ตอนที่ 426 ความรักและความปรารถนาของพ่อ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 426 ความรักและความปรารถนาของพ่อ

ตอนที่ 426 ความรักและความปรารถนาของพ่อ

สวี่ฉางรู้สึกว่าเขาคงคิดถึงลูกสาวมากเกินไปจนมีอาการประสาทหลอนและหูแว่ว เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเถาหยาง จะปรากฏตัวในฉางจิงได้อย่างไร

เขาส่ายหัวและกดออดหน้าบ้าน

ระหว่างที่เขารอให้คนมาเปิดประตู เขาก็ค้นพบว่าเรือนสี่ประสานแห่งนี้ดูเหมือนจะได้รับการทำความสะอาดแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งอาจจะเป็นใครบางคนที่ซูเถารู้จัก อีกหน่อยก็คงได้ไปมาหาสู่กัน

เขาถอนหายใจขณะคิดว่าหากเถาหยางและที่พักของเขาในฉางจิงอยู่ห่างออกไปเพียงสิบนาทีก็คงดี

และในขณะนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มสดใสของซูเถา

สวี่ฉางอยู่ในความงุนงง และถอยหลังหนึ่งก้าว “คุณ…”

จากนั้นอลิซซึ่งผูกผ้าคาดผมเอาไว้บนศีรษะก็วิ่งออกมาราวกับเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนว่า “ด่าด๊า!”

ด่าด๊าเลิกงานแล้ว

สวี่ฉางรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนความฝัน ลูกสาววิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของเขาจริง ๆ เหรอ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย เขากอดเธอเอาไว้แน่น ไม่นานการมองเห็นของเขาก็เริ่มพร่ามัว

นี่เป็นเรื่องจริง…ไม่ใช่ความฝัน

ซูเถามองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม และภายใต้แสงแดดที่สาดส่องเธอก็พบเส้นด้ายสีเงินที่ซ่อนอยู่ในผมสีดำของหัวหน้าสวี่

เธอทั้งรู้สึกเศร้า ทั้งรู้สึกอิจฉา

เธอไม่รู้ว่าในชาติหน้าเธอจะมีโอกาสได้รับความรักจากพ่อแบบนี้หรือเปล่า

หลังจากกล่อมอลิซให้หลับไป สวี่ฉางก็ออกมาจากห้อง ปิดประตูพร้อมกับมองไปที่ซูเถาที่อยู่ในลานบ้านและไม่รู้จะพูดอย่างไร

ความสมเหตุสมผลบอกเขาว่าซูเถาไม่ได้มาที่ฉางจิงโดยการขนส่งตามปกติอย่างแน่นอน

ตอนนี้การจัดการการเข้าและออกของฉางจิงเข้มงวดมาก ถ้าเธอเข้ามาทางประตูเมืองเขาจะรู้ทันที

และนี่คือความสามารถที่วิเศษของซูเถา…ไม่น่าเชื่อ

ซูเถายืนพิงต้นไม้อยู่ด้านหน้า เธอยิ้มให้เขาแล้วถามว่า

“อาสวี่ คุณพอใจกับของขวัญชิ้นนี้ไหมคะ”

สวี่ฉางรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก “พอใจ แต่ก็ทำให้ผมกลัวนะ ผมคิดว่าผมฝันไปเสียอีก คุณซื้อบ้านหลังนี้เมื่อไหร่”

เขาจงใจเพิกเฉยต่อหัวข้อว่าทำไมซูเถาจึงปรากฏตัวที่นี่พร้อมกับลูกสาวของเขา

ถ้าซูเถาเต็มใจจะบอกเธอจะบอกเอง เขาเคารพและไม่เข้าไปก้าวก่ายความลับของเธอ

“เพื่อนรักของฉันให้เป็นของขวัญค่ะ ฉันเพิ่งให้คนมาเก็บกวาดที่นี่ ในอนาคตฉันวางแผนที่จะมาพักบ้างเป็นครั้งคราว” ซูเถาส่ายหัว

“เป็นครั้งคราวเหรอ?” หัวใจของสวี่ฉางเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ใช่ค่ะ เป็นครั้งคราว” ซูเถายิ้ม

หลังจากพูดจบ เธอก็ชี้ไปที่ประตูทางด้านซ้าย “เปิดดูสิคะ”

สวี่ฉางดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ หัวใจของเขาเต้นแรง แต่เท้าของเขาก็นำหน้าความคิดไปหนึ่งก้าว และเปิดประตูออก

หลังจากอาการวิงเวียนผ่านไป เขาก็เห็นทุ่งหญ้าเล็ก ๆ ที่คุ้นเคย ผืนหญ้าเขียวขจี มีฝูงไก่และเป็ด

เขาอ้าปากค้างอยู่นาน และใช้เวลาสักพักก่อนที่จะได้สติและกลับไปที่เรือนสี่ประสานในฉางจิง

เขามองไปที่ซูเถา ริมฝีปากและริ้วรอยที่มุมตาของเขาสั่นระริก เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะยับยั้งอารมณ์ที่ปั่นป่วน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดคำพูดนับพันก็กลายเป็นเสียงแหบแห้งและเอ่ยออกมาอย่างเรียบง่ายว่า “ขอบคุณ”

สวี่ฉางรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

ลูกสาวคือคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขา แต่ฉางจิงก็ต้องการเขาเช่นกัน เมื่อสถานที่ทั้งสองอยู่ห่างกันมาก เขาจึงจำเป็นต้องเลือก

ครอบครัวและประเทศชาติ มันทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

ทุกครั้งในตอนกลางดึก เขามักจะนึกสงสารและขอโทษลูกสาว เขาพร่ำบอกกับเธอเสมอว่าเขารักเธอ และอยากที่จะอยู่กับเธอมากที่สุด แต่เขาก็ยังทุ่มเทเวลาและแรงกายเพื่อชาติบ้านเมือง

เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่พ่อที่ดี

แต่วันนี้ ระยะทางไกลก็ห่างออกไปเพียงก้าวเดียว ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็ได้รับการแก้ไขในทันที ความปรารถนาของเขาที่จะดูแลทั้งครอบครัวและประเทศของเขาก็เป็นจริงในที่สุด

ไม่ตื้นตันได้ยังไง! จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง!

ซูเถามีความสุขมากเช่นกัน เธอยิ้มกว้างออกมาและตอบว่า “เรื่องเล็กน้อยค่ะ ฉันยินดี”

ทั้งสองเดินเล่นคุยกันในสวนสักพัก และเมื่ออลิซตื่นขึ้น พวกเขาก็พาเธอไปก่อไฟในสวนเพื่อทำซาวเข่ากิน

เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันทำได้เพียงสูดกลิ่นหอมที่ผ่านกำแพงสูง และฟังเสียงหัวเราะที่มาจากข้างใน

หลังจากกินข้าวเสร็จ อลิซก็คิดถึงบ้านต้นไม้และลูกไก่ของเธอ

เธอพูดไม่ได้ ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ

สวี่ฉางปลอบโยนเธอและจูงมือเธอผ่านประตูเคลื่อนย้ายไป และเขาก็ได้ส่งเธอเข้าไปในบ้านต้นไม้หลังเล็กด้วยมือของเขาเอง เขาห่มผ้านวมให้เธอ และกล่อมให้เธอนอนหลับไปในที่สุด

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบสุขของลูกสาว เขาก็ถอนหายใจออกอย่างโล่งอก ถ้าไม่ใช่เพราะซูเถา เขาคงได้แต่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าได้ห่มผ้านวมให้ลูกสาวของเขา

“หลับไปแล้วเหรอคะ” ซูเถาโผล่หัวเข้ามาแล้วถามเสียงเบา

สวี่ฉางพยักหน้าและปิดประตูเบา ๆ เขารู้สึกเกรงใจที่ลูกสาวของเขาอาศัยอยู่ในเถาหยางโดยไม่ได้ตอบแทนอะไรซูเถา

สวี่ฉางต้องการตอบแทนเธอ แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็พบว่าเขาคิดสิ่งที่เหมาะสมไม่ออก

สิ่งที่เถาหยางมี เขาไม่มี

สิ่งที่เขามี เถาหยางก็คงรู้สึกว่ามันไม่ได้พิเศษอะไร

สวี่ฉางยิ้มอย่างมีเลศนัยและส่ายหัว เขาคิดตัดสินใจในใจว่าเขาจะดูแลซูเถาในฐานะลูกสาวของเขาในอนาคต เขาให้อลิซได้เท่าไร เขาก็จะให้ซูเถาเท่านั้น

ในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดกับตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ เครื่องสื่อสารของเขาก็ดังขึ้น สวี่ฉางรีบกดเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว เพราะกลัวลูกสาวของเขาที่นอนอยู่ในห้องจะตื่น

ผู้ช่วยของเขาโทรมา “หัวหน้า! คุณอยู่ที่ไหน! รีบมาที่โรงพยาบาลทั่วไปฉางจิงด่วนครับ! อดีตท่านแม่ทัพเลี่ยวไม่ไหวแล้ว!”

