ตอนที่ 401 ขอกินสักคำได้ไหม

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 401 ขอกินสักคำได้ไหม?

ตอนที่ 401 ขอกินสักคำได้ไหม?

ชิงเย่เหลือบมองเสี่ยวอ้าย เครื่องหมายทาสของเขาทำให้ไม่สามารถพูดโกหกได้

และเมื่อใดที่โกหก เขาจะต้องเจ็บตัว!

“ผมมาตามหากาน่า” ชิงเย่ตอบ “ผมรับงานมาจากนายจ้างที่บอกให้ช่วยตามหากาน่าตัวหนึ่ง พวกเขาทำมันหายไป จึงให้ช่วยไปตามกลับมา”

สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่สิ่งมีชีวิตชาญฉลาดตัวอื่นไม่ได้ค้นพบมัน ค่อยยังชั่ว!

“แต่พอผมออกมาตามหากาน่า ก็เจออสุรกายทั้งหลายอยู่ทิศทางนี้เหมือนกัน สิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดเล็งเห็นที่นี่แล้ว และคาดว่าอีกไม่กี่เดือน จักรวรรดิจะเข้ามาตรวจสอบ”

เชี่ย!

นี่คือเรื่องที่เสี่ยวอ้ายคิดไม่ถึง

มันไม่เคยรู้สึกถึงความยุ่งยากเท่านี้มาก่อน!

มันยังไม่ทันได้บอกนายท่านว่าโลกภายนอกนี้เป็นยังไงด้วยซ้ำ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่างที่แก้ไขได้ยาก

โอคาซีถามชิงเย่ “นายพอจะบอกได้ไหมว่าจักรวรรดิไหนจะมาถึงก่อนกัน? พวกมันแข็งแกร่งกันแค่ไหน?!”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า ถูกต้อง เราจะต้องรู้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ให้ได้

ชิงเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จักรวรรดิแรกที่จะมาถึงน่าจะเป็นเคทเลอร์ ถ้าให้พูดตามขอบเขต เคทเลอร์เป็นจักรวรรดิที่ทรงพลังมากที่สุดในทิศตะวันออก”

“แล้วกลุ่มเอลฟ์ของนายล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นถามขัดจังหวะ

“จักรวรรดิเอลฟ์ทรงพลังมากที่สุดในภาคใต้น่ะ!” ชิงเย่ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะเยาะ ไม่ชอบความหยิ่งทะนงของเอลฟ์ตรงหน้าเอาซะเลย!

“ภูมิใจมากสินะ! ดูหน้าที่บวมเป่งของนายสิ น่าเกลียดเป็นบ้า!”

“น่าเกลียด?!” ทันทีที่ชิงเย่ได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็หันไปมองหน้าตัวเองในกระจก มันเป็นสีม่วงอมเขียวบวมช้ำ ดูน่าเกลียดอย่างที่สวี่หลิงอวิ๋นว่า!

“จบแล้วชีวิต! ชื่อเสียงอันโด่งดังของชิงเย่!” ในฐานะเอลฟ์ทหารรับจ้างที่เลื่องชื่อ ชิงเย่มีลักษณะนิสัยตามแบบฉบับเอลฟ์อย่างเต็มเปี่ยม นั่นคือหลงตัวเอง

เขาไม่อาจปล่อยให้ภาพลักษณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเองเด็ดขาด! แต่ว่าตอนนี้!

ชายหนุ่มเจ้าหัวหมูในกระจกนี่คือใคร?!

ถ้าต้องออกไปแบบนี้ เขาจะไม่ถูกเอลฟ์คนอื่นหัวเราะเยาะหรือ?! คนที่ตามจีบจะไม่หวาดกลัวจนหายไปเลยหรือไง?!

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกถึงอนาคตที่มืดหม่นและอึมครึม!

หากจักรวรรดิเคทเลอร์เข้ามา สวี่หลิงอวิ๋นจะหยุดพวกเขาได้หรือไม่?!

ไม่ได้แน่นอน!

ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีอยู่ในระดับ 12 ดาวเท่านั้น แม้จะสามารถเลื่อนขั้นได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการก้าวไปสู่ลำดับที่แข็งแกร่ง

แม้พวกเธอจะก้าวเข้าสู่ระดับขั้นของความแข็งแกร่งแล้ว แต่ว่าพวกเธอจะต่อสู้กับความแข็งแกร่งของทั้งจักรวรรดิได้อย่างไร?!

นี่เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ!

“ถ้างั้นเราจะต้องเข้าไปในถ้ำเสือ” โอคาซีพูด “ไม่มีทางอื่นแล้ว”

สวี่หลิงอวิ๋นกับเสี่ยวอ้ายพยักหน้า พวกเขาจะทำอะไรได้อีก?!

“ช่างเถอะ! อย่าเพิ่งไปพูดถึงมัน! มากินข้าวกันก่อนเถอะ! ท้องฉันร้องไปหมดแล้วเนี่ย!” ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องกินเพื่อเติมเต็มจิตใจที่กระสับส่ายมากเท่านั้น!

สวี่หลิงอวิ๋นพลิกปุ่มมิติกักเก็บขึ้นมา หยิบปลาหมึกกระป๋อง จากนั้นจึงหยิบข้าว ซีอิ๊วและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เธอกำลังจะทำอาหาร ดังนั้นเธอจึงหยิบเอเลี่ยนหุ้มเปลือกขึ้นมาเตรียมไว้

อีกทั้งยังหยิบเป็ดกุนดักตัวใหญ่อีกตัวขึ้นมา ก่อนจะยื่นให้เสี่ยวอ้าย

เสี่ยวอ้ายกับเธอไม่ได้กินอาหารอันแสนอร่อยจนอิ่มมานานแล้ว!

เสี่ยวอ้ายสูดดมกลิ่นของเป็ดกุนดัก!

ว้าว! หอมมาก! นายท่านเจ๋งมาก! เสี่ยวอ้ายมีความสุขที่ได้กินอาหารของนายท่านร่วมกับนายท่าน มันฉีกเนื้อชิ้นใหญ่ เอาเข้าไปในปากและเริ่มกัดกิน!

ชิงเย่ยังคงโอดครวญถึงความงามของตัวเอง มันร้องครวญคราง แต่แล้วก็ได้กลิ่นหอมโชยมา!

กลิ่นอะไรน่ะ?!

ชิงเย่หันกลับไปและเห็นว่าเสี่ยวอ้ายกำลังกินเนื้อชิ้นใหญ่ กลิ่นหอมน่าจะลอยออกมาจากเนื้อชิ้นนี้!

ชิงเย่ไม่เคยได้กลิ่นเนื้อย่างที่หอมอร่อยแบบนี้มาก่อน!

นี่มันคือบ้าอะไร?!

ชิงเย่มองดูและรู้สึกว่าน้ำลายในปากของตัวเองหลั่งออกมาอย่างรวดเร็วและกำลังจะหยดลงไปที่พื้น!

เสี่ยวอ้ายเหลือบเห็นสายตาที่ร้อนแรง มันเงยหน้าขึ้นและมองดูสายตาที่ตะกละตะกลามของชิงเย่ ก่อนจะเห่าออกไป “มันเป็นของเสี่ยวอ้าย! โฮ่ง!”

ชิงเย่ยิ้มด้วยท่าทีเขินอาย ทาสจะกล้าแย่งอาหารของนายได้อย่างไร?

“ผมไม่ได้จะขโมย! ไม่ได้จะเอาไป! ผมอยากรู้ว่านายท่านต้องการบริการอะไรไหมครับ?!”

เสี่ยวอ้ายลากเนื้อออกมาให้ห่างจากเขา “ไปให้พ้น!”

นี่คือการกันขโมยจากชิงเย่!

ชิงเย่จ้องมองเนื้อชิ้นใหญ่ด้วยความเสียใจ แค่เสี่ยวอ้ายกัดกินหนึ่งคำ ความหอมก็โชยออกมาจนเขาได้กลิ่น!

