแค้นให้เป็นธรรมดา ด้วยเพลิงอาฆาตที่ลุกโชนภายในใจ เขาจึงทุ่มเงินจำนวนไม่น้อย เพื่อจ้างคนกลุ่มหนึ่งลอบติดตามเซียถงที่กำลังกลับตงหลี่ ซึ่งก็คือกลุ่มของชายกำยำเหล่านั้นโดยมีทาสรับใช้สาวของเขาอย่างปี่เหลียนติดตามไปอีกแรง เมื่อระบุตัวเป้าหมายได้แน่ชัดแล้ว ทั้งหมดจึงร่วมกันเล่นละครฉากหนึ่ง จึงเป็นดั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แต่ใครจะไปคาดคิด เซียถงกลับใจอ่อนและขี้สงสารกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก จึงถูกปี่เหลียนที่เล่นละครตบตาล่อลวงเข้าเต็มเปา ซึ่งนี่ทำให้หลินเยวี่ยนแปลกใจไม่น้อยเลย แต่ความรู้สึกคล้อยหลังที่ตามมาก็คือ ความปีติยินดี ในที่สุดเซียถงก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว เช่นนั้นย่อมสามารถลงมือลงไม้ทรมานตามใจชอบได้!

“นายน้อยหลิน บ่าวเกรงว่า แค่ลงมือสังหารนางทิ้งด้วยกระบี่เดียว จะไม่เพียงพอสำหรับบรรเทาความเกลียดชังอาฆาตนี้ลงได้”

ปี่เหลียนแสยะยิ้มชั่วร้าย พอได้เห็นโฉมงามของเซียถงใกล้ๆ นางก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาภายในใจ และไม่ต้องการให้เซียถงนางนี้สิ้นใจตายง่ายจนเกินไป

“นายน้อย นางงดเงามเหลือเหิน ไฉนท่านถึงไม่เล่นนางให้สาแก่ใจก่อนล่ะ? พอเบื่อแล้งก็ค่อยตัดแขนขาของนางให้เป็นง่อย แล้วขายทิ้งให้เป็นทาสในซ่องนางโลม?”

สมุนคนหนึ่งยิ้มกว้าง กล่าวแนะนำขึ้นทันใด

“อืม อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว”

ยังไม่ทันที่หลินเยวี่ยนจะได้ปริปากตอบด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากตรงหน้า ร่างของเซียถงก็โดดเด้งขึ้นมาจากพื้น พ่วงรัศมีจิตสังหารเข้มข้นหอบใหญ่ แผ่ซ่านไพศาลปกคลุมไปรอบผืนป่าโดยตรง

“จะ-เจ้า…เจ้าไม่ได้หมดสติอยู่รึ?!!”

หลินเยวี่ยนยืนตะลึงค้างแข็งไปชั่วขณะ จับจ้องหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดอยู่ต่อหน้าระยะเผาขน เสี้ยวพริบตาต่อมา ใบหน้าของเขาก็ถึงกับถอดสีซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ

“หากข้าหมดสติไป แล้วใครกันที่ส่งเจ้านรก!”

เซียถงแสยะยิ้มเย็นชาสุดแสน หนึ่งเสียงยะเยือกแว่วดัง มือข้างหนึ่งของนางตั้งตรงแข็งทื่อประดุจหอกแหลม และเสียบทะลวงเข้าใส่กลางอกของหลินเยวี่ยนทั้งมือเปล่าๆ แบบนั้น! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นจากทางอีกฝ่ายในทันใด ล้มคอพับสิ้นใจตายคาที่! และเมื่อนางกะซวกแขนข้างนั้นดึงออกมา ก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่กลวงโบ๋ขึ้นกลางหน้าอกของหลินเยวี่ยน น้ำเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดไม่หยุด

ตั้งแต่ที่ปี่เหลียนเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างกำยำกลุ่มนั้น เซียถงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้แล้ว ทั้งนี้นางแอบสังเกตเห็น ทางฝ่ายปี่เหลียนที่ลอบส่งสายตากับชายร่างกำยำลูกพี่ใหญ่อยู่ประมาณคราสองครา เท่านี้ก็พึงทราบชัดแจ้ง ต้องมีอแผนการอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้นแน่นอน

เหล่าลูกสมุนของหลินเยวี่ยนต่างยืนตะลึงงันไปภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอตัดภาพมาอีกทีก็พบว่า นายน้อยของพวกเขาถูกเซียถงใช้มือเปล่าทะลวงอกจนสิ้นใจตายอนาถไปเสียแล้ว หาใช่คนพวกนี้อ่อนแอจนตอบสนองต่อความเร็วของเซียถงไม่ทัน แต่เป็นเพราะการตัดสินใจลงมือของเซียถงมันเร็วเกินพวกเขาจินตนาการไปมาก

มีใครที่ไหนที่กล้าใช้มือเปล่าทะลวงอกคนอื่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร? เว้นเสียแต่เดียรัจฉาน ก็มีแต่นักฆ่าเลือดเย็นที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี แล้วหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงามเฉกเช่นเซียถง มันดูเข้าเค้าตรงไหน?

เซียถงสะบัดคราบเลือดที่อาบล้นในมือทิ้งเล็กน้อย กวาดสายตาเสียดมองบรรดาสมุนของหลินเยวี่ยนเหล่านั้นที่ยังยืนค้างแข็งกันเป็นหิน ไม่นาน หลายคนเพิ่งได้สติกลับมาและรีบกระชับอาวุธวิ่งโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ากกก! อ๊ากกก!!”

