“นายคือ…” 

เซลด้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจขณะมองหน้าผม ดวงตาของเธอดูเหมือนจะจำข้อมูลเกี่ยวกับผมได้ ซึ่งในไม่ช้าเธอก็นึกออกและพูดชื่อผมออกมา

“ออสติน…ใช่ไหม?” 

เสียงของเธอทำให้ผมยิ้มพร้อมกับโค้งคำนับเธอ

“ถูกต้อง ผมคือออสติน ไลออนฮาร์ทดีใจที่ได้ให้บริการเธอนะ” 

ผมตอบก่อนจะยืดตัวขึ้นและจ้องมองไปทางเซลด้าที่ตอนนี้กำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรขณะที่เธอถาม

“นายวางแผนทั้งหมดนี้เพราะฉัน? เพื่อใช้ฉันงั้นเหรอ?”

ขณะที่เธอถาม บรรยากาศทั้งหมดในสถานที่นี้กลับกลายเป็นอันตรายถึงชีวิต ผมสามารถบอกได้เลยว่าหากมีการเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงครั้งเดียวหล่ะก็… เซลด้าคงไม่ลังเลเลยที่จะกลายเป็นศัตรูกับผม 

ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอียงศีรษะไปทางขวาขณะที่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา

“ใช้เธอเพื่ออะไรหล่ะ?”

เมื่อได้ยินเสียงของผม เซลด้าก็ตกตะลึงก่อนเธอจะถามผมด้วยสายตาที่แคบลง 

“นายกำลังซ่อนตัวตนของตัวเองและเล่นกับสภาการสงคราม แถมนายยังพาฉันมาที่นี่เพื่อจัดฉากละครที่ซับซ้อนแบบนี้ ไม่ใช่ว่านายต้องการให้ฉันทำอะไรบางอย่างให้งั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าฉันโชว์ให้เธอดูไปแล้วเหรอ?”

ผมตอบเธอกลับไปด้วยคำถาม

“ฮะ?” 

นั่นคือทั้งหมดที่เซลด้าพูดได้เพราะเธอไม่เข้าใจสาระสำคัญของคำตอบของผม 

เมื่อเห็นเช่นนั้นผมก็ยิ้มให้เธอก่อนจะส่ายหัวขณะที่ดวงตาของผมเพ่งความสนใจไปที่เธออย่างเต็มที่

“ผมแสดงให้เธอเห็นไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร และเธอพูดถูก ผมมีเป้าหมายของตัวเองอยู่สำหรับสภาสงคราม แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอตั้งแต่ต้นจนมาถึงที่นี่เป็นความปรารถนาของผมเอง ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น”

เมื่อผมพูดจบ ความเงียบงันก็ยังคงอยู่ระหว่างเราสองคน มีเพียงเสียงน้ำตกดังก้องอยู่ในหูของเราก่อนที่เซลด้าจะเริ่มพูด

“งั้นทุกอย่างที่นี่ก็เพื่อฉันเหรอ?”

“ใช่แล้ว ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ผมทำแบบนี้เพราะตัวเองอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเท่านั้น เซลด้า นั่นคือความจริงทั้งหมด…” 

พอพูดจบ ผมก็จ้องมองไปที่สร้อยคอเส้นเล็กที่ห้อยอยู่ที่คอของเซลด้า ซึ่งมันเรืองแสงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจางลง การแสดงผลของมันละลายความไม่เป็นมิตรของเซลด้าออกไปจนหมดและทำให้ใบหน้าของเธอกลับมายิ้มแย้มได้ขณะที่เธอพูด

“ถ้างั้นทำไมเราไม่มาเริ่มกินกันเลยหล่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาข้างนอกก่อนจะเดินไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาเพื่อดึงมันออกมาให้เซลด้านั่งลง หลังจากจัดเตรียมอย่างเหมาะสมแล้ว ผมก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร การกระทำของผมนั้นคล่องแคล่วและราบรื่นในขณะที่พูดออกมา

“นี่คือซุปราตรี ซึ่งเหมาะสำหรับการเริ่มต้นมื้ออาหารของเรา…”

“ดูเหมือนนายจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้มากเลยนะ” 

เซลด้าพูด เมื่อเห็นผมจัดการเรื่องอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“นั่นก็เพราะผมเป็นคนทำอาหารทั้งหมดนี้เองหน่ะสิ” 

ผมตอบ คำตอบของฉันทำให้เซลด้าเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอพูด

“นายทำทั้งหมดนี้เองงั้นเหรอ?”

“ช่ายยย ผมเป็นเชฟที่ดีใช่ไหมหล่ะ?” 

