ตอนที่ 436 ต่อสู้กับความชั่วร้ายโดยไม่เสียดายชีวิตตนเอง (1)
“แต่ว่า ในเมื่อฝ่าบาทรับปากให้สร้างจวนกั๋วกงขึ้นมาใหม่แล้ว จะให้หม่อมฉันที่เป็นสตรีตัวคนเดียวยืนตากแดดตากลม ใช้มือคู่นี้ของตนเองสร้างจวนขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยหรือเพคะ”
ตระกูลหนิงกุมอำนาจทางทรัพย์สินเงินทองของแว่นแคว้น จะไม่มีเงินใช้สร้างจวนกั๋วกงขึ้นมาใหม่เลยหรือ จะสร้างคฤหาสน์เช่นจวนกั๋วกงขึ้นมาใหม่หลังหนึ่ง ใช้เงินใช้คนไม่น้อย ยามนี้ท้องพระคลังขัดสน เขาจะยอมเป็นคนโง่ที่โดนหลอกง่ายๆ ได้เช่นไร
เพียงแต่ ท่าทางบอบบางเช่นนี้ของมั่วเชียนเสวี่ย ทำให้ฮ่องเต้พลันคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา อยากจะบันดาลโทสะ แต่กลับบันดาลไม่ออกไปชั่วขณะ
แต่ความพระทัยอ่อนของฮ่องเต้ ก็เป็นเพียงชั่ววูบเดียว นี่เป็นโอกาสที่ดีโอกาสหนึ่ง!
ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยโอกาสใดๆ ที่มีประโยชน์ต่อการรวมตำแหน่งฮ่องเต้ของเขา
เผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่และสำคัญ ก็ยังสามารถจิตใจสงบเยือกเย็นได้ “อยากให้ข้าออกค่าใช้จ่ายในการสร้างจวนขึ้นมาใหม่ให้เจ้า อยากให้ข้ามีราชโองการส่งคนในวังไปสร้างจวนกั๋วกงให้เจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้…”
“ฝ่าบาทตรัสมาได้เลยเพคะ”
ฮ่องเต้ถูกทำให้สำลัก เขาย่อมไม่มีทางเอ่ยขอสิ่งใดจากข้าราชบริพารกับปาก
ตอนนี้จึงยกถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ประโยชน์ของขันทีคนสนิทคืออะไร ก็คือถ่ายทอดวาจาที่ฮ่องเต้ไม่สะดวกจะตรัสออกมาลงไป
ไม้ปัดในมือสะบัด เสียงแหลมเล็กเอ่ยเตือนว่า “ได้ยินมาว่าตอนที่บิดาของเจ้าอยู่ที่ชายแดนตะวันตก ได้รับป้ายไม้สีดำแผ่นหนึ่ง ฝ่าบาทได้ยินว่าป้ายไม้นั้นมหัศจรรย์มาก จึงอยากจะยลสักครา”
มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มเยาะในใจ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ
“ใช่ป้ายนี้หรือไม่เพคะ”
ขณะที่เอ่ยก็ยกมือขวาดึงด้ายสีแดงเส้นหนึ่งออกมาจากบริเวณปกคอเสื้อ และกระตุกป้ายสีดำที่คล้ายกับไม้ ทั้งคล้ายกับหยกออกมาตามตัวด้าย
นัยน์ตาของฮ่องเต้คล้ายกับติดอยู่บนแผ่นไม้แผ่นนั้นตามการถูกดึงออกมาของป้ายไม้ดำ
ขันทีคนสนิทเอ่ยอย่างยินดีว่า “เป็นแผ่นนี้แหละ”
หากเป็นคนอื่นได้ยินวาจานี้ เกรงว่าคงจะดึงป้ายไม้นี้ส่งให้อย่างคล้อยตามทันที
แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับเอ่ยเรียบๆ “ป้ายไม้นี้เป็นป้ายที่บิดาสวมให้หม่อมฉันก่อนที่จะไปชายแดนตะวันตกเมื่อหกปีก่อน ท่านบอกว่าเป็นยันต์คุ้มกันของหม่อมฉัน ให้หม่อมฉัน ‘พกติดกายไปตลอดกาล’ ดังนั้นหม่อมฉันจึงพกติดตัวไว้ตลอด แต่ว่า มันมีความแปลกจริงๆ…”
มั่วเชียนเสวี่ยเน้นน้ำเสียงที่คำว่าพกติดกายไปตลอดกาล แต่ฮ่องเต้กำลังอยู่ในสภาวะตื่นเต้น จึงฟังไม่ออกถึงความนัยในวาจาของนาง
“มีความแปลกตรงที่ใด” ฮ่องเต้บีบพระหัตถ์ ฟังต่อไปด้วยความสนใจ
มั่วเชียนเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่ตอบคำถามของฮ่องเต้ กลับเชิดหน้าขึ้น แสดงท่าทีตรงข้ามกับท่าทางบอบบางเมื่อครู่แทน
เอ่ยด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน เน้นหนักในทุกๆ คำ
“หม่อมฉันบังอาจถาม เพลิงไหม้ในจวนกั๋วกงมาจากที่ใด นักฆ่าเหล่านั้นมาจากที่ไหน และยิ่งต้องการถามว่าการตายของบิดาหม่อมฉันนั้นมีความเป็นมาเช่นไรกันแน่เพคะ….”
ตั้งแต่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ นางไม่เพียงไม่ถาม เพราะกำลังยืนยันว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ตามหาคือป้ายไม้แผ่นนี้จริงๆ ใช่หรือไม่ นางจำเป็นต้องแน่ใจว่าไร้ข้อผิดพลาด รับประกันว่าตนเองยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีวันแพ้ ถึงจะสามารถโจมตีได้
แต่ก่อน นางคาดเดาเอาเองทุกอย่าง มาตอนนี้เพิ่งจะแน่ใจ
ในเมื่อแน่ใจแล้ว ฮ่องเต้ย่อมต้องรู้ความหมายพิเศษที่ติดมากับป้ายไม้ดำนี้ นางก็ไม่มีความจำเป็นต้องหวาดกลัวอีก
ทว่า สิ้นเสียงนาง ลำคอก็ถูกหัวหน้าขันทีบีบเอาไว้
ในเมื่อหาป้ายไม้ดำพบแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยจะอยู่หรือตายก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอีก
การถูกประทานความตายในห้องทรงพระอักษรมีเหตุผลมากมาย
ฮ่องเต้ไม่มีทีท่าจะหยุดการกระทำของหัวหน้าขันทีแม้แต่น้อย ครานี้นางดึงป้ายไม้ดำออกมาจากอาภรณ์ ทั้งยังมีท่าทางไม่เคารพต่อตนเองเช่นนี้ นับว่าเป็นโอกาสในการประทานความตายที่ดีที่สุด
ถ้าหากให้ใช้ป้ายไม้ดำแผ่นนี้เป็นสินเดิมแต่งเข้าตระกูลหนิง เช่นนั้นก็จะเป็นภัยคุกคามต่อราชวงศ์อย่างใหญ่หลวง
เมื่อขันทีขยับ ในมือของมั่วเชียนเสวี่ยก็ปรากฏเข็มขึ้นทันที
เพียงแต่ นางไม่ได้ลงมือ
ประการแรกเป็นเพราะขันทีผู้นี้ลงมืออย่างรวดเร็ว นางไม่มีโอกาส
ประการที่สองก็เป็นเพราะ แม้ว่าจะยับยั้งขันทีผู้นี้ได้ ภายในห้องนอกจากฮ่องเต้กับขันที ก็ยังมีคนอีกคนหนึ่ง
ไม่ใช่ว่านางสามารถได้ยินเสียงของอีกคนหนึ่ง แต่นางเคยได้ยินหนิงเซ่าชิงเอ่ยถึงว่า เบื้องหลังพระวรกายฮ่องเต้มีเงาๆ หนึ่งติดตามอยู่ทั้งวันทั้งคืน
ก็เหมือนกับอิ่งซาในกาลก่อน
เพียงแต่ ตอนนี้อิ่งซารับช่วงต่อดูแลหอลับ ข้างกายเขาจึงเปลี่ยนเป็นเตาหนูที่เบื้องหน้าคือองครักษ์
ถ้าหากว่านางลงมือจริงๆ เงาที่อยู่เบื้องหลังก็จะลงมือ บางทีอาจจะไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดเลยจริงๆ
คิดถึงจุดนี้ มือซ้ายของมั่วเชียนเสวี่ยที่จับเข็มอยู่ก็คลายออก เก็บเข้าไปในแขนเสื้อ
หากหัวหน้าขันทีคิดจะปลิดชีพนางนั้นง่ายมาก จึงไม่ได้ลงมือรุนแรง
ดังนั้น ขอเพียงแค่ฮ่องเต้ยังอยากรู้เกี่ยวกับความมหัศจรรย์เหล่านี้ของป้ายไม้ดำ
ดังนั้น ขอเพียงแค่ฮ่องเต้อยากจะชื่นชมท่าทีร้องขอความเมตตาของนางอีกนิด
แม้ว่าพวกเขาจะยังมีแผนลับ ชีวิตของนางก็ยังไม่จบสิ้น โอกาสของนางยังมีอีกมาก
มั่วเชียนเสวี่ยดวงหน้าแดงก่ำ นางไม่ได้ร้องขอความเมตตา แต่เอ่ยเสียงขาดๆ หายๆ ว่า “ฝ่า…บาทอย่า…หุนหันพลันแล่น…จะดีกว่า”