สีหน้าของสวี่ฉางซีดลง เขาต้องรีบเดินทางไปให้เร็วที่สุด

ปีนี้อดีตแม่ทัพเลี่ยวอายุเก้าสิบปี ก่อนวันสิ้นโลกเขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลังจากวันสิ้นโลก เขาได้แก้ไขความขัดแย้งภายในที่ร้ายแรงในฉางจิง และเริ่มต้นทำให้สถานการณ์ทุกอย่างมีเสถียรภาพและผลักดันให้ท่านผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันเข้ารับตำแหน่ง ทั้งยังทำให้ทั้งสหพันธ์อยู่ในแนวทางที่ควรจะเป็น

กล่าวได้ว่าอดีตแม่ทัพเลี่ยวคือจุดสูงสุดของสหพันธ์

เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในเครือสหพันธ์

แม้ว่าเขาจะล้มหมอนนอนเสื่อมาหลายปีแล้ว ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ ชาวฉางจิงก็จะมีความอุ่นใจเสมอ พวกเขารู้สึกว่าชีวิตก่อนวันสิ้นโลกอยู่ไม่ไกล และวันหนึ่งจะเอาชนะความยากลำบากนี้ได้

แต่บัดนี้ เสาเข็มที่ค้ำจุนทุกคนกำลังจะจมลงสู่ทะเลลึก…

สวี่ฉางรีบไปที่ประตูเคลื่อนย้าย แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดกะทันหัน หลังจากคิดอยู่สามวินาทีจากนั้นก็หันกลับมาและคว้าซูเถาไปด้วย

“ไปหาใครบางคนกับอา”

ก่อนที่ซูเถาจะทันได้ตอบ เธอก็ถูกลากออกไปอย่างเร่งรีบ เมื่อมาโผล่ที่เรือนสี่ประสาน เขาก็พาเธอขึ้นรถประจำตำแหน่ง และตรงไปที่โรงพยาบาลทั่วไปฉางจิงทันทีด้วยความเร่งรีบ

“อาสวี่ เรากำลังจะไปหาใครเหรอคะ”

สวี่ฉางไม่มีเวลาอธิบาย เนื่องจากกลัวว่าอดีตแม่ทัพเลี่ยวจะไม่ทันได้เจอซูเถาก่อนที่เขาจะจากไป เมื่อไปถึงเขาเกือบจะลากซูเถาเข้าไปในวอร์ด

ในเวลานี้มีกลุ่มคนอยู่รอบ ๆ เตียงอดีตแม่ทัพเลี่ยวซึ่งเป็นผู้นำของผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันอีกที

ที่เหลือคือหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ของสหพันธ์ และพวกเขาล้วนเป็นมือฉมัง ล้วนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่ร้ายกาจ

การปรากฏตัวของซูเถาดึงดูดความสนใจของพวกเขาทั้งหมด

พวกเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าซูเถาคือใคร และพวกเขาก็หลีกทางให้อัตโนมัติ

ดวงตาของสวี่ฉางแดงก่ำ เขาดึงซูเถาไปข้างหน้า พร้อมเอนกายลงข้างเตียงและพูดเบา ๆ กับอดีตแม่ทัพผู้นี้

“ท่านแม่ทัพ ดูสิว่าผมพาใครมา”

ซูเถาก้าวไปข้างหน้าด้วยความงุนงง

อดีตแม่ทัพเลี่ยวนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยายามมองเห็นซูเถาให้ชัดเจนด้วยดวงตาที่ขุ่นมัวของเขา

ดูเหมือนเขาจะเดาได้ แต่เขาทำได้แค่ส่งเสียงอาอาเท่านั้นเมื่ออ้าปากพูด

สวี่ฉางจับมือของเขา “ใช่ เธอคือซูเถา ซูเถาจากฐานเถาหยาง”