มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 398 ชดเชย

“ทำไมพวกนายถึงอยู่กันในสภาพแบบนี้ไปได้? ” กัวปู๋เจิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา

“คุณชายกัว ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน” เวลานี้เถ้าแก่โจวพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม

“เข้าใจผิดกัน? นี่คือสนามแข่งรถของฉัน หากเป็นการเข้าใจผิดจะต้องถึงขั้นระเบิดรถสปอร์ตกันเลยเหรอ? ” กัวปู๋เจิ้นขมวดคิ้วหนัก และพูดขึ้นว่า: “ลุงโจว ฉันเห็นว่าคุณคือเพื่อนสนิทของพ่อฉัน จึงพาคุณมาเล่นสนุกที่นี่ แต่คุณกลับทำแบบนี้ขึ้น หากว่าต่อไปไม่มีใครกล้ามาเล่นสนุกที่สนามแข่งรถของฉันแล้วจะทำอย่างไร? ”

“เป็นความผิดของฉันเอง เชิญคุณชายกัวตรวจนับความเสียหายได้เลย ฉันจะชดเชยตามราคาเดิมทั้งหมด” เถ้าแก่โจวกล่าวขอโทษ

แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่เมื่อเขาต้องการที่จะผูกมิตรเป็นเพื่อนกับมู่เซิ่งแล้ว ก็ยินยอมที่จะเป็นผู้รับโทษแทนให้ หากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถูกมู่เซิ่งรับรู้ในภายหลัง เขาก็ยังสามารถได้รับความรู้สึกที่ดีไม่น้อยจากมู่เซิ่ง

พลังความสามารถของมู่เซิ่งในตอนนี้ อย่างน้อยคงเป็นปรมาจารย์บู๊ขั้นสูงสุด และอาจจะเป็นถึงนักเสวียนก็เป็นได้ ซึ่งการได้ผูกมิตรกับบุคคลระดับนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก

เมื่อเห็นท่าทางการพูดคุยที่ดีของเถ้าแก่โจวแล้ว อีกทั้งเขาก็ยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลเช่นเดียวกับคุณพ่อของตนเองด้วย แน่นอนว่ากัวปู๋เจิ้นคงไม่ให้เขาชดเชยเงินทองจริง ๆ เป็นแน่ โดยคำพูดเมื่อครู่นี้นั้นก็แค่เป็นการรักษาเกียรติหน้าตาของตนเองเท่านั้น

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขายิ่งแปลกใจมากกว่า รถแข่งระเบิดขึ้นได้อย่างไร

ถ้าหากเกิดการชนกันแล้วระเบิดขึ้นแบบนี้ อย่างนั้นรถอีกคันหนึ่งล่ะ? ถ้าหากชนกำแพงแล้วพลิกคว่ำ อย่างนั้นรถก็คงระเบิดแหลกสลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว คนขับที่อยู่ภายในก็คงจะไม่รอดชีวิต แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนว่าจะมีแต่รถระเบิดขึ้น ไม่มีผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บ

กัวปู๋เจิ้นเตะไปที่หลู่เจ๋อที่อยู่บนพื้น จนเกลือกกลิ้งไปมา และสอบถามขึ้นว่า: “หลู่เจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”

หลู่เจ๋อเป็นหนึ่งในลูกน้องของเขา เพราะชื่นชอบแข่งรถเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงพอที่จะจำได้

“คุณชายกัว มู่เซิ่งเป็นคนกระทำ เขาใช้หมัดชกจนรถแข่งระเบิดขึ้น” แม้ว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นไปสักพักแล้ว แต่เมื่อหลู่เจ๋อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังคงรู้สึกวิตกหวาดกลัวเช่นเคย

กัวปู๋เจิ้นตกใจ แล้วเดินเข้ามา ที่เบื้องหน้าของหลู่เจ๋อ และสอบถามต่อว่า: “หลู่เจ๋อ คนที่นายพูดถึงนั้นชื่ออะไรนะ? ”

“ก็มู่เซิ่งไง”

หลู่เจ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง

พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายมองดูกันอย่างตกตะลึง การที่คุณชายกัวเป็นแบบนี้ หรือว่าจะรู้จักกับมู่เซิ่ง?

