ในหอผู้ป่วยของศูนย์เวชศาสตร์กระดูกและเวชศาสตร์ในตอนนี้ในห้องมีเพียงสามคนเท่านั้นที่ได้พักห้องพิเศษนี้ ซึ่งหนึ่งไหนนั้นคือ เสี่ยวหนิง อีกทั้งยังมีผู้ป่วยที่เป็นหญิงชราที่กำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกในขณะที่อีกคนหนึ่งคือหญิงสาวที่ชื่อเจียกุ้วเฉียวที่ได้รับการผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง
เจียกุ้วเฉียว อายุมากกว่าเสี่ยวหนิงสองปี เธอเพิ่งได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้และเธอก็ดูเข้ากันได้ดีกับเสี่ยวหนิง ขณะที่พวกเขาเริ่มพูดคุยพวกเขาก็พูดถึง … หมอหลิงกันตามภาษาผู้ป่วย
“หมอหลิงหรันนี้ฝีมือดีมาก”
“หมอหลิงรันเองก็หน้าตาดีมากด้วย”
“หมอหลิงรันเป็นคนดี”
การพูดเรื่องเดิมๆถึงสามรอยครั้งนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก หากมันเกี่ยวข้องกับหัวข้ออื่น ๆ ถือว่ามันจะเป็นเรื่องที่สั้นมาก แต่สำหรับเจียกุ้วเฉียวและเสี่ยวหนิงพวกเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับหลิงรันได้อย่างไม่รู้จบ
ทั้งคู่สร้างกลุ่มเพื่อแชร์รูปภาพของเขา
นอกจากกลุ่มแชทนี้ทั้งคู่ยังแชร์รูปภาพที่ถ่ายในกลุ่มแชทต่าง ๆ และมันก็กลายเป็นหัวข้อในหมู่คนของพวกเขา เจียกุ้วเฉียวและ เสี่ยวหนิงใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฟื้นฟูสมรรถภาพและอ่านฟีคข่าวที่ขึ้นมาในวีแชท
* ตึก. *
หยูหยวน ผลักประตูและเข้ามาตรวจอาการของเสี่ยวหนิง และ เจียกุ้วเฉียว จากนั้นเธอถามว่า “พวกคุณเป็นอย่างไรกันบ้าง”
“ฉันรู้สึกดีในวันนี้ทำไมหมอหลิงไม่ได้มาล่ะ” เสี่ยวหนิงยื่นริมฝีปากของเธอ เธอดูไม่มีความสุข
พ่อของเสี่ยวหนิงไอและพูดว่า “ลูกสาว หัวหน้าศัลยแพทย์มีงานต้องทำมากมาย เขาไม่สามารถมาที่นี้ได้ทุกวันหรอก”
“แต่หนูก็เป็นคนป่วยไม่ใช่หรอ?” เสี่ยวหนิงนั้นเธอพึงจะเรียนจบมัธยมปลาย และเธอเองเริ่มดื้อเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่จะไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ของพวกเขาในวัยเท่านี้
พ่อของเธอไม่มีความสุขและพูดว่า “แล้วถ้าลูกเป็นผู้ป่วยลูกคิดว่าลูกต้องถูกดูแลอย่างดีเยี่ยมเพียงคนเดียวหรือไง”
แม่ของเสี่ยวหนิงจับสามีของเธอและตบแขนของเขา จากนั้นเธอพูดว่า “ใจเย็นๆก่อนนะคุณ งั้นเดียวฉัน รินน้ำผลไม้ให้หมอก่อนนะคะ”
“ไม่ไม่ไม่เป็นไร” หยูหยวนปฏิเสธทันทีและถามว่า “เอ็นร้อยหวายของคุณยังบวมอยู่หรือป่าว”
ขณะที่เธอพูดท่าทีของเสี่ยวหนิงก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์
เสี่ยวหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “มันแปลกดีไม่กี่วันที่ผ่านมาบริเวณรอบ ๆ เอ็นร้อยหวายยังคงบวม แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว … “
หยูหยวนยิ้มเหมือนเด็ก ๆ เธอพูดในขณะที่ทำการตรวจร่างกาย “นั่นหมายถึงการฟื้นตัวของคุณค่อนข้างดี”
“ขอโทษนะหมอหลิงไม่มาวันนี้เหรอ?” เสี่ยวหยิงถามอีกครั้ง
“ไม่มา” หยูหยวนตอบอย่างหนักแน่น
เสี่ยวหนิง และ เจียกู้วเฉียว ดูผิดหวัง พวกเขาทั้งคู่หยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความให้กันอย่างบ้าคลั่ง
… ..