คล้อยหลังไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงร้องคร่ำครวญดังระงมต่อเนื่องทั่วผืนป่าเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เซียถงย่างสามขุมเดินออกจากป่า ใบหน้ายังคงฉาบเย็นเยียบไม่แปรเปลี่ยน จะมีก็แค่นัยน์ตาคู่นั้นที่ฉายแววอำมหิตคงอยู่

นอกผืนป่าบนเส้นขอบฟ้าไกล ดวงตะวันสีแสดสาดฉายใกล้ลับหายสู่ทิศตะวันตก มองผ่านสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเซียถงที่กำลังเดินจากออกไป เหลือเพียงธารเลือดแดงฉานที่เปียกชุ่มไปทั่วต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น ปลายทางตรงหน้าของนาง มีเงาคนทั้งสองร่างยืนรออยู่ และม้าอีกสามตน

ทอดมองสองคนที่ยืนอยู่แสนไกล สีหน้าการแสดงออกของเซียถงพลันแปรเปลี่ยนหนึ่งส่วน ดวงตาเป็นประกายฉายแววประหลาดใจ เจ้าหมอนี่มันอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ!

“คนพวกนั้นล่ะ? จัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่หานหันมาสะดุดสายตาสบมอง ย่างเท้าสืบเข้าใกล้นาง พลางเหลือบหางตาชำเลืองทางป่าผืนด้านหลัง ระบายยิ้มอ่อนแขวนประดับมุมปาก

เซียถงมองค้อนใส่ไปทีหนึ่ง ปิดปากไม่ตอบ ทะลุมองผ่านไปยังเบื้องหลังอีกฝ่าย แลเห็นม้าอาชาสีขาวของนางที่ยืนอยู่ตรงนั้น ประกายตาของนางพลันแปรเปลี่ยนไปในทันใด เลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า

“นี่เจ้าแอบติดตามข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

“ก็ติดตามอยู่ตลอด เพียงแต่เจ้าไม่ทันสังเกต”

ไป๋หลี่หานยิ้มตอบ หันไปหาม้าสองสามตัวที่ยืนรออยู่

ม้าตนหนึ่งสีขาวบังเหียนคลุมหลังสีม่วง ส่วนอีกตนเป็นอาชาขาวที่เซียถงขี่มาโรงเตี้ยม

ไป๋หลี่หานพาม้าที่นางผูกทิ้งไว้ที่โรงเตี้ยมจูงมาให้ และตามที่เขากล่าวไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายแอบติดตามนางอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ จงใจไม่เปิดเผยตัวออกมาเลยเท่านั้น และนางก็ไม่ทันสังเกตเลยสักครั้ง ซึ่งความไม่รู้อะไรเลยของนาง ก็ทำให้นางแอบหงุดหงิดใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อยจริงๆ

182 4

ตอนที่352 แผนซ้อนแผน

“นายน้อย บ่าวพาเซียถงมาแล้วเจ้าค่ะ”

ปี่เหลียนอุ้มเซียถงเข้ากลางวงกลุ่มคนเหล่านั้น ทันทีที่มาถึงก็โยนนางทิ้งลงกับพื้นโดยไวอย่างไม่แยแส และรีบวิ่งปรี่ไปหาหลินเยวี่ยนดูมีท่าทีสุขใจ

หลินเหยี่ยนเดินไปหยุดตรงหน้าเซียถง ค่อยๆ ก้มตัวลงสังเกตมองใบหน้าของนางอยู่หลายคราอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน ยิ้มกล่าวน้ำเสียงพึงพอใจว่า

“ใช่แล้ว นำตัวนังนี่มาได้เร็วดีหนิ เช่นนั้นย่อมตอบแทนเจ้าไม่คิดตระหนี่ รับไปเหรียญทองในส่วนของเจ้า”

“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอบพระคุณนายน้อยเป็นอย่างสูง!”

ปี่เหลียนพยักหน้ารัวราวไก้จิกข้าวเปลือก คลี่ยิ้มแย้มมีความสุข

“แต่นายน้อยเจ้าค่ะ นางคือเซียถงคนเดียวกับที่ทำให้นายน้อยใหญ่พิการจริงรึ? ฟังว่าเซียถงนางนั้นต้องมีรูปโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียด”

ปี่เหลียนเคยได้ฟังเรื่องราวของเซียถงในศึกประลองสี่จักรวรรดิครั้งนั้นอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งด้วยความสงสัย แม้แต่เหล่าสมุนลูกน้องรอบตัวหลินเหยี่ยนเองก็บังเกิดข้อสงสัยไม่คลายใจเช่นกัน พินิจจากรูปลักษณ์อันงดงามของเซียถงที่นอนอยู่ตรงหน้า ดูท่าอาจไม่ใช่คนๆ เดียวกัน

“ในเมืองอู่ถง นังนี่ก็พูดเองว่าชื่อเซียถงจากตงหลี่ หากสันนิษฐานไม่ผิด ตลอดที่ผ่านมาในระหว่างการประลองศึกสี่จักรวรรดิ นางน่าจะใช้อะไรบางอย่างแต่งแต้มบนใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าเกลียด ลดทอนปัญหาไม่เข้าเรื่องที่อาจก่อเกิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นังนี่ก็ทำให้พี่ชายข้าพิการเป็นง่อยไปแล้ว ยังไงก็มิอาจละเว้นชีวิตของนังนี่ได้!”