กัวปู๋เจิ้นสูดหายใจลึก สีหน้าท่าทางที่หยิ่งยโสได้หมดสิ้นไป เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า: “หลู่เจ๋อ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของเขาอย่างนั้นเหรอ? ”

“ใช่เลยคุณชายกัว เขาช่างกำเริบเสิบสานเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้ว ยังจะพูดโอ้อวดว่าคุณก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ทว่าเขาคนนี้มีความสามารถที่เก่งกาจจริง ๆ รถคันนี้ของฉันถูกเขาทำลายลงจนพังยับเยินแบบนี้! ” เมื่อเห็นว่าคุณชายกัวมาถึงแล้ว หลู่เจ๋อก็เกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้าง แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ซ้ำอีกหนึ่งรอบ และยังจะเน้นย้ำถึงความกำเริบเสิบสานของมู่เซิ่งด้วย

เมื่อเล่าจบ เขาก็ถามขึ้นคำหนึ่งว่า: “คุณชายกัว คุณรู้จักไอ้หนุ่มคนนี้ด้วยเหรอ? ”

“เปรี๊ยะ! ”

ขณะที่หลู่เจ๋อพูดคำนี้ออกมานั้น ก็ถูกตบเข้าไปที่ใบหน้าอย่างจัง

แม้แต่คำว่า ‘ไอ้หนุ่ม’ ก็ยังไม่ทันได้พูดออกไป ร่างของเขาก็กระเด็นลอยไปไกลแล้ว เดิมทีฟันครึ่งปากก็ได้ถูกมู่เซิ่งชกจนหักไปหมดแล้ว และตอนนี้ฟันอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ก็ถูกกัวปู๋เจิ้นตบอย่างแรงจนหักไปหมดทั้งปากแล้ว

“แม่งสิ แกเป็นใครกัน? ถึงได้กล้ากล่าวหามู่เซิ่งแบบนี้? เขาพูดว่าฉันคือไอ้ขยะ ถูกต้อง ในสายตาของมู่เซิ่งแล้ว ฉันก็คือไอ้ขยะ ไม่เพียงแต่รถแข่งคันหนึ่ง ต่อให้ทั้งหมดในสนามแข่งรถ หากเขาจะระเบิดก็ปล่อยให้เขาระเบิดไปเลย! ”

“แกไอ้หน้าโง่ที่ทำธุรกิจโรงแรมกระจอก ทำไมถึงได้ก่อเรื่องขึ้นทุกวันแบบนี้ด้วย? ตอนนี้รีบไปกล่าวขอโทษต่อมู่เซิ่งเลย หากว่าทำให้คุณมู่เกิดภาพทรงจำที่ไม่ดีกับฉันแล้วล่ะก็ ฉันจะเอาแกตายแน่! ”

กัวปู๋เจิ้นยิ่งด่าก็ยิ่งโมโห ราวกับบ้าดีเดือดไปแล้ว พร้อมกับตบไปที่หน้าของหลู่เจ๋ออย่างไม่หยุด

ในปากของหลู่เจ๋อมีเลือดไหลออกมา คุกเข่าร้องไห้ สะอึกสะอื้น จนถึงตอนนี้หัวสมองของเขาก็ยังคงมึนงงไปหมด

ตกลงว่ามู่เซิ่งมีสถานภาพอะไรกันแน่

ทำไมกัวปู๋เจิ้นถึงได้เคารพต่อเขามากขนาดนี้ ลักษณะท่าทางแบบนี้ สามารถใช้คำว่าหวาดกลัวมาอธิบายได้เลย

ต้องทราบว่ากัวเฉิงพ่อของกัวปู๋เจิ้นนั้น เป็นถึงลูกพี่แห่งหนานเจิ้น ไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจ อิทธิภาพอำนาจลับก็พูดได้ว่ายิ่งใหญ่มาก ทั่วทั้งหนานเจิ้นมีเพียงแต่ตระกูลหยางเท่านั้นที่เทียบเคียงได้ ซึ่งบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนานเจิ้น ทำไมเมื่อพบเจอกับมู่เซิ่งแล้วจะต้องหวาดกลัวขนาดนี้ด้วย

เขาขบคิดอย่างไรก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี

แต่เขาต้องรับรู้ไว้เพียงเล็กน้อยว่า มู่เซิ่งนั้นเป็นผู้ที่เขาไม่สามารถไปล่วงเกินได้ เท่านี้ก็พอแล้ว!

“ต้องขอโทษคุณชายกัวด้วย! ฉันมันสมควรตาย ต่อไปฉันจะไม่ล่วงเกินก่อเรื่องกับมู่เซิ่งแล้ว ขอให้คุณไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ ฉันมองผิดไป ฉันจะไปกล่าวขอโทษกับมู่เซิ่งอย่างแน่นอน ฉันสำนึกผิดแล้ว! ” หลู่เจ๋อคุกเข่าอ้อนวอนอีกครั้ง

หน้าผากของเขามีทั้งเลือดและเนื้อจนแยกแยะไม่ออกแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าหยุด ยังคงคำนับศีรษะไปที่พื้น ตามทิศทางที่มู่เซิ่งจากไป