มันมีกลิ่นเผ็ดร้อนและกลมกล่อมอย่างอธิบายไม่ถูก มันกระตุ้นต่อมรับรส และทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน!

รสชาติของมันหอมอร่อยกว่าอาหารที่ปรุงโดยสุดยอดพ่อครัวเอลฟ์เสียอีก!

กลิ่นหอมน่ากินอะไรขนาดนี้?!

ชิงเย่กลืนน้ำลาย เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังปรุงรสอาหารโดยใช้หม้อวางลงบนเตาที่ทำมาจากเครื่องจักรง่าย ๆ

ส่วนโอคาซีนั้นกำลังหั่นผัก

โอคาซียังไม่คุ้นเคยกับเครื่องจักรของที่นี่มากนัก เขาจึงตัดสินใจหั่นผักด้วยตัวเอง

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยหั่นผักมาก่อน แต่เขาก็สามารถใช้ดาบใหญ่พลังดวงดาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

วิธีการหั่นผักและเนื้อจึงออกมาอย่างประณีต!

สวี่หลิงอวิ๋นใส่หัวหอม ขิง และกระเทียมลงไป ก่อนจะเทเนื้อเอเลี่ยนหุ้มเปลือกที่โอคาซีหั่นลงไป

เมื่อเจออุณหภูมิสูง เนื้อก็ม้วนเข้าหากัน ก่อนที่กลิ่นหอมจะโชยออกมา!

ชิงเย่ยืนจ้องหม้อตรงหน้าด้วยน้ำลายที่ไหลย้อย สูดดมกลิ่นสุดแรง หอมมาก!

จากนั้นจึงตามมาด้วยน้ำซุป และเค้กที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกหยิบออกมาเช่นกัน

อาหารยังสมบูรณ์ไม่พอ ยังต้องมีเนื้อเอเลี่ยนหุ้มเปลือกผัด ปลาหมึกกระป๋อง เค้ก และน้ำซุปกระดูกหมู

แค่ข้าวอย่างเดียวน่าเบื่อเกินไป สวี่หลิงอวิ๋นหยิบน้ำพริกไข่ปูขึ้นมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะตะโกนเรียก “ได้เวลากินข้าวแล้ว!”

ชิงเย่เตรียมจะนั่งลง ทว่าเสี่ยวหลิงอวิ๋นกลับใช้ตะเกียบตีเข้าที่มือเขา “นี่ ที่นี่ไม่มีส่วนของนาย! ถ้าหิวก็ไปกินอาหารตัวเองสิ!”

โอคาซีนั่งลง ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นตัดเค้กให้เขา โดยมีชิงเย่จ้องมองด้วยความอิจฉา

เขาอดไม่ได้ที่จะอ้อนวอนขอความเมตตา “ขอผมกินสักคำได้ไหมครับ? แค่คำเดียว!”

สวี่หลิงอวิ๋นถือตะเกียบและพูดออกไปอย่างจองหอง “เอลฟ์ชนชั้นสูงจะมากินอาหารของพวกสัตว์เลี้ยงได้ยังไง? นายก็ไปกินอาหารของนายซะสิ! อย่ามาเปื้อนมลทินกับมนุษย์ต้อยต่ำอย่างเราเลย!”

เอลฟ์ชิงเย่แทบอยากจะร้องไห้ออกมา มันร้องขอความเมตตาอย่างน่าเวทนา “ผมไม่ได้คิดอยากจะขายมนุษย์สักหน่อย! อีกอย่างหลังจากที่ผมพบกับท่าน ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป ผมจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกแล้วครับ!”

“ถ้าท่านไม่เชื่อ ผมไปสาบานกับพระแม่พฤกษาก็ได้!” ชิงเย่ต่อสู้เพื่อการลิ้มลองรสชาติเพียงหนึ่งคำ!

เค้กนั่นดูนุ่มละมุ่นมาก! เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเอาเค้กเข้าไปในปาก กัดเค้กเบา ๆ ด้วยแรงเพียงเล็กน้อย หลงเหลือไว้เพียงรอยฟัน!

ฮือ ๆๆ! อยากกินจัง!