หลินเหยี่ยนจ้องเซียถงตาเขม็งขึงขัง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรสวยงามของนาง ทันใดนั้นก็เผยแววตัณหาอารมณ์สะท้อนออกมาจากในดวงตา

หลินเฟยในเวลานี้กลายมาเป็นชายง่อยพิการติดเตียงไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเซียถงคนเดียว โดยธรรมชาติในฐานะน้องชายอย่างหลินเยวี่ยนย่อมต้องล้างแค้นให้เป็นธรรมดา ด้วยเพลิงอาฆาตที่ลุกโชนภายในใจ เขาจึงทุ่มเงินจำนวนไม่น้อย เพื่อจ้างคนกลุ่มหนึ่งลอบติดตามเซียถงที่กำลังกลับตงหลี่ ซึ่งก็คือกลุ่มของชายกำยำเหล่านั้นโดยมีทาสรับใช้สาวของเขาอย่างปี่เหลียนติดตามไปอีกแรง เมื่อระบุตัวเป้าหมายได้แน่ชัดแล้ว ทั้งหมดจึงร่วมกันเล่นละครฉากหนึ่ง จึงเป็นดั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แต่ใครจะไปคาดคิด เซียถงกลับใจอ่อนและขี้สงสารกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก จึงถูกปี่เหลียนที่เล่นละครตบตาล่อลวงเข้าเต็มเปา ซึ่งนี่ทำให้หลินเยวี่ยนแปลกใจไม่น้อยเลย แต่ความรู้สึกคล้อยหลังที่ตามมาก็คือ ความปีติยินดี ในที่สุดเซียถงก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว เช่นนั้นย่อมสามารถลงมือลงไม้ทรมานตามใจชอบได้!

“นายน้อยหลิน บ่าวเกรงว่า แค่ลงมือสังหารนางทิ้งด้วยกระบี่เดียว จะไม่เพียงพอสำหรับบรรเทาความเกลียดชังอาฆาตนี้ลงได้”

ปี่เหลียนแสยะยิ้มชั่วร้าย พอได้เห็นโฉมงามของเซียถงใกล้ๆ นางก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาภายในใจ และไม่ต้องการให้เซียถงนางนี้สิ้นใจตายง่ายจนเกินไป

“นายน้อย นางงดเงามเหลือเหิน ไฉนท่านถึงไม่เล่นนางให้สาแก่ใจก่อนล่ะ? พอเบื่อแล้งก็ค่อยตัดแขนขาของนางให้เป็นง่อย แล้วขายทิ้งให้เป็นทาสในซ่องนางโลม?”

สมุนคนหนึ่งยิ้มกว้าง กล่าวแนะนำขึ้นทันใด

“อืม อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว”

ยังไม่ทันที่หลินเยวี่ยนจะได้ปริปากตอบด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากตรงหน้า ร่างของเซียถงก็โดดเด้งขึ้นมาจากพื้น พ่วงรัศมีจิตสังหารเข้มข้นหอบใหญ่ แผ่ซ่านไพศาลปกคลุมไปรอบผืนป่าโดยตรง

“จะ-เจ้า…เจ้าไม่ได้หมดสติอยู่รึ?!!”

หลินเยวี่ยนยืนตะลึงค้างแข็งไปชั่วขณะ จับจ้องหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดอยู่ต่อหน้าระยะเผาขน เสี้ยวพริบตาต่อมา ใบหน้าของเขาก็ถึงกับถอดสีซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ

“หากข้าหมดสติไป แล้วใครกันที่ส่งเจ้านรก!”

เซียถงแสยะยิ้มเย็นชาสุดแสน หนึ่งเสียงยะเยือกแว่วดัง มือข้างหนึ่งของนางตั้งตรงแข็งทื่อประดุจหอกแหลม และเสียบทะลวงเข้าใส่กลางอกของหลินเยวี่ยนทั้งมือเปล่าๆ แบบนั้น! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นจากทางอีกฝ่ายในทันใด ล้มคอพับสิ้นใจตายคาที่! และเมื่อนางกะซวกแขนข้างนั้นดึงออกมา ก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่กลวงโบ๋ขึ้นกลางหน้าอกของหลินเยวี่ยน น้ำเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดไม่หยุด

ตั้งแต่ที่ปี่เหลียนเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างกำยำกลุ่มนั้น เซียถงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้แล้ว ทั้งนี้นางแอบสังเกตเห็น ทางฝ่ายปี่เหลียนที่ลอบส่งสายตากับชายร่างกำยำลูกพี่ใหญ่อยู่ประมาณคราสองครา เท่านี้ก็พึงทราบชัดแจ้ง ต้องมีอแผนการอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้นแน่นอน

เหล่าลูกสมุนของหลินเยวี่ยนต่างยืนตะลึงงันไปภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอตัดภาพมาอีกทีก็พบว่า นายน้อยของพวกเขาถูกเซียถงใช้มือเปล่าทะลวงอกจนสิ้นใจตายอนาถไปเสียแล้ว หาใช่คนพวกนี้อ่อนแอจนตอบสนองต่อความเร็วของเซียถงไม่ทัน แต่เป็นเพราะการตัดสินใจลงมือของเซียถงมันเร็วเกินพวกเขาจินตนาการไปมาก

มีใครที่ไหนที่กล้าใช้มือเปล่าทะลวงอกคนอื่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร? เว้นเสียแต่เดียรัจฉาน ก็มีแต่นักฆ่าเลือดเย็นที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี แล้วหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงามเฉกเช่นเซียถง มันดูเข้าเค้าตรงไหน?

เซียถงสะบัดคราบเลือดที่อาบล้นในมือทิ้งเล็กน้อย กวาดสายตาเสียดมองบรรดาสมุนของหลินเยวี่ยนเหล่านั้นที่ยังยืนค้างแข็งกันเป็นหิน ไม่นาน หลายคนเพิ่งได้สติกลับมาและรีบกระชับอาวุธวิ่งโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ากกก! อ๊ากกก!!”

คล้อยหลังไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงร้องคร่ำครวญดังระงมต่อเนื่องทั่วผืนป่าเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เซียถงย่างสามขุมเดินออกจากป่า ใบหน้ายังคงฉาบเย็นเยียบไม่แปรเปลี่ยน จะมีก็แค่นัยน์ตาคู่นั้นที่ฉายแววอำมหิตคงอยู่

นอกผืนป่าบนเส้นขอบฟ้าไกล ดวงตะวันสีแสดสาดฉายใกล้ลับหายสู่ทิศตะวันตก มองผ่านสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเซียถงที่กำลังเดินจากออกไป เหลือเพียงธารเลือดแดงฉานที่เปียกชุ่มไปทั่วต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น ปลายทางตรงหน้าของนาง มีเงาคนทั้งสองร่างยืนรออยู่ และม้าอีกสามตน

ทอดมองสองคนที่ยืนอยู่แสนไกล สีหน้าการแสดงออกของเซียถงพลันแปรเปลี่ยนหนึ่งส่วน ดวงตาเป็นประกายฉายแววประหลาดใจ เจ้าหมอนี่มันอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ!

“คนพวกนั้นล่ะ? จัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่หานหันมาสะดุดสายตาสบมอง ย่างเท้าสืบเข้าใกล้นาง พลางเหลือบหางตาชำเลืองทางป่าผืนด้านหลัง ระบายยิ้มอ่อนแขวนประดับมุมปาก

เซียถงมองค้อนใส่ไปทีหนึ่ง ปิดปากไม่ตอบ ทะลุมองผ่านไปยังเบื้องหลังอีกฝ่าย แลเห็นม้าอาชาสีขาวของนางที่ยืนอยู่ตรงนั้น ประกายตาของนางพลันแปรเปลี่ยนไปในทันใด เลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า

“นี่เจ้าแอบติดตามข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

“ก็ติดตามอยู่ตลอด เพียงแต่เจ้าไม่ทันสังเกต”

ไป๋หลี่หานยิ้มตอบ หันไปหาม้าสองสามตัวที่ยืนรออยู่

ม้าตนหนึ่งสีขาวบังเหียนคลุมหลังสีม่วง ส่วนอีกตนเป็นอาชาขาวที่เซียถงขี่มาโรงเตี้ยม

ไป๋หลี่หานพาม้าที่นางผูกทิ้งไว้ที่โรงเตี้ยมจูงมาให้ และตามที่เขากล่าวไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายแอบติดตามนางอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ จงใจไม่เปิดเผยตัวออกมาเลยเท่านั้น และนางก็ไม่ทันสังเกตเลยสักครั้ง ซึ่งความไม่รู้อะไรเลยของนาง ก็ทำให้นางแอบหงุดหงิดใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อยจริงๆ

182 4

ตอนที่352 แผนซ้อนแผน

“นายน้อย บ่าวพาเซียถงมาแล้วเจ้าค่ะ”

ปี่เหลียนอุ้มเซียถงเข้ากลางวงกลุ่มคนเหล่านั้น ทันทีที่มาถึงก็โยนนางทิ้งลงกับพื้นโดยไวอย่างไม่แยแส และรีบวิ่งปรี่ไปหาหลินเยวี่ยนดูมีท่าทีสุขใจ

หลินเหยี่ยนเดินไปหยุดตรงหน้าเซียถง ค่อยๆ ก้มตัวลงสังเกตมองใบหน้าของนางอยู่หลายคราอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน ยิ้มกล่าวน้ำเสียงพึงพอใจว่า

“ใช่แล้ว นำตัวนังนี่มาได้เร็วดีหนิ เช่นนั้นย่อมตอบแทนเจ้าไม่คิดตระหนี่ รับไปเหรียญทองในส่วนของเจ้า”

“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอบพระคุณนายน้อยเป็นอย่างสูง!”