คำนับศีรษะครั้งที่หนึ่ง เขาเกรงกลัวต่อวิทยายุทธของมู่เซิ่ง

สำหรับครั้งที่สอง เขาหวาดกลัวจริง ๆ แล้ว

เพียงแค่มู่เซิ่งพูดคำเดียว ตระกูลกัวก็คงจะกำจัดเขาให้ตายลงได้

“เถ้าแก่โจว เขาก็มีเรื่องบาดหมางกับคุณด้วยล่ะสิ? ” กัวปู๋เจิ้นเก็บมือกลับมา และถามขึ้นอย่างเย็นชา เมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ก็ทราบได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากหลู่เจ๋อไปล่วงเกินต่อเถ้าแก่โจว

“ใช่มีเรื่องบาดหมางกันเล็กน้อย เขาเป็นหนี้ฉันอยู่หนึ่งพันล้าน” เถ้าแก่โจวพยักหน้าและพูดขึ้น

“หนึ่งพันล้าน? ”

กัวปู๋เจิ้นหันมองไปที่เถ้าแก่โจว ไอ้คนนี้ช่างโลภมากเสียจริงเลย ต้องทราบว่าทรัพย์สินของพ่อของหลู่เจ๋อทั้งหมด ก็มีอยู่ประมาณหนึ่งพันล้านเท่านั้น ตอนนี้ไม่นึกว่าจะให้หลู่เจ๋อชดใช้เขาหนึ่งพันล้านเลย

แต่หากเป็นเมื่อก่อน ในฐานะที่เป็นลูกน้องของเขา เขายังสามารถรับรองให้ได้บ้าง แต่ตอนนี้นอกจากเถ้าแก่โจวแล้ว หลู่เจ๋อยังล่วงเกินต่อมู่เซิ่งด้วย กัวปู๋เจิ้นเองก็อยากที่จะกำจัดเขา แล้วจะไปรับรองเขาได้อย่างไรล่ะ

“ตกลง ฉันจะบอกให้พ่อของเขานำเงินมาให้” กัวปู๋เจิ้นพยักหน้าและพูดขึ้น

ใครจะไปรู้ว่าเถ้าแก่โจวกลับส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า: “คุณชายกัว แม้ว่าเขาจะเป็นหนี้ฉันอยู่หนึ่งพันล้าน แต่ฉันไม่ต้องการเงินก้อนนี้”

กัวปู๋เจิ้นตกใจ ขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า: “คุณหมายว่าว่าอย่างไร? ”

“หลู่เจ๋อโง่เขลาไร้ประสบการณ์ จึงล่วงเกินฉันถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่นึกว่าเขาจะไปล่วงเกินคุณมู่อย่างไม่รู้จักความเป็นความตาย ดังนั้นเงินก้อนนี้ ฉันคิดว่าน่าจะใช้เป็นเงินชดเชยให้กับคุณมู่จะดีกว่า แม้ว่าคุณมู่จะไม่อยากลงมือจัดการหลู่เจ๋อ แต่พวกเราในฐานะที่เป็นลูกน้อง ไม่สามารถที่จะปล่อยหลู่เจ๋อไปแบบนี้ได้” เถ้าแก่โจวพูดขึ้น

กัวปู๋เจิ้นแสดงสีหน้าที่ตื่นตกใจขึ้น เถ้าแก่โจวผู้นี้ไม่ผิดเลยที่เป็นถึงนักธุรกิจชั้นยอด เพียงครู่เดียวก็สามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ ทั้งเป็นการลงโทษต่อหลู่เจ๋อ และยังขอโทษต่อมู่เซิ่งด้วย แบบนี้ ก็เท่ากับว่ายังสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับมู่เซิ่งได้อีกด้วย

“ตกลง เอาตามที่คุณบอกแล้วกัน ใช่แล้ว บวกเพิ่มไปอีกสองร้อยล้าน เป็นการขอโทษที่ฉันต้อนรับคุณมู่ได้ไม่ดีพอ” กัวปู๋เจิ้นตบมือและพูดขึ้นทันที

ขณะที่พูด เขาก็ถีบไปที่ตัวของหลู่เจ๋อ: “ได้ยินแล้วเหรอยัง ภายในสามวัน ต้องโอนเงินเข้าไปในบัญชีบัตรธนาคารนี้ แน่นอนว่า นายอย่าได้คิดหนีเด็ดขาด นอกเสียจากนายจะกล้าเป็นศัตรูกับฉัน”

“ฉัน……”

หลู่เจ๋อร้องไห้หนัก หนึ่งพันล้าน นั่นถึงกับทำให้เขาต้องล้มละลายเลยทีเดียว แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาจำเป็นจะต้องจ่ายอ่า

“ฉันจะไปรวบรวมเงิน ภายในสามวันนี้ จะต้องรวบรวมจนครบให้ได้”

หลู่เจ๋อพูดขึ้นขณะร้องไห้ ในใจของเขาเข้าใจดีว่า ช่วงเวลาชีวิตที่สุขสบายอย่างกับในอดีตนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ก็คงจะไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว