“อื้อ ไม่ผิด เธอชื่อว่าไป๋ซินหรุ่ย นี่คือชื่อจริงของเธอ” เฟิงหานชวนเคาะไปบนศีรษะของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ
เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับแสดงความสงสัยออกมาทางสีหน้า ก่อนจะทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนักว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน
“ทำไมเหรอ?” เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รีบถามขึ้นทันที
“เปล่าค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่า…..เคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน คุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะเล็กน้อย แต่สมองกลับว่างเปล่า
หลังจากที่คิดอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
ถ้าแม่ของเฟิงหานชวนยังมีชีวิตอยู่ คาดว่าน่าจะอายุอย่างน้อย 50 กว่าปีแล้ว ไม่มีทางเป็นเพื่อนสมัยเรียนหรือศิษย์เก่าของตัวเองได้อย่างแน่นอน แล้วยิ่งใช้สกุลไป๋ด้วยอีก ไม่มีทางที่จะเป็นญาติของตัวเองได้ ตามหลักเหตุผลแล้วยังไงต้องเป็นคนแปลกหน้า
ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นแบบนี้
“บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่มองไม่เห็นก็ได้นะ” เฟิงหานชวนไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด แต่กลับหมุนตัวไปหยิบไข่ไก่ขึ้นมา 2 ฟอง
เขากระชับเฉินฮวนฮวนอยู่ในอ้อมกอด พร้อมทั้งบอกวิธีการทอดไข่ดาว วิธีการทำมะกะโรนี ควรจะใช้ไฟแบบไหน เวลาเท่าไหร่ ในที่สุดสเต๊กเนื้อที่เสร็จสมบูรณ์ก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเฉินฮวนฮวน
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฉินฮวนฮวนทั้งสิ้น แต่เฟิงหานชวนเป็นหัวเรือคอยชี้แนะ แต่ไม่ว่าจะยังไง นี่ก็ถือว่าเป็นอาหารเช้าที่เธอและเฟิงหานชวนทำด้วยกัน ถือว่าเป็นการร่วมด้วยช่วยกันอย่างหนึ่งอยู่ดี
ทั้งสองคนนั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร และนั่งในตำแหน่งตรงข้ามกัน จากนั้นก็กินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
แต่แล้วเฟิงหานชวนก็หยุดชะงักและเงยหน้ามองผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า : “ฮวนฮวน ไว้ตอนกลับบ้านเก่า ผมจะพาคุณไปเจอแม่ของผมสักครั้ง”
“เอะ?” เฉินฮวนฮวนที่กำลังเคี้ยวสเต๊กเนื้ออยู่ในปากก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน คราบซอสพริกไทยดำยังเปื้อนมุมปากอยู่เลย เห็นแล้วน่าตลกจริง ๆ
เมื่อเห็นภาพนี้ เฟิงหานชวนอดไม่ได้จริง ๆ เขาดึงกระดาษทิชชูออกมา 2 แผ่น ในตอนที่กำลังเอื้อมมือออกไปนั้น เฉินฮวนฮวนก็เข้าใจสถานการณ์ทันที เตรียมจะรับกระดาษทิชชูจากผู้ชายตรงหน้า
เพียงแต่เฟิงหานชวนไม่ได้อนุญาตให้เธอรับกระดาษไป แต่เขาจะเป็นคนเช็ดมุมปากให้กับเฉินฮวนฮวนเอง
เฉินฮวนฮวนหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายเล็กน้อย
เธอเม้มปาก ก่อนจะถามขึ้นว่า : “อาหาน เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ? หลุมศพแม่ของคุณ อยู่ที่อเมริกาไม่ใช่เหรอคะ?”
แววตาของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงทันใด ก่อนจะพูดว่า : “ภาพของเธอ เก็บรักษาอยู่ในห้องสมุดของผม”
“อ่า ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ได้ค่ะ งั้นเรากลับบ้านเก่าสักค่ำ ๆ เลยดีไหม?” เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น
“คุณอยากเจอแม่ของผมเร็ว ๆ เหรอ?” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความพอใจ
“เธอ……เป็นแม่สามีของฉันนะคะ ฉันก็ต้องอยากรู้จักเธอเร็ว ๆ อยู่แล้ว” เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนก็หน้าแดงด้วยความอายพร้อมกับก้มหน้าลงทันที
ไป๋ซินหรุ่ยเป็นแม่ของเฟิงหานชวน ส่วนเฟิงหานชวนก็เป็นสามีของเธอ งั้นไป๋ซินหรุ่ยก็เป็นแม่สามีของเธอ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน
ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นที่เธอมีต่อไป๋ซินหรุ่ย เธอเลยอยากไปเห็นภาพของไป๋ซินหรุ่ยโดยเร็วที่สุด
สำหรับคำตอบของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนได้อึ้งงันไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าได้คลี่ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เขารีบตอบกลับไปว่า : “ได้ คืนนี้เราจะไปค้างกันที่บ้านเก่า”
“อื้อ” เฟิงหานชวนรีบพยักหน้าทันที
หลังจากที่ตอบรับแล้ว จู่ ๆ เธอก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า : “อาหาน ตอนเที่ยงฉันต้องไปกินข้าวกับติงเซียง จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องไปฝึกซ้อมนอกสถานที่ ไม่รู้ว่าจะฝึกซ้อมตอนกลางคืนด้วยรึเปล่า ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง”
“ฝึกซ้อมที่ไหน ผมจะได้ไปรับคุณ” เฟิงหานชวนถามขึ้น
“เหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์”
“ได้”
“ถ้าซ้อมเสร็จดึกมากแล้ว เรากลับบ้านเก่าแบบนั้นไม่เป็นการรบกวนนายท่านเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นด้วยความกังวล
“ถ้าดึกมากก็ค่อยไปดูก็ได้ อย่ากังวลมากขนาดนั้นสิ” เฟิงหานชวนปลอบใจเธอ
“อื้อ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเบา ๆ และพูดขึ้นอีกครั้งว่า : “ฉันยังอยากขอโทษนายท่านอยู่นะ เกี่ยวกับเรื่องร้านเนื้อย่างในตอนนั้น……..”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก และก็ไม่ต้องโทษตัวเองด้วย” เฟิงหานชวนไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิด เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า : “คุณไม่ได้ผิดนะ เข้าใจไหม?”
