บทที่ 401 แกล้งทำเป็นละเมอ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 401 แกล้งทำเป็นละเมอ

จบกัน

เวลานี้ในหัวสมองของมู่เซิ่ง มีอยู่เพียงความคิดเดียวเท่านั้น

ยอมรับสารภาพก็ลดโทษเบา ปฏิเสธต่อต้านก็ลงโทษหนัก? แม้ว่าซูอีเข่อจะดูเหมือนคนที่โผงผางตรงไปตรงมา แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เป็นผู้หญิง เมื่อพิจารณาจากมุมมองของความเป็นผู้หญิงแล้ว ต่อให้มู่เซิ่งไม่ได้ตั้งใจ ก็คงยากที่จะพ้นความผิดนี้ไปได้

แม้ว่ามู่เซิ่งจะสามารถวิ่งหนีไปเลยก็ได้ ถึงอย่างไรจากมุมมองของเขาแล้ว บางทีในอนาคตอาจจะไม่ได้มีการติดต่อสัมพันธ์อะไรกับซูอีเข่อและตงเสี่ยวเย่อีกก็เป็นได้ แต่จิตใจอันดีงามของมู่เซิ่งนั้นไม่อนุญาตให้เขากระทำแบบนี้

เสียงน้ำได้ปกปิดเสียงของมู่เซิ่งเอาไว้ ทำให้เขาสามารถมองดูได้มากขึ้น แต่เมื่อรวมเวลาแล้วก็เพียงแค่สองถึงสามวินาทีเท่านั้น ด้านซูอีเข่อที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับการอาบน้ำก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายลมหายใจของอีกคนหนึ่ง จึงหันหลังกลับมาในทันที

เมื่อเธอมองเห็นมู่เซิ่งแล้ว ร่างกายก็สั่นเทาไปทั้งตัว

เพราะว่าแสงไฟและเงา ทำให้ซูอีเข่อมองไม่เห็นสภาพที่ตกตะลึงบนใบหน้าของมู่เซิ่ง ทางมู่เซิ่งที่เป็นวัวสันหลังหวะนั้นก็ได้ปิดตาลง แต่เพื่อจะสังเกตเหตุการณ์ภายนอก ความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้มู่เซิ่งลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย

ถูกต้อง เมื่อฉันทบทวนความคิดการกระทำของตนแล้ว ที่ฉันลืมตาขึ้นนั้นก็ยังมีความตั้งใจอย่างอื่นด้วย

มองเห็นซูอีเข่อที่ร่างกายสั่นเทา สีหน้าจากที่แดงก่ำได้กลายเป็นเขียวปั้ตไปแล้ว มู่เซิ่งมองเห็นหยดน้ำที่สั่นสะเทือนบนไหล่ของเธอ ราวกับว่าสามารถส่งเสียงตะโกนขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยมู่เซิ่งไม่ได้พูดอธิบายและก็ไม่ได้หนีไปไหน แต่กลับกล้าที่จะเดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ อย่างโจ่งแจ้ง

ซูอีเข่อตกใจ แล้วก็ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ พร้อมกับคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ด้านข้างมาปกปิดร่างกายเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกันซูอีเข่อที่รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด

เพราะว่าคนทั่วไปหากพบเจอกับสภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ก็คงจะวิ่งหนีออกไป แต่มู่เซิ่งกลับเดินตรงเข้ามา ซูอีเข่อจึงเกิดความลังเลใจขึ้นในทันที

สำหรับที่มู่เซิ่งต้องการนั้น ก็คือช่วงเวลาแวบเดียวนี้ของเธอ

วินาทีต่อมา มู่เซิ่งก็หันหน้าเดินตรงไปที่อ่างล้างหน้า จากนั้นก็ค่อย ๆ หยิบแปรงสีฟันขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วก็ออกแรงบีบยาสีฟัน แน่นอนว่า เขาได้ข้ามขั้นตอนของการเปิดฝาหลอดยาสีฟันไป ที่เขาทำแบบนี้ก็เพียงแค่การแสดงเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะแปรงฟันจริง ๆ สักหน่อย

จากนั้น มู่เซิ่งก็ยกแปรงสีฟันที่ไม่มียาสีฟันขึ้น แล้วก็เริ่มแปรงฟันในปากอย่างช้า ๆ

ซูอีเข่อยิ่งมองดูก็ยิ่งสับสน คนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อแปรงฟันในช่วงกลางดึกแบบนี้เหรอ?