ปี่เหลียนพยักหน้ารัวราวไก้จิกข้าวเปลือก คลี่ยิ้มแย้มมีความสุข

“แต่นายน้อยเจ้าค่ะ นางคือเซียถงคนเดียวกับที่ทำให้นายน้อยใหญ่พิการจริงรึ? ฟังว่าเซียถงนางนั้นต้องมีรูปโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียด”

ปี่เหลียนเคยได้ฟังเรื่องราวของเซียถงในศึกประลองสี่จักรวรรดิครั้งนั้นอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งด้วยความสงสัย แม้แต่เหล่าสมุนลูกน้องรอบตัวหลินเหยี่ยนเองก็บังเกิดข้อสงสัยไม่คลายใจเช่นกัน พินิจจากรูปลักษณ์อันงดงามของเซียถงที่นอนอยู่ตรงหน้า ดูท่าอาจไม่ใช่คนๆ เดียวกัน

“ในเมืองอู่ถง นังนี่ก็พูดเองว่าชื่อเซียถงจากตงหลี่ หากสันนิษฐานไม่ผิด ตลอดที่ผ่านมาในระหว่างการประลองศึกสี่จักรวรรดิ นางน่าจะใช้อะไรบางอย่างแต่งแต้มบนใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าเกลียด ลดทอนปัญหาไม่เข้าเรื่องที่อาจก่อเกิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นังนี่ก็ทำให้พี่ชายข้าพิการเป็นง่อยไปแล้ว ยังไงก็มิอาจละเว้นชีวิตของนังนี่ได้!”

หลินเหยี่ยนจ้องเซียถงตาเขม็งขึงขัง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรสวยงามของนาง ทันใดนั้นก็เผยแววตัณหาอารมณ์สะท้อนออกมาจากในดวงตา

หลินเฟยในเวลานี้กลายมาเป็นชายง่อยพิการติดเตียงไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเซียถงคนเดียว โดยธรรมชาติในฐานะน้องชายอย่างหลินเยวี่ยนย่อมต้องล้างแค้นให้เป็นธรรมดา ด้วยเพลิงอาฆาตที่ลุกโชนภายในใจ เขาจึงทุ่มเงินจำนวนไม่น้อย เพื่อจ้างคนกลุ่มหนึ่งลอบติดตามเซียถงที่กำลังกลับตงหลี่ ซึ่งก็คือกลุ่มของชายกำยำเหล่านั้นโดยมีทาสรับใช้สาวของเขาอย่างปี่เหลียนติดตามไปอีกแรง เมื่อระบุตัวเป้าหมายได้แน่ชัดแล้ว ทั้งหมดจึงร่วมกันเล่นละครฉากหนึ่ง จึงเป็นดั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แต่ใครจะไปคาดคิด เซียถงกลับใจอ่อนและขี้สงสารกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก จึงถูกปี่เหลียนที่เล่นละครตบตาล่อลวงเข้าเต็มเปา ซึ่งนี่ทำให้หลินเยวี่ยนแปลกใจไม่น้อยเลย แต่ความรู้สึกคล้อยหลังที่ตามมาก็คือ ความปีติยินดี ในที่สุดเซียถงก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว เช่นนั้นย่อมสามารถลงมือลงไม้ทรมานตามใจชอบได้!

“นายน้อยหลิน บ่าวเกรงว่า แค่ลงมือสังหารนางทิ้งด้วยกระบี่เดียว จะไม่เพียงพอสำหรับบรรเทาความเกลียดชังอาฆาตนี้ลงได้”

ปี่เหลียนแสยะยิ้มชั่วร้าย พอได้เห็นโฉมงามของเซียถงใกล้ๆ นางก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาภายในใจ และไม่ต้องการให้เซียถงนางนี้สิ้นใจตายง่ายจนเกินไป

“นายน้อย นางงดเงามเหลือเหิน ไฉนท่านถึงไม่เล่นนางให้สาแก่ใจก่อนล่ะ? พอเบื่อแล้งก็ค่อยตัดแขนขาของนางให้เป็นง่อย แล้วขายทิ้งให้เป็นทาสในซ่องนางโลม?”

สมุนคนหนึ่งยิ้มกว้าง กล่าวแนะนำขึ้นทันใด

“อืม อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว”

ยังไม่ทันที่หลินเยวี่ยนจะได้ปริปากตอบด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากตรงหน้า ร่างของเซียถงก็โดดเด้งขึ้นมาจากพื้น พ่วงรัศมีจิตสังหารเข้มข้นหอบใหญ่ แผ่ซ่านไพศาลปกคลุมไปรอบผืนป่าโดยตรง

“จะ-เจ้า…เจ้าไม่ได้หมดสติอยู่รึ?!!”

หลินเยวี่ยนยืนตะลึงค้างแข็งไปชั่วขณะ จับจ้องหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดอยู่ต่อหน้าระยะเผาขน เสี้ยวพริบตาต่อมา ใบหน้าของเขาก็ถึงกับถอดสีซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ

“หากข้าหมดสติไป แล้วใครกันที่ส่งเจ้านรก!”

เซียถงแสยะยิ้มเย็นชาสุดแสน หนึ่งเสียงยะเยือกแว่วดัง มือข้างหนึ่งของนางตั้งตรงแข็งทื่อประดุจหอกแหลม และเสียบทะลวงเข้าใส่กลางอกของหลินเยวี่ยนทั้งมือเปล่าๆ แบบนั้น! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นจากทางอีกฝ่ายในทันใด ล้มคอพับสิ้นใจตายคาที่! และเมื่อนางกะซวกแขนข้างนั้นดึงออกมา ก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่กลวงโบ๋ขึ้นกลางหน้าอกของหลินเยวี่ยน น้ำเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดไม่หยุด

ตั้งแต่ที่ปี่เหลียนเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างกำยำกลุ่มนั้น เซียถงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้แล้ว ทั้งนี้นางแอบสังเกตเห็น ทางฝ่ายปี่เหลียนที่ลอบส่งสายตากับชายร่างกำยำลูกพี่ใหญ่อยู่ประมาณคราสองครา เท่านี้ก็พึงทราบชัดแจ้ง ต้องมีอแผนการอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้นแน่นอน

เหล่าลูกสมุนของหลินเยวี่ยนต่างยืนตะลึงงันไปภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอตัดภาพมาอีกทีก็พบว่า นายน้อยของพวกเขาถูกเซียถงใช้มือเปล่าทะลวงอกจนสิ้นใจตายอนาถไปเสียแล้ว หาใช่คนพวกนี้อ่อนแอจนตอบสนองต่อความเร็วของเซียถงไม่ทัน แต่เป็นเพราะการตัดสินใจลงมือของเซียถงมันเร็วเกินพวกเขาจินตนาการไปมาก

มีใครที่ไหนที่กล้าใช้มือเปล่าทะลวงอกคนอื่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร? เว้นเสียแต่เดียรัจฉาน ก็มีแต่นักฆ่าเลือดเย็นที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี แล้วหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงามเฉกเช่นเซียถง มันดูเข้าเค้าตรงไหน?

เซียถงสะบัดคราบเลือดที่อาบล้นในมือทิ้งเล็กน้อย กวาดสายตาเสียดมองบรรดาสมุนของหลินเยวี่ยนเหล่านั้นที่ยังยืนค้างแข็งกันเป็นหิน ไม่นาน หลายคนเพิ่งได้สติกลับมาและรีบกระชับอาวุธวิ่งโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ากกก! อ๊ากกก!!”

คล้อยหลังไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงร้องคร่ำครวญดังระงมต่อเนื่องทั่วผืนป่าเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เซียถงย่างสามขุมเดินออกจากป่า ใบหน้ายังคงฉาบเย็นเยียบไม่แปรเปลี่ยน จะมีก็แค่นัยน์ตาคู่นั้นที่ฉายแววอำมหิตคงอยู่

นอกผืนป่าบนเส้นขอบฟ้าไกล ดวงตะวันสีแสดสาดฉายใกล้ลับหายสู่ทิศตะวันตก มองผ่านสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเซียถงที่กำลังเดินจากออกไป เหลือเพียงธารเลือดแดงฉานที่เปียกชุ่มไปทั่วต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น ปลายทางตรงหน้าของนาง มีเงาคนทั้งสองร่างยืนรออยู่ และม้าอีกสามตน

ทอดมองสองคนที่ยืนอยู่แสนไกล สีหน้าการแสดงออกของเซียถงพลันแปรเปลี่ยนหนึ่งส่วน ดวงตาเป็นประกายฉายแววประหลาดใจ เจ้าหมอนี่มันอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ!

“คนพวกนั้นล่ะ? จัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่หานหันมาสะดุดสายตาสบมอง ย่างเท้าสืบเข้าใกล้นาง พลางเหลือบหางตาชำเลืองทางป่าผืนด้านหลัง ระบายยิ้มอ่อนแขวนประดับมุมปาก

เซียถงมองค้อนใส่ไปทีหนึ่ง ปิดปากไม่ตอบ ทะลุมองผ่านไปยังเบื้องหลังอีกฝ่าย แลเห็นม้าอาชาสีขาวของนางที่ยืนอยู่ตรงนั้น ประกายตาของนางพลันแปรเปลี่ยนไปในทันใด เลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า

“นี่เจ้าแอบติดตามข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

“ก็ติดตามอยู่ตลอด เพียงแต่เจ้าไม่ทันสังเกต”

ไป๋หลี่หานยิ้มตอบ หันไปหาม้าสองสามตัวที่ยืนรออยู่

ม้าตนหนึ่งสีขาวบังเหียนคลุมหลังสีม่วง ส่วนอีกตนเป็นอาชาขาวที่เซียถงขี่มาโรงเตี้ยม

ไป๋หลี่หานพาม้าที่นางผูกทิ้งไว้ที่โรงเตี้ยมจูงมาให้ และตามที่เขากล่าวไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายแอบติดตามนางอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ จงใจไม่เปิดเผยตัวออกมาเลยเท่านั้น และนางก็ไม่ทันสังเกตเลยสักครั้ง ซึ่งความไม่รู้อะไรเลยของนาง ก็ทำให้นางแอบหงุดหงิดใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อยจริงๆ

182 4

ตอนที่352 แผนซ้อนแผน

“นายน้อย บ่าวพาเซียถงมาแล้วเจ้าค่ะ”

ปี่เหลียนอุ้มเซียถงเข้ากลางวงกลุ่มคนเหล่านั้น ทันทีที่มาถึงก็โยนนางทิ้งลงกับพื้นโดยไวอย่างไม่แยแส และรีบวิ่งปรี่ไปหาหลินเยวี่ยนดูมีท่าทีสุขใจ

หลินเหยี่ยนเดินไปหยุดตรงหน้าเซียถง ค่อยๆ ก้มตัวลงสังเกตมองใบหน้าของนางอยู่หลายคราอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน ยิ้มกล่าวน้ำเสียงพึงพอใจว่า

“ใช่แล้ว นำตัวนังนี่มาได้เร็วดีหนิ เช่นนั้นย่อมตอบแทนเจ้าไม่คิดตระหนี่ รับไปเหรียญทองในส่วนของเจ้า”

“ขอบพระคุณนายน้อย! ขอบพระคุณนายน้อยเป็นอย่างสูง!”

ปี่เหลียนพยักหน้ารัวราวไก้จิกข้าวเปลือก คลี่ยิ้มแย้มมีความสุข

“แต่นายน้อยเจ้าค่ะ นางคือเซียถงคนเดียวกับที่ทำให้นายน้อยใหญ่พิการจริงรึ? ฟังว่าเซียถงนางนั้นต้องมีรูปโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียด”

ปี่เหลียนเคยได้ฟังเรื่องราวของเซียถงในศึกประลองสี่จักรวรรดิครั้งนั้นอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งด้วยความสงสัย แม้แต่เหล่าสมุนลูกน้องรอบตัวหลินเหยี่ยนเองก็บังเกิดข้อสงสัยไม่คลายใจเช่นกัน พินิจจากรูปลักษณ์อันงดงามของเซียถงที่นอนอยู่ตรงหน้า ดูท่าอาจไม่ใช่คนๆ เดียวกัน

“ในเมืองอู่ถง นังนี่ก็พูดเองว่าชื่อเซียถงจากตงหลี่ หากสันนิษฐานไม่ผิด ตลอดที่ผ่านมาในระหว่างการประลองศึกสี่จักรวรรดิ นางน่าจะใช้อะไรบางอย่างแต่งแต้มบนใบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าเกลียด ลดทอนปัญหาไม่เข้าเรื่องที่อาจก่อเกิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นังนี่ก็ทำให้พี่ชายข้าพิการเป็นง่อยไปแล้ว ยังไงก็มิอาจละเว้นชีวิตของนังนี่ได้!”

หลินเหยี่ยนจ้องเซียถงตาเขม็งขึงขัง กวาดมองไปทั่วเรือนร่างอรชรสวยงามของนาง ทันใดนั้นก็เผยแววตัณหาอารมณ์สะท้อนออกมาจากในดวงตา

หลินเฟยในเวลานี้กลายมาเป็นชายง่อยพิการติดเตียงไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเซียถงคนเดียว โดยธรรมชาติในฐานะน้องชายอย่างหลินเยวี่ยนย่อมต้องล้างแค้นให้เป็นธรรมดา ด้วยเพลิงอาฆาตที่ลุกโชนภายในใจ เขาจึงทุ่มเงินจำนวนไม่น้อย เพื่อจ้างคนกลุ่มหนึ่งลอบติดตามเซียถงที่กำลังกลับตงหลี่ ซึ่งก็คือกลุ่มของชายกำยำเหล่านั้นโดยมีทาสรับใช้สาวของเขาอย่างปี่เหลียนติดตามไปอีกแรง เมื่อระบุตัวเป้าหมายได้แน่ชัดแล้ว ทั้งหมดจึงร่วมกันเล่นละครฉากหนึ่ง จึงเป็นดั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

แต่ใครจะไปคาดคิด เซียถงกลับใจอ่อนและขี้สงสารกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก จึงถูกปี่เหลียนที่เล่นละครตบตาล่อลวงเข้าเต็มเปา ซึ่งนี่ทำให้หลินเยวี่ยนแปลกใจไม่น้อยเลย แต่ความรู้สึกคล้อยหลังที่ตามมาก็คือ ความปีติยินดี ในที่สุดเซียถงก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว เช่นนั้นย่อมสามารถลงมือลงไม้ทรมานตามใจชอบได้!

“นายน้อยหลิน บ่าวเกรงว่า แค่ลงมือสังหารนางทิ้งด้วยกระบี่เดียว จะไม่เพียงพอสำหรับบรรเทาความเกลียดชังอาฆาตนี้ลงได้”

ปี่เหลียนแสยะยิ้มชั่วร้าย พอได้เห็นโฉมงามของเซียถงใกล้ๆ นางก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาภายในใจ และไม่ต้องการให้เซียถงนางนี้สิ้นใจตายง่ายจนเกินไป

“นายน้อย นางงดเงามเหลือเหิน ไฉนท่านถึงไม่เล่นนางให้สาแก่ใจก่อนล่ะ? พอเบื่อแล้งก็ค่อยตัดแขนขาของนางให้เป็นง่อย แล้วขายทิ้งให้เป็นทาสในซ่องนางโลม?”

สมุนคนหนึ่งยิ้มกว้าง กล่าวแนะนำขึ้นทันใด

“อืม อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว”

ยังไม่ทันที่หลินเยวี่ยนจะได้ปริปากตอบด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นจากตรงหน้า ร่างของเซียถงก็โดดเด้งขึ้นมาจากพื้น พ่วงรัศมีจิตสังหารเข้มข้นหอบใหญ่ แผ่ซ่านไพศาลปกคลุมไปรอบผืนป่าโดยตรง

“จะ-เจ้า…เจ้าไม่ได้หมดสติอยู่รึ?!!”

หลินเยวี่ยนยืนตะลึงค้างแข็งไปชั่วขณะ จับจ้องหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดอยู่ต่อหน้าระยะเผาขน เสี้ยวพริบตาต่อมา ใบหน้าของเขาก็ถึงกับถอดสีซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ

“หากข้าหมดสติไป แล้วใครกันที่ส่งเจ้านรก!”