“แต่ถ้าฉันไม่พูดนายท่านสักคำ อาจจะทำให้นายท่านคิดว่าฉันไม่มีมารยาทก็ได้นะคะ?” เฉินฮวนฮวนแคร์สายตาของนายท่านมากจริง ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงเหลยถิง เธอก็คงไม่มีวันได้แต่งงานกับเฟิงหานชวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอเป็นลูกสะใภ้ของเฟิงเหลยถิง ทุกการกระทำและทุกวาจาล้วนแล้วแต่เป็นภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงทั้งสิ้น
เมื่อเกิดเรื่องแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอก็ต้องสารภาพกับนายท่านโดยตรงอยู่ดี
“คุณคุยกับเขาได้ แต่จงจำไว้ว่าห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด” เฟิงหานชวนอดเอื้อมมือออกไปบีบจมูกของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ และพูดว่า : “คุณอ่านะ ดีเกินไป เวลาเกิดเรื่องทีไรมักจะจำฝังใจ”
“ฉัน….” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะอย่างเอียงอาย
เธอไม่ได้ดีเกินไปหรอก แต่สิ่งแวดล้อมที่เติบโตมาทำให้เธอต้องพยายาม จะผิดพลาดไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามในทุกวัน เพราะอยากให้คุณยายได้อยู่อย่างสุขสบายในสักวัน
ทว่าสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างใคร ยังไม่ทันที่เธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย คุณยายก็มาด่วนจากโลกนี้ไปเสียก่อน
“รีบกินในตอนที่ร้อน ๆ เถอะ ตอนนี้ร่างกายของคุณกินของเย็นไม่ได้นะ” เฟิงหานชวนพูดกระตุ้น เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดถึงญาติของตัวเอง
เมื่อเอ่ยเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็คิดถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติของประจำเดือนตัวเองขึ้นมาได้ แต่เรื่องของผู้หญิงแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดกับเฟิงหานชวน
เธอแค่หยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กินสเต๊กเนื้อต่อ
หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ เฟิงหานชวนก็เดินเล่นอยู่ในลานกว้างเป็นเพื่อนเฉินฮวนฮวนสักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากคฤหาสน์ ตรงไปยังบริษัท
เฉินฮวนฮวนอยู่ในบ้านคนเดียวอีกพักใหญ่ ก็ได้รับสายโทรศัพท์ของติงเซียง เฉินฮวนฮวนนัดเจอเธอบนถนนคนเดินใกล้ ๆ กับบริษัทเหวินหรานในตอนเที่ยง ถึงเวลาก็ค่อยบอกเธอ ซึ่งนั้นทำให้ติงเซียงตื่นเต้นมาก
เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่ เฉินฮวนฮวนจึงไม่อยากให้เฟิงหานชวนต้องเป็นห่วง จึงได้เรียกรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ทันทีที่เธอถึงโรงพยาบาล เฟิงหานชวนก็โทรศัพท์มาพอดี ซึ่งนั้นทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจมาก หรือว่าเฟิงหานชวนจะติดเครื่องสะกดรอยตามไว้บนตัวเธอ?
เฉินฮวนฮวนรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮวนฮวน คุณอยู่ไหน? คนขับบอกว่าคุณไม่อยู่บ้าน” เฟิงหานชวนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เขาเพิ่งประชุมช่วงเช้าเสร็จก็ได้รับสายโดยตรงจากคนขับรถที่ไปรับไปส่งเฉินฮวนฮวน คนขับรถบอกว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยู่บ้าน ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงได้โทรศัพท์มาถาม
“อาหาน คุณเตรียมคนขับรถให้ฉันเหรอคะ? ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ ฉันเรียกรถออกมาเองแล้ว พอดีมีนัดกับติงเซียงที่ปาเซียนสตรีทใกล้ ๆ กับบริษัทเหวินหราน เพื่อนที่ฉันรู้จักตอนอยู่ในค่อยฝึกที่ฉันบอกคุณไปก่อนหน้านั้นไงคะ”
เฉินฮวนฮวนปกปิดเรื่องที่มาโรงพยาบาลเอาไว้
เธอฟังออกว่าเฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอมาก ถ้าบอกเรื่องที่ตัวเองมาโรงพยาบาลกับเฟิงหานชวน เขาต้องรีบมาหาเธอแน่ ๆ
เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ เธอไม่อยากให้เฟิงหานชวนต้องเสียเวลา ถึงอย่างไรเฟิงหานชวนก็ยังต้องดูแลบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น คงต้องยุ่งมากแน่ ๆ
“ก็ได้ ก่อนฝึกเสร็จโทรหาผมด้วยนะ ผมจะไปรับคุณ” เมื่อได้ยินว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้เป็นอะไร เฟิงหานชวนก็โล่งอก
“อื้อ ๆ ” เฉินฮวนฮวนตอบรับทันที