ผมถามด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งในขณะที่จัดการกับการเตรียมอาหารทั้งหมด

+30 ความชอบ

‘ดูเหมือนว่าจะได้ผลสินะ’

ผมคิดในใจ 

นับตั้งแต่ที่ผมพูดคุยอย่างเปิดเผยกับเธอ ความชอบที่ผมได้รับจากเธอก็พรั่งพรูออกมาราวกับสายฝน และเหตุผลหลักก็คือสร้อยคอที่อยู่บนคอของเซลด้า ซึ่งเป็นสิ่งอาร์ติแฟกต์ที่ทำให้เธอแยกระหว่างเรื่องจริงและเรื่องโกหกได้ โชคดีที่ผมรู้เกี่ยวกับการทำงานของมันเนื่องจากระบบและสืบค้นมา

ปัญหาหลักของเซลด้าคือเธอไม่เคยมีใครเดินเคียงข้างเธอ สร้อยคอนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงของโลกที่ต้องการเพียงพลัง, สถานะและอื่นๆ ของเธอเท่านั้น แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากรู้จักตัวตนจริงๆ ของเธอเลย

และนั่นคือส่วนสำคัญที่ผมมุ่งมั่นเพื่อเอาชนะใจเธอ ในความเป็นจริงเซลาด้านั้นจีบง่ายกว่ามากสำหรับผมเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าความคิดของเธอเป็นแบบพวกหัวโบราณควบคู่ไปกับสถานะของเธอ

การแสดงจุดแข็งของผมและพาเธอไปออกเดทที่น่าตื่นเต้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผมที่จะได้รับความรักจากเธอ ควบคู่ไปกับคำว่า ‘รัก’ ที่จริงใจของผมที่มีต่อเธอก็คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกหัวโบราณแบบเซลด้าละลายอย่างรวดเร็วเหมือนไอศกรีมในวันที่แดดจ้าและเช่นเดียวกับผู้หญิงหัวโบราณทั่วไป ในตอนที่หัวใจเธอเป็นของผมแล้ว เธอจะทำทุกอย่างเพื่อผม ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถก่อตัวขึ้นกับผมได้ในสภาสงครามเพราะผมยังคงแข็งแกร่งกว่าเธออยู่

อย่างไรก็ตามเผ่าสิงโตมีประเพณีที่ผู้มีพลังเหนือกว่าในความสัมพันธ์มักจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดระหว่างคู่รักทั้งสอง ดังนั้นหากเรามีความสัมพันธ์กัน ผมก็จะเป็นคนที่อยู่เหนือกว่า ตราบเท่าที่ผมยังรักษาอำนาจไว้ได้

‘เดาได้เลยเธอกำลังรออะไรอยู่…’

ผมครุ่นคิดขณะมองเซลด้าที่มองตัวเองราวกับว่าผมเป็นของหายากที่ต้องเก็บรักษาไว้

“กินกันเลยไหม?” 

ผมพูดในขณะที่เราเริ่มทานอาหารกัน ขณะที่เราเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ บทสนทนาของเราก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ผมแบ่งปันเรื่องราวการผจญภัยของตัวเองและสร้างสรรค์มันขึ้นมาอย่างระมัดระวังเพื่อดึงดูดความสนใจของเซลด้าที่คอยฟังด้วยความตั้งใจโดยที่สายตาของเธอไม่เคยละออกไปจากตาของผมเลย คอยจับจ้องทุกคำพูดที่ผมพูด

เมื่อช่วงเย็นผ่านไปผมก็สังเกตเห็นความรื่นเริงได้ในดวงตาของเซลด้า ดูเหมือนเธอจะสนุกไปกับการจัดฉากของผมอยู่ การเต้นรำของคำพูดและการกระทำ ลักษณะชอบความท้าทายของเธอ แม้ว่าในตอนแรกเธอจะคอยระวังตัวอยู่ แต่ก็เริ่มถูกกลืนกินไปจากการเดทของเรา

หลังจบจากมื้ออาหารเย็น ผมก็พาเซลด้าไปยังพื้นที่โล่งที่ถูกล้อมรอบด้วยซากปรักหักพังโบราณ แสงอันนุ่มนวลของดวงจันทร์ส่องสัญลักษณ์ลึกลับที่แกะสลักไว้ในหิน มันเป็นสถานที่ที่ขอบเขตระหว่างอาณาจักรมนุษย์และโลกที่ไม่มีตัวตนพร่ามัว

ผมจับมือของเซลด้าแล้วดึงเธอเข้าสู่การเต้นรำที่มีชีวิตชีวา โดยมีท่วงทำนองที่มีเสน่ห์ซึ่งบรรเลงโดยนักดนตรีล่องหนที่ผมเตรียมไว้ล่วงหน้า เซลด้าดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ไปกับช่วงเวลาอันน่าหลงใหลนี้ตามการนำของผม 

เราเต้นรำกันอย่างสง่างาม หมุนวนและหมุนไปใต้ท้องฟ้าท่ามกลางแสงจันทร์ มันเป็นการเต้นรำที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้นของเรา ความสมดุลอันละเอียดอ่อนของความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ

ขณะที่เราเต้นรำกันอยู่ อากาศก็ระเบิดด้วยพลังเวทมนตร์ก่อนจะมีประกายไฟที่เต้นอยู่รอบตัวเรา ผมเสกภาพลวงตาของการต่อสู้ในตำนานขึ้นมา ทำให้เราดื่มด่ำกับเรื่องราวในอดีตของเธอในฐานะผู้กล้า โดยที่ในแต่ละฉากผมได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง, จิตวิญญาณอันแน่วแน่ของเธอและความสามารถของเธอในการเอาชนะศัตรู มันเป็นเรื่องราวที่อ่อนโยนและลึกลับที่อาจเป็นอนาคตระหว่างเรา

ดวงตาของเซลด้าเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและความชื่นชม เธอมีความสุขมากกับการได้เห็นพลังของตนเองในอดีต เพื่อเตือนใจถึงสิ่งที่เธอมีและอาจจะมีติดตัวผมได้ และในขณะนั้นเธอมองเห็นความเป็นคู่ครองในตัวผมที่ไม่เพียงแต่ชื่นชมอดีตของเธอ แต่ยังมองเห็นศักยภาพในอนาคตของเธอด้วย

เมื่อการเต้นรำสิ้นสุดลง เราก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ริมทะเลสาบอันเงียบสงบที่มีเงาสะท้อนของดวงจันทร์ส่องประกายอยู่บนผิวน้ำทำให้เกิดภาพอันน่าทึ่ง 

โดยไม่ลังเลผมจับมือของเซลด้าแล้วพาเธอขึ้นเรือลำเล็กเพื่อแล่นข้ามผืนน้ำอันเงียบสงบ

เรานั่งชมดวงดาวที่ส่องแสงลงมาที่เราภายใต้ร่มเงาแห่งหมู่ดาว 

“สวยจังเลยเนอะ?” 

ผมถามซึ่งเธอก็ตอบขณะชมดวงดาวอยู่

“นั่นสิ”

“ผมไม่ได้หมายถึงดาว…” 

ผมตอบ 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นและเห็นผมที่กำลังมองเธออยู่ เซลด้าก็หน้าแดงเล็กน้อย

‘น่าจะเริ่มขั้นที่ 2 ได้แล้ว’

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ประเพณีโบราณถือว่าผู้ชายที่สนใจผู้หญิงจะพยายามมอบโลกให้เธอ และทำให้เธอได้สมปรารถนาของตัวเองในขณะที่เขาจีบเธอ และสำหรับเซลด้าผู้น่าสงสาร เธอไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลยจนกระทั่งตอนนี้ การเตรียมการทั้งหมดของผมแสดงให้เห็นว่าผมนั้นได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเธอมามากแค่ไหน ตั้งแต่อาหารโปรดของเธอไปจนถึงความรักในแสงจันทร์

การป้องกันของเซลด้าถูกพังทลายและดวงตาของเธอก็อ่อนลง ในช่วงเวลาที่อ่อนแอนั้น เธอยอมให้ตัวเองถูกมองและได้รับการทะนุถนอม กำแพงรอบๆ หัวใจของเธอเริ่มพังทลายลงและถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นของความรัก

เมื่อค่ำคืนนี้ใกล้จะจบลงผมก็เดินพาเซลด้ากลับไปที่ที่พักของเธอ โดยใช้ตราของเซลด้า มันง่ายมากที่เราจะถูกเคลื่อนย้ายกลับไปยังบริเวณสภาสงคราม รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากทั้ง 2 ของเราขณะที่ผมเดินตามเธอเหมือนสุภาพบุรุษ

“เธอชอบไหม?” 

ผมถามขณะที่เราหยุดอยู่ครู่หนึ่ง 

เซลด้าแค่ยิ้มให้ผมขณะที่เธอโน้มตัวมาข้างหน้าและจูบแก้มผมเล็กน้อยในก่อนจะตอบกลับมา

“ชอบสิ”

เมื่อพูดจบ เธอก็หายไปจากสายตาของผม โดยทิ้งอุปกรณ์ติดต่อเธอไว้ในมือของผม

‘ถ้าเธอไม่ชอบฉันหลังจากทั้งหมดนี้ มันคงจะบ้ามาก’

ในขณะนั้นเองที่ผมรู้ว่าตัวเองได้ทิ้งรอยที่ไม่มีวันลบเลือนได้ไว้ในหัวใจของเธอแล้ว ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความรักที่จะเติบโตต่อไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมจะต้องดูแลต่อไป จากความเข้าใจของผม เธอเป็นเพียงสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ที่อ่อนโยนและปรารถนาความรัก และถึงผมจะเป็นคนเลวทรามแค่ไหน ผมก็จะไม่ทำร้ายเธอด้วยความรัก เธอจะได้รับการดูแลและเอาใจใส่ 

ด้วยความยินดีกับชัยชนะของการเดทที่ประสบความสำเร็จ หัวใจของผมก็เต็มไปด้วยความหวังสำหรับอนาคตขณะที่มุ่งหน้ากลับ

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต