บทที่ 431 ปราบปรามโจรสลัด
เผยยวนตอนนี้ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อก่อนตอนพบหน้ากันที่เมืองหลวง ที่เรียกเขาว่าแม่ทัพเฉินก็แค่เรียกตามมารยาทเท่านั้น
เฉินไห่คั่วมีสีหน้าบึ้งตึง “คืนเงินให้เต็มจำนวน และเสริมกำลังหน่วยลาดตระเวน”
เช่นนี้คงจะพอแล้วกระมัง?
เผยยวนจ้องหน้าเขา “ในกฎระเบียบทหารของต้าจิ้นไม่มีระบุเอาไว้ว่าสามารถเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านได้เอง ตอนนี้ข้าจะไว้หน้าเจ้าก่อน ก่อนที่จะกำจัดโจรสลัดได้ แต่โทษของเจ้าข้าจะจดจำเอาไว้”
ความหมายก็คือ ใกล้จะสู้กับโจรสลัดแล้ว เขาจะยังไม่ลงโทษตอนนี้ แต่จะมีวันนั้นอย่างแน่นอน
เฉินไห่คั่วไม่อยากจะยอมรับ จึงเอ่ยออกมา “ท่านอ๋องไม่รู้อะไร โจรสลัดนั่นไม่ใช่แค่วันสองวันก็จะสามารถกวาดล้างให้สิ้นซากได้ บุกขึ้นเกาะพวกมันพวกเราก็ลองมาแล้ว แต่เมื่อขึ้นไปก็ไร้เงาคน ท่านจะลงโทษไม่สู้สั่งมาได้เลย เก็บไว้เช่นนี้ข้าเกรงว่าไม่รู้เมื่อใดจะได้ลงโทษ”
เฉินไห่คั่วรู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างมาก เพราะเขาคิดว่าเผยยวนเป็นแค่เด็กน้อย จึงไม่สามารถก้มหัวให้เขาได้
อีกทั้งเฉินไห่คั่วยังคิดอีกว่าเผยยวนนั้นมีแผนการลึกล้ำ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เลี้ยงหวงไท่ซุนเอาไว้ข้างกายตั้งแต่แรก
ตอนนี้เผยยวนไม่อยากจะทำให้จิตใจของทหารสั่นคลอน และไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่เขามาเจียงหนาน เมื่อได้ยินคำพูดที่โกรธเกรี้ยวของเฉินไห่คั่ว ก็ส่ายหน้าไปมา ที่ปรึกษาทางทหารจึงดึงเฉินไห่คั่วหนึ่งที ก่อนจะกระซิบเบา ๆ “ท่านอ๋องไว้หน้าท่านแม่ทัพอยู่นะขอรับ ท่านอย่าหุนหันพลันแล่น ไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนสิขอรับ”
เฉินไห่คั่วหัวใจกระตุกและได้สติขึ้นมาทันที ขอเพียงเขาฆ่าหัวหน้าโจรสลัดเพื่อสร้างผลงานได้ บทลงโทษนั้นถึงเวลาก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเผยยวนจะไว้หน้าเขา เขารู้สึกอับอายอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ที่ปรึกษาร้อนใจขึ้นมา ก่อนที่เฉินไห่คั่วจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ท่านอ๋องมาครั้งนี้ ก็เพราะเรื่องโจรสลัดหรือขอรับ?”
เผยยวนมองไปทางแผนที่บนโต๊ะแล้ว ก็ขี้เกียจจะสนใจความคิดเล็กคิดน้อยของเฉินไห่คั่วอีก
หมู่เกาะโจวซานมีเกาะน้อยใหญ่มากมาย แต่ละเกาะก็กระจัดกระจายออกไป ในอดีตบนเกาะขนาดใหญ่นั่นยังมีชาวประมง หมู่บ้าน ทว่าตอนนี้กลับถูกโจรสลัดฆ่าทิ้งไปจนหมดแล้ว และกลายเป็นฐานที่มั่นของพวกมันแทน
อีกทั้งมียามเฝ้าดูอยู่จำนวนมาก เกาะเล็ก ๆ ทุกเกาะล้วนมีคนคอยลาดตระเวนอยู่ ดังนั้นเมื่อกองทัพเรือมีการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาจะส่งสัญญาณให้กัน จากนั้นสมาชิกทั้งหมดก็จะถอนกำลังออกไปทันที
เจ้าเล่ห์และยากจะจัดการจริง ๆ อีกทั้งโจรสลัดเหล่านั้นล้วนเป็นพวกที่โหดเหี้ยม ไม่มีศีลธรรมใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เวลาฆ่าคนก็ราวกับจะสู้ตายอย่างไรอย่างนั้น
“รายงานสถานการณ์ตอนนี้มา” เผยยวนเอ่ยออกมา
เฉินไห่คั่วเองก็ไม่ได้ปิดบัง เขารู้ว่าเผยยวนผู้นี้ไม่สามารถหลอกได้ง่าย ๆ และการที่เขามาด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว แสดงว่าราชสำนักสุดที่จะทนได้แล้ว ดังนั้นจึงคิดจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกโจรสลัด
แต่คนของกลุ่มกองเรือก็อยู่ที่นี่ด้วย เฉินไห่คั่วใช้สายตาส่งสัญญาณให้เผยยวน ทว่าเผยยวนกลับบอกให้เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาได้เลย “หัวหน้าฮวาของกลุ่มกองเรือจะช่วยพวกเราปราบปรามโจรสลัดในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นช่วงนี้กลุ่มกองเรือกับกองทัพเรือก็ควรจะสามัคคีกัน ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง”
เฉินไห่คั่วแม้จะสงสัยว่าเผยยวนโน้มน้าวฮวาเส้าจงผู้นี้ได้อย่างไร ทว่าก็ยังตอบไปตามความเป็นจริง หลังจากพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เสร็จแล้ว เขาก็พูดเบา ๆ ขึ้น “ข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก โจรสลัดเหล่านั้นราวกับรู้เส้นทางเรือบรรทุกสินค้าของเรา ต่อให้จงใจอ้อมออกไปทว่าก็ยังสามารถรู้เส้นทางกลับเมืองได้อย่างแม่นยำ”
เผยยวนขมวดคิ้ว “เจ้าสงสัยว่ามีคนขายข่าวอย่างนั้นหรือ? ฉวนปั๋วซือ*อย่างนั้นหรือ?”
* ฉวนปั๋วซือ (船舶司) หมายถึง หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการเรือเข้าและออกจากท่าเรือ
“ใต้เท้าฟางจวิ่นของฉวนปั๋วซือข้าเองก็รู้จักดี ไม่ใช่หรอกขอรับ แต่ข้าสงสัยว่าจะมีคนของกลุ่มโจรสลัดแฝงตัวเข้ามาในฉวนปั๋วซือมากกว่า หรือไม่ก็มีคนในสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู แต่ข้าเอนเอียงไปที่ข้อแรกมากกว่าขอรับ”
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร?” เผยยวนถาม
เฉินไห่คั่วถอนหายใจออกมา “ตอนนั้นแม่ของใต้เท้าฟางจวิ่นถูกโจรสลัดฆ่า และโยนศพทิ้งในที่รกร้าง ดังนั้นข้าคิดว่าต่อให้โจรสลัดต้องการซื้อตัวใต้เท้าฟางจวิ่น แต่ในฐานะลูก เขาไม่น่าตอบตกลงเพราะเห็นแก่เงิน”
เผยยวนพยักหน้ารับ “เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือต้องปราบปรามโจรสลัดให้ได้ ระหว่างทางมาที่นี่ข้าได้หารือกับหัวหน้าฮวาถึงแผนการสองสามประเด็น เจ้าลองฟังดู”
ประเด็นแรกที่เผยยวนหยิบยกขึ้นมาก็คือการส่งเสริมมาตรการรายงานเมื่อพบโจรสลัด ต่อให้จะแค่สงสัยก็สามารถรายงานต่อเจ้าหน้าที่ทหารได้เลย และหากรายงานเสร็จแล้วก็จะได้รับเงินหนึ่งร้อยตำลึง กลับกันหากพบว่าจงใจรายงานข่าวเท็จเพื่อเงินตอบแทน เช่นนั้นก็จะถูกลงโทษ
อีกประเด็นหนึ่งคือการจัดตั้งฐานที่มั่น โดยสิบหมู่บ้านจะมีฐานที่มั่นหนึ่งแห่ง โดยมีกลุ่มกองเรือและกองทัพเรือร่วมกันลาดตระเวน ในฐานที่มั่นจะมีหอสังเกตการณ์ ให้คนผลัดเวรกันสังเกตการณ์ตลอดสิบสองชั่วยาม ตามแผนที่ระหว่างฐานที่มั่นจะถูกเชื่อมต่อเป็นเส้นเดียวกัน ในแต่ละหมู่บ้านต้องมีแท่นจุดไฟตั้งอยู่ โดยให้ทหารยามในกองทัพเรือรับผิดชอบด้วยตัวเอง เมื่อมีการเคลื่อนไหวใด ๆ ให้ส่งสัญญาณและเข้าปิดล้อมปราบปรามทันที ในหมู่บ้านก็พยายามหาที่หลบภัย สามารถรวมตัวกันเพื่อรอการช่วยเหลือได้
ประเด็นที่สาม ชาวประมงที่ออกทะเลต้องพกหมิงตี๋**ที่สามารถใช้สื่อสารได้ไปด้วย หากพบโจรสลัดจะมาฆ่าหรือยึดเรือ ต้องไปแจ้งข่าวกับฐานที่มั่นที่อยู่ใกล้กับพื้นที่นั้น ๆ
** หมิงตี๋ (通讯) หมายถึง ธนูที่สามารถส่งเสียงดังวี้ดได้
ในเมื่อเผยยวนมาแล้ว จึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องโค่นล้มพวกโจรสลัดลงให้จงได้
เฉินไห่คั่วฟังความคิดเห็นของเผยยวนก็เข้าใจได้ทันที ราชสำนักจะจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว และครั้งนี้ก็ได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต่อสู้กับโจรสลัดให้ถึงที่สุด
“ก่อนหน้านี้เคยมีหอสังเกตการณ์อยู่ ทว่าต่อมาหลังจากถูกโจรสลัดพบเข้า พวกมันก็ไม่ผ่านสถานที่เหล่านั้นอีก แต่ครั้งนี้ข้าจะให้คนไปจัดการหาที่ที่ลับตาหน่อยขอรับ”
“ได้ นี่เป็นเรื่องแรก อีกอย่างก็คือ พวกเราไม่สามารถอยู่รอโจรสลัดให้ออกมาเองได้ แต่ต้องล่อให้พวกมันออกมา”
เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย***อยู่ที่นี่ นอกจากเหนื่อยล้าทั้งกายใจและรอจนกระวนกระวายใจแล้ว การรอคอยเป็นเวลานานก็มีแต่จะทำให้ความอดทนของทหารสูญเปล่า
*** เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย (守株待兔) หมายถึง การอยู่เฉย ๆ รอคอยความสำเร็จ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย
เฉินไห่คั่วฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ปล่อยข่าวล่อปลาใหญ่?”
“ถูกต้อง ในเมื่อต้องเอาชีวิตรอดในฤดูหนาว และยังมีลูกน้องต้องเลี้ยงมากเพียงนั้น เสบียงของพวกมันย่อมถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงขึ้นฝั่งมาปล้น ข้าเห็นว่าสถานที่ที่เจ้าวาดบนแผนที่เหล่านี้ หนึ่งไม่ได้ร่ำรวย สองหมู่บ้านค่อนข้างห่างไกล เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกมันยังไม่กล้าปล้นสถานที่ที่มีคนของกองทัพเรือจำนวนมากลาดตระเวนอยู่ นั่นก็หมายความว่าของที่มันปล้นไปเหล่านั้น สำหรับพวกมันแล้วเท่ากับน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้**** ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกมัน
**** น้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ (杯水车薪) หมายถึง มีพละกำลังน้อยกว่า
ขอเพียงปล่อยข่าวให้พวกมันรู้ว่า หากปล้นเพียงครั้งเดียวจะสามารถอยู่ได้ครึ่งปี ต่อให้พวกมันต้องเสี่ยงอันตรายก็จะต้องบุกมาอย่างแน่นอน หากเดิมพันยังไม่พอก็เพิ่มเดิมพันให้มากขึ้น เจียงหนานมีพ่อค้าที่ร่ำรวยอยู่มากมาย จะมีปลาใหญ่มาก็ไม่แปลก”
เฉินไห่คั่วเข้าใจแล้ว “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ ท่านอ๋องมาถึงที่นี่มีที่พักหรือยังขอรับ หรือไม่ไปพักที่จวนของผู้น้อยก่อน ลูกและภรรยาของผู้น้อยล้วนเป็นคนที่รู้มารยาท ไม่มีทางทำให้ท่านอ๋องอึดอัดใจอย่างแน่นอน”
เผยยวนกลับปฏิเสธอ้อม ๆ “ข้ามากับหัวหน้าฮวา หากต้องกลับจวนไปกับเจ้าคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก หากเจ้ามีเรื่องอะไรต้องการพบข้า แค่ให้คนไปแจ้งที่กลุ่มกองเรือก็พอ”
“ได้ขอรับ เช่นนั้นเรื่องฝึกกองทัพเรือ…”
ปกติเวลาที่มีแม่ทัพมา พวกเขาก็ควรจะได้ดูผลการฝึกของกองทัพเรือ และเผยยวนมาเองเช่นนี้ ก็คงจะไม่พลาดกระมัง
เผยยวนเงยหน้าขึ้นมองเขา “ผลของการฝึกไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่ในสนามรบ เลี้ยงทหารพันวันเพื่อใช้วันเดียว ตอนนี้ราษฎรเจียงหนานต้องการพวกเจ้า อย่ามัวแต่อยู่ในค่าย และคนที่ควรฝึกก็คือทหารใหม่ ส่วนทหารเก่าที่มีประสบการณ์จึงควรรับผิดชอบหน้าที่สำคัญ”
คำพูดนี้ทั้งกำลังเตือนและกำลังตำหนิอยู่ในที
เฉินไห่คั่วพลันเหงื่อแตกขึ้นมาทันที ก่อนจะบอกกับเผยยวนว่าอย่างน้อยก็ควรจะไปเดินเล่นในเมือง รอเขาออกเวรแล้วจะเชิญเผยยวนไปกินข้าวที่จวนสักมื้อ
เผยยวนกลัวเขาจะกระวนกระวายใจและคิดมากอีก จึงรับปากว่าจะไป