ตอนที่ 371

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้าและมองไปที่หยุนเทียนลั่ว “เจ้าพร้อมแล้วสินะ?”

“พร้อมอะไรกัน?”

“พร้อมที่จะตายยังไงล่ะ…” คำตอบของลู่โจวฟังดูเยือกเย็น

หยุนเทียนลั่วมองไปที่ลู่โจวด้วยสายตาอันลึกซึ้ง เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ตัวเขาไม่ได้เจอกับลู่โจว ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติไป ในที่สุดหยุนเทียนลั่วก็ได้ถามออกมา “แล้วท่านล่ะ พี่จี?”

ทั้งสองคนต่างก็เป็นชายชราที่เป็นเหมือนกับไม้ใกล้ฝั่งจนเต็มที การพูดคุยกันถึงเรื่องแห่งความตายเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะพูดถึงเลย แต่ถึงแบบนั้นหยุนเทียนลั่วกลับคิดถึงเรื่องนี้เกินกว่าเรื่องอื่น ตัวเขารู้ดีว่าชีวิตที่ยืนยาวมาถึงทุกวันนี้ได้มันใกล้กับความตายมากแค่ไหน

ลู่โจวส่ายหัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงแบบนั้นหยุนเทียนลั่วก็ได้หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน มันเป็นเสียงหัวเราะที่ปนไปด้วยความเศร้า ในตอนนี้ตัวเขาใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เต็มที แต่ลู่โจวที่มีอายุมากกว่ากลับดูไม่ได้กังวลอะไรเลยเมื่อเทียบกับตัวเขา ท้ายที่สุดแล้วหยุนเทียนลั่วก็ได้ถามออกมา “แล้วพี่จี การที่ท่านมาที่นี่ก็เพื่อที่จะพูดเรื่องนี้กับข้าอย่างงั้นหรอ?”

ลู่โจวพยักหน้า “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าเอง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะถามหาถึงสิ่งที่เจ้าได้พบมา ข้าจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อเอาชนะขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ให้ได้”

หยุนเทียนลั่วมองไปที่ลู่โจวด้วยสายตาอันซับซ้อน ตัวเขาไม่รู้มาโดยตลอดว่าทำไมลู่โจวถึงได้ถามเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็เข้าใจถึงสิ่งที่ลู่โจวคิดได้ ทุกคนในโลกต่างก็รู้กันดีว่าพลังของปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีพลังถึงขั้นไหนแล้ว

ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าฝึกฝนตัวเองจนเรียกได้ว่าขาดเพียงอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะถึงขั้นเก้าได้ ในที่สุดหยุนเทียนลั่วก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “จะต้องทำได้แน่ ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถไปถึงขั้นที่เก้าได้คนแรกแน่ พี่จี”

“มันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ได้” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น

“ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ?”

“จะต้องมีคนที่มีพลังและความรู้ที่มากกว่าพวกเราแน่ ไม่มีใครรู้หรอกว่ายอดฝีมือมากมายสักกี่คนได้เก็บซ่อนตัวจากโลกยุทธภพ” ลู่โจวได้หยุดพูดชั่วคราวหลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดเสริมเบาๆ “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก”

หยุนเทียนลั่วที่ได้ฟังแบบนั้นผงะ รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นปรากฏอยู่บนใบหน้าอันเหี่ยวเฉาของลู่โจว

“การได้พูดคุยกับท่านมันดีกว่าการหนังสือเป็นเวลากว่าสิบปีซะอีก พี่จี ท่านเปิดโลกของข้าจริงๆ” หยุนเทียนลั่วโบกมือให้ ในตอนนั้นเองม่านพลังของเล้งลั่วในก่อนหน้านี้ก็ถูกคลี่คลายไป ตัวเขาได้หันไปหาเหล่าสาวกก่อนที่จะพูดออกมา “เอากระดานเกมมาให้ข้า”

เฟิงอี้จือเจ้าสำนักลั่วได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าจะจัดการให้ในทันที”

ไม่นานนักกระดานเกมที่ดูสวยงามก็ถูกนำเข้ามา

เฟิงอี้จือวางกระดานลงบนโต๊ะด้วยความเคารพก่อนที่จะกลับไปยืนข้างๆ หยุนเทียนลั่ว

หยุนเทียนลั่วที่ได้รับหมากรุกได้พูดออกมา “พี่จี เนื่องจากพลังวรยุทธของข้าถดถอยไปมากแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ทำไมพวกเรามาเล่นกระดานเกมกันแทนล่ะ?”