หลิงรันเหยียดร่างกายออกอย่างเต็มที่ขณะที่เขาอยู่ที่ระเบียงหันหน้าไปทางลานเล็ก ๆ ของศูนย์ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความพอใจ
ทำเลที่ตั้งดีมากวิวสนามกีฬาฟูยาน สามารถมองเห็นได้จากทจุดนี้ สถานที่แห่งนี้กลายเป็นจุดพักผ่อนของหลิงรัน ทุกวันนี้ผู้ป่วยจำนวนมากมองหาหลิงรัน เวลาทำงานของเขาไม่เพียงเพิ่มขึ้น แต่เวลาพักของเขาก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน
หลิงรันเปิดโทรศัพท์ของเขาอีกครั้งและพบจุดสีแดงบนวีแชท ของเขา
หลิงรันตอบกลับซึ่งไม่นานๆครั้งเขาจะได้ทำ เขามีตารางเวลาที่แน่นอนเมื่อพูดถึงข้อความ เขาจะตอบกลับการสนทนาปกติวันละครั้งเท่านั้น
เขาเองนั้นมีเวลาและพลังงานที่ จำกัด เว้นแต่บุคคลนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทกันมากเขาก็ไม่สามารถตอบกลับข้อความของทุกคนอย่างจริงจัง ถ้าเขาทำเขาจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากการตอบข้อความทั้งกลางวันและกลางคืน
แต่หลิงรันกลับตอบผู้ป่วยที่เขาเพิ่มเพื่อนมาบนวีแชทอยู่บ่อยครั้งพอ
ในบรรดาผู้ป่วยเหล่านี้หลิวเหว่ยเป็นคนหนึ่งที่แชทมาหาเขามากที่สุด
หลิงรันเปิดแท็บการสนทนาสำหรับบุคคลที่ใช้ชื่อผู้ใช้ “เชื่อฟังอย่างมาก” มันคือหลิวเหว่ยและชายคนนั้นก็ส่งข้อความถึงเขาทุกๆสองสามชั่วโมง
[เชื่อฟังมาก: ทำไมขาของฉันถึงคัน?]
[เชื่อฟังมาก: ไม่เป็นไร บางทีฉันถูกกัดโดยบางสิ่ง]
[เชื่อฟังมาก: มันเป็นสีแดงเกินไปน่าจะไม่ใช่ยุงกัด!]
[เชื่อฟังมาก: ฉันอุ่นเครื่องเอ็นร้อยหวายของฉันเป็นเวลา 40 นาทีและฉันรู้สึกว่ามันทำงานได้ค่อนข้างดีเมื่อฉันวิ่ง แต่ฉันใช้เวลามากเกินไปในการอุ่นเครื่อง]
[เชื่อฟังมาก: หมอหลิงแม่ของฉันดูเหมือนว่าเธอจะเป็นไข้หวัด เธอดูจะมีปัญหาด้านการทาอาหารเราควรกินยาเลยไหม … ]
ข้อความที่หมอหลิงเห็นได้ถูกส่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาตอบว่า [อย่ากินเลย]
ผู้เชื่อฟังมากตอบทันที [โปรดแนะนำหมอให้เรา]
หลิงรันเลียลิ้นไล่ตามริมฝีปาก เขาตัดสินใจที่จะทำตามกฎและสิ้นสุดการตรวจสุขภาพของหลิวเหว่ยในวันนั้น
“โฮ่ง …”
สุนัขลาบราดอร์สีเหลืองกลับมาแล้ววิ่งมาทางหลิงรันทันที มันไม่เพียงลดความเร็ว แต่ในทางกลับกันมันกลับเบรคอย่างรวดเร็ว
สุนัขลาบราดอร์เห็นลอยอยู่บนพื้นราบเกือบ 3.28 ฟุตด้วยอุ้งเท้า มันเป็นดริฟท์ที่สวยงามและมันยังสร้างความประทับใจให้หลิงรันเสมอ
ฉินมินซึ่งซ่อยอยู่ในมุมที่ไกลออกไป เธอกำกำปั้นและกระซิบว่า “การใช้แผนอ้อนเสร็จสมบูรณ์!”
“เกาลัด?” หลิงรันร้องออกมาและลูบหัว
“วูป, วูป, วูป … ” เกาลัดเห่าอย่างเชื่อฟังก่อนที่มันจะหันหัวไปดมกลิ่นหลิงรัน
ตำรวจคนหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบที่เน้นรูปร่างหุ่นดีของเธอวิ่งไปข้างหน้าหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหมอหลิงฉันขอโทษทีที่ปล่อยเกาลัดไป จนมันวิ่งไปชนคุณ”
เกาลัดมองตำรวจสับสน มันเริ่มวิเคราะห์คำสั่งที่เธอให้
ตำรวจพยายามปลอบเกาลัดโดยแตะที่หัว เธอหัวเราะและถามว่า “หมอหลิงตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
“ตอบกลับข้อความวิแชทนะ“
“วีแชท?” ฉินมินคิดอะไรบางอย่างได้ทันที
ลาบราดอร์ที่ฉลาดดูเหมือนว่าได้รับคำสั่งใหม่ ทันใดนั้นมันก็ยื่นศีรษะออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์ของหลินรันเข้าปาก จากนั้นก็หันไปรอบ ๆ แล้วเอาไปให้ที่ฉินมิน
ฉินมินเห็นชื่อ “เชื่อฟังมาก” และเสียงเตือนก็ดังขึ้นในหัวของเธอทันที
‘ชื่อ “เชื่อฟังมาก” อยู่ที่ด้านบนสุดของประวัติการแชท นี่แสดงว่าหมอหลิงกำลังคุยกับเธออยู่ตอนนี้
‘โทรศัพท์อุ่น ๆ นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่ซักพัก
‘หมอหลิงเหยียดแขนออกตอนนี้เพื่อรับโทรศัพท์คืน และเขาดูจริงจังมาก ซึ่งหมายความว่าหมอหลิงให้คุณค่ากับบทสนทนานี้มาก
‘สิ่งนี้มีความหมายเดียวเท่านั้น‘
ตอนนี้ฉินมินรู้สึกภายในใจของเธอผิดหวังมาก
‘ผู้หญิงคนไหนจะตั้งชื่อตัวเองแบบนี้?