ฮ่องเต้ที่ได้รับคำเตือนก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด คล้ายกับไม่ได้ยินวาจาของมั่วเชียนเสวี่ย สายตาที่ลอบส่งให้กับหัวหน้าขันทีกลับเย็นเยียบ
มือของหัวหน้าขันทีกระชับแน่นขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่สามารถกล่าววาจาใดออกมาได้อีกแล้ว
อึดอัดเสียจนทั่วทั้งใบหน้าแดงก่ำ ความดื้อดึงในใจปะทุออกมาอีกครั้ง นางไม่เพียงไม่ร้องขอความเมตตา แต่ยังจ้องมองฮ่องเต้เขม็ง
มีความสามารถ ก็ฆ่านางให้ตายจริงๆ เสียสิ เพียงแต่ ฆ่านางแล้ว เขาก็จะตายอย่างอนาถเช่นกัน
ก่อนที่นางจะเข้าวัง ได้กำชับเรื่องที่ต้องจัดการบางอย่างไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว
ฮ่องเต้ไม่ได้รับการร้องขอความเมตตาอย่างที่คาดเอาไว้ แต่กลับได้รับสายตายั่วยุแทน
ฮ่องเต้ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ประกายในพระเนตรยิ่งเย็นเยียบ
มือของหัวหน้าขันทีบีบแน่นขึ้น คราวนี้ ไม่เพียงหายใจไม่ได้ กระทั่งกระดูกบริเวณลำคอก็มีความรู้สึกใกล้จะถูกบีบละเอียดแล้ว
ความเจ็บปวดแผ่เข้าปกคลุม เท้าของนางก็ถูกแรงแขนข้างหนึ่งของหัวหน้าขันทีบีบให้ห่างจากพื้น
ภายใต้ปฏิกิริยาตอบสนอง มือของมั่วเชียนเสวี่ยแกะมือของขันทีสุดชีวิต ขาก็แกว่งอยู่กลางอากาศ
เพียงแต่ หัวหน้าขันทีอายุไม่น้อยแล้ว กำลังภายในยิ่งมีมากกว่า สามารถปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮ่องเต้ได้ ย่อมไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
มือที่บีบอยู่แน่นราวกับห่วงเหล็ก สตรีที่เพิ่งจะฝึกกำลังกายในอย่างนางจะต้านทานได้เช่นไร
อยากจะเก็บเกี่ยว แต่ไม่จ่ายค่าตอบแทน นั่นเป็นไปไม่ได้
มั่วเชียนเสวี่ยหลับตาทั้งสองข้างลง กัดฟันแน่น ยอมแพ้ที่จะดิ้นรน
ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นจะลอยห่างจากนางออกไป ความจริงศีรษะนางเริ่มมึนเล็กน้อยแล้ว
ฮ่องเต้เห็นท่าไม่ดี ถึงได้ยกพระหัตถ์ขึ้นหยุดการเพิ่มแรงต่อไปของหัวขันที
เมื่อหัวหน้าขันทีคลายมือ
มั่วเชียนเสวี่ยก็ร่วงลงบนพื้น
ในขณะที่ไอเสียงดัง ก็สูดลมหายใจที่อยู่รอบด้านเข้าไปอึกโตเช่นกัน
จากการมีชีวิตสู่ความตาย จากความตายกลับมามีชีวิต วันนี้นางได้เดินบนเส้นทางนี้อีกรอบแล้ว
ดีจริงๆ!
โชคไม่ดีตลอดปี นับตั้งแต่เข้าเมืองหลวง มีกี่ครั้งแล้วที่นางหนีจากความตายมาได้!
แม้ว่าหัวหน้าขันทีจะคลายมือ แต่กลับไม่ได้ปล่อยนางไป
เขาก้มตัวลง ปากก็ข่มขู่ว่า “บอกมา ป้ายไม้ดำแผ่นนี้มีความมหัศจรรย์ตรงไหนกันแน่ ถ้าหากอธิบายได้ชัดเจน ฮ่องเต้ย่อมไม่ถือสาการกระทำที่เสียมารยาทเมื่อครู่นี้ของเจ้า บางทีวันนี้เจ้าอาจจะสามารถมีชีวิตออกไปจากห้องทรงพระอักษรได้”