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะมองไปยังกระดานเกม จากในความทรงจำที่จีเทียนเด๋ามี ทักษะในการเล่นกระดานเกมของตัวเขาเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก แต่สำหรับลู่โจว ชีวิตของเขาในอดีตรู้จักแต่การเล่นหมากล้อมเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวเองก็ยังไม่เคยเล่นแบบการแข่งขันมาก่อน แล้วตัวเขาจะไปแข่งขันกับหยุนเทียนลั่ว ผู้ที่เชี่ยวชาญในการเล่นกระดานเกมได้ยังไงกัน? หลังจากที่ประเมินกรดานเป็นเวลาสั้นๆ ดูเหมือนว่ากระดานอันนี้จะดูแตกต่างจากกระดานหมากธรรมดาทั่วไป มันมีเส้นในแนวตั้งและแนวนอนถึง 19 เส้นด้วยกัน นอกจากนี้ที่กระดานยังมีเส้นเขตแดนพลังถูกสลักเอาไว้อีกด้วย

“ดูเหมือนว่าพลังวรยุทธของเจ้าจะถดถอยไปมากแล้วสินะ” ลู่โจวได้พูดออกมา

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เมื่อใกล้ถึงขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ คนคนนั้นก็จะสูญเสียพลังวรยุทธที่เคยมีไป เป็นไปไม่ได้เลยที่หยุนเทียนลั่วในตอนนี้จะเอาชนะลู่โจวถ้าหากต่อสู้กันด้วยพลังวรยุทธ

หยุนเทียนลั่วที่ได้ยินแบบนั้นพยักหน้าตอบรับแต่โดยดี “ข้าคิดมาตลอดว่าท่านเองก็คงจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกัน…นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะทำให้ข้าประหลาดใจได้ถึงเพียงนี้”

หยุนเทียนลั่วไม่ใช่คนโง่เขลา ตัวเขาได้อยู่มาเกือบจะพันปีแล้ว หยุนเทียนลั่วรู้ดีว่าร่างกายของลู่โจวมันเต็มไปด้วยพลัง จากสีหน้าท่าทางของลู่โจวก็ทำให้หยุนเทียนลั่วแน่ใจแล้วว่าลู่โจวยังสบายดี

“พวกเราจะเริ่มกันรึยังล่ะ?” หยุนเทียนลั่วได้หยิบหินสีดำออกมา

“พวกเราจะไม่ตัดสินกันก่อนหรอว่าใครจะเลือกสีหมากกันก่อน?” ลู่โจวเหลือบมองไปที่หินทั้งหลาย

“ท่านเป็นผู้อาวุโสกว่าข้า หวังว่าท่านจะไม่คิดเล็กคิดน้อยที่ข้าเป็นฝ่ายเลือกก่อน” หยุนเทียนลั่วที่พูดเสร็จก็ได้วางหินลงบนมุมตารางจากทางซ้ายบน

เขตแดนพลังงานที่มีอยู่ในกระดานเริ่มส่องแสงขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่าเส้นเขตแดนที่ถูกแกะสลักเอาไว้จะถูกเปิดใช้งานขึ้นตามไปด้วย

ลู่โจวคาดเอาไว้แล้ว มันจะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังกระดานหมากนี้แน่ พลังได้ไหลเวียนไปตามเขตแดน หลังจากนั้นลู่โจวก็วางหินสีขาวเอาไว้ที่มุมทางด้านขวา

แตะ!

ก้อนหินที่ถูกวางลงได้เสียดสีกับกระดานไปชั่วขณะ

ในตอนนั้นเองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ส่องสว่างออกมา เหล่าสาวกจากสามสำนักล้วนแต่ถอยห่างออกไป ทุกคนมองไปรอบๆ ตัว ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกเปลี่ยนไปจนน่าตกใจ

“ดี” หยุนเทียนลั่วกล่าวชม

หินอีกก้อนถูกวางอีกครั้ง

ในตอนนั้นเองพลังงานก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้น จนถึงตอนนี้การเคลื่อนไหวของดาบพลังงานนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนตัวอยู่เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์

สีหน้าของลู่โจวยังคงดูสงบนิ่ง ตัวเขากำลังทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้นเอง ดูเหมือนว่ากระดานหมากรุกอันนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดใช้เขตแดนพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การที่เขตแดนพลังจะเปิดหรือจะปิดมันขึ้นอยู่กับกระดานหมาก ดูเหมือนว่าการเล่นหมากครั้งนี้จะไม่ต้องใช้ทักษะการเดินหมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการทำลายพลังที่กำลังจะก่อตัว

ลู่โจวจดจ่ออยู่กับเขตแดนที่มีอยู่บนหมากรุก ตัวเขาไม่เคยคิดถึงความสำคัญของเส้นกระดานทั้ง 19 เส้นไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อกระดานชิ้นนี้ถูกวางหินลงไป พลังที่อยู่ในกระดานก็จะก่อตัวขึ้นมาจากบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าพลังนั้นจะสอดคล้องกับการที่ดาบพลังงานได้ปรากฏอยู่เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์

‘กระดานนี่ก็คือโลกความจริงอย่างงั้นสินะ’ ลู่โจวเริ่มวางหินต่อไป

แตะ!

เมื่อหินอีกก้อนถูกวาง ดาบพลังงานที่มีอยู่บนท้องฟ้าก็ถูกมือขนาดใหญ่ปัดมันออกไป

หยุนเทียนลั่วเริ่มวางหินต่อ

เขตแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มส่องสว่างออกมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองดาบพลังงานจำนวนมากก็ได้พุ่งเข้าหาลู่โจวอย่างเป็นระเบียบ

“ถอยไป” เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน และหยวนเอ๋อต่างก็ถอยกลับไปยังขอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เจ้าสำนักลั่ว เฟิงอี้จือได้ถอยห่างจากใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน

ทุกๆ คนต่างก็จ้องมองไปที่ดาบพลังงานอย่างตื่นตกใจ…

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

เมื่อลู่โจววางหินลงมาอีกครั้ง ดาบพลังงานอีกจำนวนหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา

ดาบพลังงานจากทั้งสองฝ่ายได้เข้าชนกัน หลังจากนั้นไม่นานดาบพลังงานทั้งหมดที่มีก็จางหายไปในอากาศ

หยุนเทียนลู่ลืมตาขึ้น ตัวเขามองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะส่งเสียงออกมา “หืม?”

ในตอนนี้ลู่โจวกำลังถือหินเอาไว้ด้วยนิ้วทั้งสองนิ้ว สายตาของตัวเขากำลังจดจ่ออยู่กับเขตแดนพลังที่มีอยู่บนกระดานด้านหน้า

หยุนเทียนลั่วรู้สึกคลี่คลายบางอย่างที่ติดอยู่ในใจออกมาได้ “ข้ารู้แล้ว…”

“เจ้าพูดถึงอะไรกัน?” ลู่โจวพูดออกมาโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง

“การคาดการณ์การเคลื่อนไหวเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด ไม่มีที่วางหินก้อนไหนจะดีไปกว่าที่ตรงนั้นได้…ข้าประทับใจท่านจริงๆ ที่ท่านไม่ได้กดดันอะไรจากเส้นแบ่งที่ถูกวางเอาไว้เลย” หยุนเทียนลั่วตอบกลับ

ลู่โจวยังคงมองไปที่กระดานก่อนที่จะใช้ความคิด ‘ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้สนใจเส้นแบ่ง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเล่นยังไงกันแน่’

หยุนเทียนลั่วยิ้มให้จางๆ ก่อนที่จะหยิบก้อนหินและวางมันบนกระดานอีกครั้ง

แตะ!