เซียถงแสยะยิ้มเย็นชาสุดแสน หนึ่งเสียงยะเยือกแว่วดัง มือข้างหนึ่งของนางตั้งตรงแข็งทื่อประดุจหอกแหลม และเสียบทะลวงเข้าใส่กลางอกของหลินเยวี่ยนทั้งมือเปล่าๆ แบบนั้น! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นจากทางอีกฝ่ายในทันใด ล้มคอพับสิ้นใจตายคาที่! และเมื่อนางกะซวกแขนข้างนั้นดึงออกมา ก็ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่กลวงโบ๋ขึ้นกลางหน้าอกของหลินเยวี่ยน น้ำเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดไม่หยุด

ตั้งแต่ที่ปี่เหลียนเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างกำยำกลุ่มนั้น เซียถงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้แล้ว ทั้งนี้นางแอบสังเกตเห็น ทางฝ่ายปี่เหลียนที่ลอบส่งสายตากับชายร่างกำยำลูกพี่ใหญ่อยู่ประมาณคราสองครา เท่านี้ก็พึงทราบชัดแจ้ง ต้องมีอแผนการอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้นแน่นอน

เหล่าลูกสมุนของหลินเยวี่ยนต่างยืนตะลึงงันไปภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอตัดภาพมาอีกทีก็พบว่า นายน้อยของพวกเขาถูกเซียถงใช้มือเปล่าทะลวงอกจนสิ้นใจตายอนาถไปเสียแล้ว หาใช่คนพวกนี้อ่อนแอจนตอบสนองต่อความเร็วของเซียถงไม่ทัน แต่เป็นเพราะการตัดสินใจลงมือของเซียถงมันเร็วเกินพวกเขาจินตนาการไปมาก

มีใครที่ไหนที่กล้าใช้มือเปล่าทะลวงอกคนอื่นโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร? เว้นเสียแต่เดียรัจฉาน ก็มีแต่นักฆ่าเลือดเย็นที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี แล้วหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงามเฉกเช่นเซียถง มันดูเข้าเค้าตรงไหน?

เซียถงสะบัดคราบเลือดที่อาบล้นในมือทิ้งเล็กน้อย กวาดสายตาเสียดมองบรรดาสมุนของหลินเยวี่ยนเหล่านั้นที่ยังยืนค้างแข็งกันเป็นหิน ไม่นาน หลายคนเพิ่งได้สติกลับมาและรีบกระชับอาวุธวิ่งโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ากกก! อ๊ากกก!!”

คล้อยหลังไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงร้องคร่ำครวญดังระงมต่อเนื่องทั่วผืนป่าเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เซียถงย่างสามขุมเดินออกจากป่า ใบหน้ายังคงฉาบเย็นเยียบไม่แปรเปลี่ยน จะมีก็แค่นัยน์ตาคู่นั้นที่ฉายแววอำมหิตคงอยู่

นอกผืนป่าบนเส้นขอบฟ้าไกล ดวงตะวันสีแสดสาดฉายใกล้ลับหายสู่ทิศตะวันตก มองผ่านสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเซียถงที่กำลังเดินจากออกไป เหลือเพียงธารเลือดแดงฉานที่เปียกชุ่มไปทั่วต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น ปลายทางตรงหน้าของนาง มีเงาคนทั้งสองร่างยืนรออยู่ และม้าอีกสามตน

ทอดมองสองคนที่ยืนอยู่แสนไกล สีหน้าการแสดงออกของเซียถงพลันแปรเปลี่ยนหนึ่งส่วน ดวงตาเป็นประกายฉายแววประหลาดใจ เจ้าหมอนี่มันอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ!

“คนพวกนั้นล่ะ? จัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่หานหันมาสะดุดสายตาสบมอง ย่างเท้าสืบเข้าใกล้นาง พลางเหลือบหางตาชำเลืองทางป่าผืนด้านหลัง ระบายยิ้มอ่อนแขวนประดับมุมปาก

เซียถงมองค้อนใส่ไปทีหนึ่ง ปิดปากไม่ตอบ ทะลุมองผ่านไปยังเบื้องหลังอีกฝ่าย แลเห็นม้าอาชาสีขาวของนางที่ยืนอยู่ตรงนั้น ประกายตาของนางพลันแปรเปลี่ยนไปในทันใด เลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า

“นี่เจ้าแอบติดตามข้ามาตั้งแต่เมื่อใด?”

“ก็ติดตามอยู่ตลอด เพียงแต่เจ้าไม่ทันสังเกต”

ไป๋หลี่หานยิ้มตอบ หันไปหาม้าสองสามตัวที่ยืนรออยู่

ม้าตนหนึ่งสีขาวบังเหียนคลุมหลังสีม่วง ส่วนอีกตนเป็นอาชาขาวที่เซียถงขี่มาโรงเตี้ยม

ไป๋หลี่หานพาม้าที่นางผูกทิ้งไว้ที่โรงเตี้ยมจูงมาให้ และตามที่เขากล่าวไว้ไม่มีผิด อีกฝ่ายแอบติดตามนางอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ จงใจไม่เปิดเผยตัวออกมาเลยเท่านั้น และนางก็ไม่ทันสังเกตเลยสักครั้ง ซึ่งความไม่รู้อะไรเลยของนาง ก็ทำให้นางแอบหงุดหงิดใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อยจริงๆ