‘เธอพยายามแสดงให้เห็นว่าเธอมีบุคลิกที่อ่อนโยนมากหรือป่าว? เธอพยายามที่จะดูอ่อนโยนหรือป่าว?
หรือเธอพยายามแสดงให้เห็นว่าเธออ่อนต่อโลก? หรือเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่แก่แดด
‘เธอพยายามพูดว่าเธอเชื่อฟังมากเมื่อพูดถึงเรื่องนั้นหรือ? นั่นมันมากเกินไป! ผู้หญิงเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่’
‘เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นชื่อผู้ใช้ที่ใช้สำหรับหลิงรัน เท่านั้น‘
ฉินมินมีความคิดหลายอย่างในใจของเธอ เธอดูสงบลงในขณะที่ยื่นริมฝีปากและยิ้ม เธอให้โทรศัพท์กลับไปที่หลิงรัน “ฉันขอโทษ เกาลัดหายดีแล้วตอนนี้และมันก็ตื่นเต้นมาก”
เกาลัดจ้องที่ฉินมินด้วยท่าทางที่สับสน
ฉินมินรอให้หลิงรันมารับโทรศัพท์ของเขา เธอผลักมันออกไปอีกเล็กน้อย การแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์ในพริบตาและมันสร้างโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสกันอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานานเธอได้ประสานมือและตาเป็นพิเศษ
เธอพัฒนาความคิดที่สามารถยอมรับหลายสิ่งหลายอย่างหลังจากผ่านภารกิจการรักษาความปลอดภัยและภารกิจค้นหามากมาย
ไม่มีการฝึกอบรมความสามารถหรืองานใดในโลกที่จะสูญเปล่า เธอได้สัมผัสตัวกับหลิงรันแล้ว
* ตึก, ตึก. *
* ตึก, ตึก., ตึก, ตึก., ตึก *
เสียงเท้าเหยียบลงบนพื้นอย่างหนักแน่นและดังมาก
ฉินมินจะไม่ตกหลุมพรางเดียวกันอีกเลย เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยมือของหลิงรัน จากนั้นเธอเห็นคนหนึ่งๆกำลังแทรกช่องว่างระหว่างเธอกับหลิงรัน
มันเป็น…ใบหน้าที่ใหญ่และหยาบที่ทำให้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมา
“ผู้อำนวยการฮวง?” หลิงรานรู้สึกประหลาดใจมากและเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องประหลาดใจ เขาไม่ได้รับข่าวใด ๆ จากผู้อำนวยการฮวงเลยว่าเขาจะมาที่เซี่ยงไฮ้
ผู้อำนวยการฮวง ดูที่เครื่องแบบของฉินมิน ก่อนที่เขาจะเหยียดหลังให้ตรง เขาแสดงรอยยิ้มเหมือนเสือป่าที่ต้องการอาหารในสวนสัตว์ “ฉันมาเข้าร่วมการประชุมฉันแวะมาดูนาย ฉันเลยมาที่นี้ไง”
หลิงรันคิดอะไรได้บางอย่าง สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับแพทย์ที่จะไปสถานที่อื่นคือการเข้าร่วมการประชุมหรือเป็นศัลยแพทย์อิสระ เหตุผลทั้งสองนั้นมักจะไม่เกี่ยวข้องกันอย่างสมบูรณ์เช่นกัน
ในระดับของผู้อำนวยการฮวงเขาจะยังคงถูกขอให้ไปเสวนาในบางครั้ง
เขาจะมีการประชุมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้บางครั้งซึ่งเขาจำเป็นต้องเข้าร่วมและเขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรีบไปเข้าร่วม
หลิงรันถามอย่างบังเอิญว่า “การประชุมแบบไหนกันครับ”
ผู้อำนวยการฮวง ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง เขาก้มหัวลงหยิบสมุดเล็ก ๆ ออกมาแล้วเปิดมัน เขากล่าวว่า “การประชุมประจำปีสำหรับความท้าทายในกายวิภาคศาสตร์เชิงกรานและนรีเวชวิทยา”