เสียงหินที่วางลงบนกระดานได้ดังขึ้นไปบนอากาศอย่างแผ่วเบา

คราวนี้หยุนเทียนลั่วได้วางหินเอาไว้ที่ตรงใจกลางกระดาน ทันใดนั้นเองเขตแดนพลังก็ได้เชื่อมต่อกับเส้นแบ่งกระดานทั้ง 19 เส้น

แสงเจิดจ้าได้ส่องกระทบไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะบดบังสายตาของทุกๆ คน

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น

หยุนเทียนลั่วดูเหมือนจะหายตัวไป ลู่โจวในตอนนี้ได้อยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาดแทน…ที่ตรงหน้าของเขามีชายหนุ่มที่กำลังเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มคนนี้มีทั้งความสุข, ความเศร้า, ความโกรธ, ช่วงเวลาที่ยากลำบาก และช่วงเวลาที่ดีเองได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าลู่โจว ชายหนุ่มคนนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ฝึกฝนตัวเองต่อไปอย่างพากเพียร

นี่คือ…ความทรงจำหยุนเทียนลั่ว!

ลู่โจวเคยเดาไว้ว่าความทรงจำที่ขาดหายไปของตัวเขาถูกผนึกเอาไว้ในหินคริสตัลด้วยวิธีที่คล้ายคลึงกัน ตัวเขาได้รับการยืนยันเรื่องนี้มาจากยู่ฉางตง หรือว่าหยุนเทียนลั่วจะผูกความทรงจำเอาไว้ที่กระดานอันนี้เพื่อที่ตัวเขาจะพยายามฝึกฝนตัวเองให้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นสินะ?

ภาพที่ด้านหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน กลางคืนและกลางวันสลับกันอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้วหยุนเทียนลั่วที่อยู่ตรงหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยพลัง ลู่โจวสามารถเห็นพลังลมปราณจำนวนมากภายในจุดตันเถียนของหยุนเทียนลั่วได้เป็นอย่างดี

“พลังขั้นสุดยอดของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ” ลู่โจวสามารถสัมผัสได้ว่าพลังที่เห็นมันพลังพลังเพียงใด

พลังที่ว่าได้ขยายตัวก่อนที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นวิธีที่จะทำให้ผู้ฝึกยุทธฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้อย่างงั้นหรอ?

“หืม?” ลู่โจวเห็นดอกบัวทองคำของอวตารกำลังทำเหมือนกับกระแสน้ำวนที่คอยดูดซับพลังงานไปอย่างลับๆ มีเพียงอวตารร้อยวิถีเท่านั้นที่จะสามารถสร้างกลีบดอกบัวทองคำได้ ดอกบัวทองคำเปรียบเสมือนรากเหง้าของต้นไม้ มันเป็นที่ที่จะทำให้อวตารเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น แต่ในตอนนี้ดอกบัวทองคำของตัวเขากำลังดูดซับพลังไปโดยที่หยุนเทียนลั่วไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ ลู่โจวเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อ ตัวเขากำลังสงสัย ‘หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้หยุนเทียนลั่วมีพลังวรยุทธที่ถดถอยกันแน่?’

หวือออ!

พลังทั้งหมดได้จางหายไป พลังดอกบัวทองคำเองก็หายไปด้วย สภาพแวดล้อมรอบตัวได้กลับมาเป็นเหมือนเก่า หยุนเทียนลั่วได้ถือหินสีดำเอาไว้ระหว่างนิ้ว แขนของตัวเขาได้ลอยอยู่เหนือกระดาน ลู่โจวเองก็อยู่ในท่าทางเดียวกันเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็สบตากัน