แต่ทว่าหลังจากนั้น มู่เซิ่งก็หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว

“อ่า……”

ซูอีเข่ออุทานขึ้น พร้อมกับปกปิดร่างกายแล้วก็นั่งยองลงไป

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่จาง ๆ มู่เซิ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น ไม่เพียงแต่ใบหน้าของซูอีเข่อ แผ่นหลังของเธอเองก็กลายเป็นสีแดงระเรื่อ ผ้าขนหนูปกคลุมที่หน้าอก แต่เพื่อต้องการจะปกคลุมให้ทั่วร่างกาย ตำแหน่งของผ้าขนหนูจึงค่อนข้างต่ำลงมาหน่อย ภายใต้ความมืดมิดนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างลาง ๆ ซึ่งแทบจะทำให้มู่เซิ่งถึงกับเลือดกำเดาพุ่งออกมาเลยทีเดียว

สงบนิ่ง ต้องสงบนิ่งเอาไว้

มู่เซิ่งพูดปลอบใจตนเองอย่างไม่หยุด เวลานี้เขากำลังอยู่ในสภาวะที่คับขัน หากมีเลือดกำเดาไหลออกมาแล้วก็คงจะจบเห่กัน

ระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ แล้วมู่เซิ่งก็นั่งไปบนฝาชักโครกอย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับผิวปากที่ไม่เป็นจังหวะบทเพลง

จุดที่ซูอีเข่อนั่งยองนั้น อยู่ทางซ้ายมือของมู่เซิ่งในระยะห่างประมาณหนึ่งก้าว แสงจันทร์จาง ๆ ได้สะท้อนกระจกส่องกลับมา ซึ่งจากมุมนี้ เธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาของมู่เซิ่งกำลังปิดอยู่

“หรือว่าจะเป็น การละเมอ? ” ซูอีเข่ออดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำขึ้น

น้ำเสียงของเธอ ถ้าจะพูดว่ากำลังตกตะลึงนั้น ควรจะพูดว่ากำลังสงสัยเสียมากกว่า หรือว่าจะเป็นการปลอบใจตัวเอง ภายในน้ำเสียงแฝงไปด้วยกลิ่นอายความรู้สึกว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่ไม่มากก็น้อย

เพราะว่า หากมู่เซิ่งละเมอนั้น ภาพตอนที่เธออาบน้ำมู่เซิ่งก็คงจะมองไม่เห็น ส่วนในความทรงจำของมู่เซิ่ง ก็คงจะไม่มีภาพเหตุการณ์ที่เก้อเขินที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

ใบหน้าของมู่เซิ่งก็ยังคงอยู่ในสภาพที่เกียจคร้านในขณะที่กำลังหลับ แต่ในฝ่ามือของเขา เต็มไปด้วยเหงื่อมาตั้งนานแล้ว

หมดหนทาง เพราะมันตื่นเต้นมาก!

นี่คือแผนการที่มีความเสี่ยง ถ้าหากสำเร็จแล้ว อาจจะสามารถปกปิดเป็นความลับได้เลย เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการณ์ที่เก้อเขิน แต่ถ้าหากถูกจับได้ ก็คงจะตายลงอย่างอเนจอนาถเป็นแน่

แต่เมื่อมองดูสภาพท่าทางของซูอีเข่อในตอนนี้แล้ว เธอน่าจะคงเชื่อไปเกินกว่าครึ่งแล้ว

ต่อจากนี้ ก็ต้องแสดงต่อไป ขอแค่อย่าได้เกิดความผิดพลาดขึ้นก็พอแล้ว

มู่เซิ่งหลับตา ระลึกภาพความทรงจำของสภาพการจัดวางตกแต่งในห้องพักนี้ แล้วจึงค่อย ๆ เดินออกมา และกลับไปเอนนอนลงบนโซฟา จนกระทั่งห่มผ้าห่มเสร็จแล้ว ถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซึ่งหยาดเหงื่อบนหน้าผากนั้นไหลออกมาอย่างไม่หยุด

เขายอมที่จะถูกล้อมทำร้ายจากนักเสวียนชั้นยอดสิบคน มากกว่าที่จะพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้อีก มันช่างน่าตื่นตระหนกและน่าหวาดกลัวอย่างมากเลย

เมื่อเอนนอนลงไปแล้ว มู่เซิ่งก็อยู่ในสภาพที่นอนหลับอย่างลุ่มลึก ส่วนทางซูอีเข่อนั้นก็ออกมาจากห้องบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อจะดูว่ามู่เซิ่งนั้นหลับจริง ๆ หรือไม่ โดยเวลานี้มู่เซิ่งคงไม่ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน เขายังคงอยู่ในสภาพที่นอนหลับอยู่บนโซฟานั้นเหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว……

มู่เซิ่งที่นอนไม่หลับนั้นในที่สุดก็นอนหลับไปจนได้

เช้าวันรุ่งขึ้น

มู่เซิ่งลุกขึ้นมาจากโซฟา ผ่านไปคืนหนึ่ง เสื้อเชิ้ตที่เขาสวมใส่นั้นก็แห้งสนิทแล้ว เมื่อมู่เซิ่งลุกขึ้นมาจากโซฟา ก็เห็นซูอีเข่อขยี้ตาง่วงนอนพร้อมกับเดินเข้ามาหลังจากที่ซื้ออาหารเช้าแล้ว

“อรุณสวัสดิ์พี่มู่” ซูอีเข่อหาวนอนอย่างเกียจคร้านและพูดขึ้นว่า: “วันนี้ฉันมีคาบเรียนในช่วงเช้า อาหารเช้าวางไว้ตรงนี้นะ แล้วก็ขอตัวไปก่อน”

“ลำบากเธอแล้ว”

มู่เซิ่งพยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าขาดความมั่นใจ ไม่กล้าที่จะมองสบตากับซูอีเข่อ

และก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้น เธอคิดว่าตนเองละเมอหรือไม่อย่างไร

หลังจากที่กลับมาถึงโรงแรมแล้ว เหยาเผิงก็ได้รายงานการดำเนินงานของเมื่อวาน ซึ่งหลังจากที่รอมาสองวันแล้ว พวกเศรษฐีที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้มาถึงที่หนานเจิ้นกันเกือบจะทั้งหมดแล้ว โดยงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งวันถัดไป

ทั้งนี้เพื่อระดับการประชาสัมพันธ์สรรพคุณการรักษาโรคของยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็ก หลังจากที่เหยาเผิงได้รับการอนุญาตจากมู่เซิ่งแล้ว ก็ยังได้ผลิตยาอีกประเภทหนึ่งออกมา

นั่นก็คือน้ำทิพย์รักษาโรค

น้ำทิพย์ประเภทนี้เมื่อฟังชื่อดูแล้วก็น่าอัศจรรย์อย่างมาก แต่วิธีการผลิตนั้นง่ายดาย ก็แค่นำยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กของมู่เซิ่งใส่ลงไปในน้ำและแช่มันก็พอแล้ว ซึ่งยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กหนึ่งเม็ดสามารถกลายเป็นน้ำทิพย์รักษาโรคได้หนึ่งร้อยกว่าลิตรเลยทีเดียว แม้ว่าน้ำทิพย์นี้จะไม่อัศจรรย์อย่างกับยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็ก แต่ก็มีสรรพคุณการรักษาที่น่าทึ่งเช่นกัน

โรคทั่วไปเมื่อดื่มน้ำทิพย์นี้เข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะสามารถหายดีเป็นปกติได้ แม้ว่าจะไม่หายดีเป็นปกติ แต่ก็จะหายดีเกินกว่าครึ่ง

สิ่งสำคัญอีกจุดหนึ่ง นั่นก็คือราคาที่ถูกลงอย่างมากเลยทีเดียว

หลังจากที่ยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กราคาเม็ดละแปดร้อยล้านได้กลายมาเป็นน้ำทิพย์แล้วนั้น ก็มีราคาที่ลดลงอย่างมาก หนึ่งลิตรมีราคาเพียงแปดล้านเท่านั้น สำหรับครอบครัวโดยทั่วไปแล้ว ราคานี้ก็ยังถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ไม่ต่างกัน

เพราะเงินแปดร้อยล้านไม่ใช่ว่าใครก็สามารถจ่ายได้ แต่หากเงินแปดล้าน เพียงแค่เป็นครอบครัวที่พอจะมีเงินทองร่ำรวยสักหน่อยหรือว่าตระกูลอันดับสอง ก็คงจะสามารถจ่ายได้

วิธีการนี้ สามารถยกระดับการประชาสัมพันธ์ของยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เดิมทีเป็นสิ่งของที่จะรับรู้รับทราบกันในกลุ่มของพวกเศรษฐี แต่ตอนนี้ในกลุ่มของคนทั่วไปก็เริ่มสามารถที่จะรับรู้และสัมผัสได้ถึงยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กด้วยแล้ว ทำให้ยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กกลายเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

และในวันนี้ ตระกูลหยางก็ได้มาพบเจอกับมู่เซิ่งแล้ว……