ตอนที่ 431 ไม่อยากจากพ่อม้า
เดิมทีมู่เถาเยาอยากกลับบ้านกินอาหารกลางวัน ปรากฏว่าทดลองแล้วสองวันกลับพบว่าตัวเองมองโลกในแง่ดีไปหน่อย เพราะรถติดมากจริงๆ!
ให้พี่หยางเอาข้าวมาส่งสองวันก็ถึงสุดสัปดาห์พอดี
มู่เถาเยากับพ่อแม่ รวมถึงมู่หว่าน พี่หยาง กลับหมู่บ้านเถาหยวนด้วยกัน
เนื่องจากบรรดาคนสูงวัยยังอยู่ที่เมืองหลวง เจียงเฟิงเหมียนจึงไม่ได้ตามกลับไปด้วย
ตี้อู๋เสียใกล้คลอดแล้ว อวิ๋นสุ่ยเหยาเป็นญาติสนิทก็ย่อมต้องไปเยี่ยมบ่อย จึงไม่ได้ตามกลับหมู่บ้านเถาหยวนเช่นกัน
พวกผู้อาวุโสอยู่เมืองหลวงกันหมด มู่เถาเยาจึงพักบ้านตระกูลเย่ว์กับพ่อแม่
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอค้างบ้านตระกูลเย่ว์ในหมู่บ้านเถาหยวน
“ลูกพ่อ ลองนอนสักคืนดูก่อนนะ ถ้าเตียงนอนไม่สบายหรืออะไรก็แล้วแต่ พรุ่งนี้พ่อจะสั่งเปลี่ยนให้หมด”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ หนูได้หมด”
เย่ว์หลั่งลูบศีรษะของลูกสาว นัยน์ตายิ้ม “อืม”
จางเฟยยิ้มกว้าง “วางสัมภาระเสร็จพวกเราไปกินข้าวกลางวันกันก่อนนะ เดี๋ยวเสี่ยวเยาเยากับอาจารย์ลู่ยังต้องไปหาพวกเกาหม่าในป่าเซียนโหยวอีก”
พอรู้ว่ามู่เถาเยาจะเก็บสมุนไพรมาทำยากำลังภายในให้ตี้อู๋โยว ลู่จือฉินก็กลับมาก่อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
จางเฟยกับพวกลู่จือฉินเป็นคนมาทำความสะอาดบ้านให้ตระกูลเย่ว์
เป่ยซีจับมือจางเฟยมาพูดขอบคุณอย่างจริงใจ “เฟยเฟย ขอบใจมากนะ”
ไม่ใช่เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ที่มากกว่านั้นเป็นเพราะหลังจากลูกสาวแก้วตาดวงใจของเธอถูกหมอเทวดาหยวนเก็บกลับมาก็ได้กินนมของจางเฟยเหมือนเสี่ยวหว่านจนกระทั่งอายุแปดเดือนถึงหย่านม
นี่ถ้าเป็นสมัยโบราณก็เท่ากับเป็นแม่นมแล้ว
แม่นมก็มีคำว่าแม่ ควรค่าแก่การเคารพ
จางเฟยยิ้มกว้าง “พี่เสี่ยวซี พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ”
เธอมองเสี่ยวเยาเยาเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ คนในครอบครัวลูกสาวก็ย่อมเป็นคนในครอบครัวของเธอ
เดิมทีชาวหมู่บ้านเถาหยวนก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่
“อืม พวกเราไม่ต้องเกรงใจกัน ต่อไปจะไม่พูดแบบนี้อีก”
อยู่หมู่บ้านเถาหยวนมานาน เป่ยซีย่อมรู้จักนิสัยใจคอของผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาดี จึงไม่อยากพูดอะไรที่ดูห่างเหินแบบนี้อีก
“ต้องแบบนี้สิ”
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้มองไปทางเรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวน ยิ้มพูด “ลุงหยวนกับพวกลุงซย่าโหวไม่อยู่ในหมู่บ้าน พวกเราไม่ชินเลย”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “พวกอาจารย์อยากรอพี่อู๋เสียคลอด อยู่ไฟให้เสร็จก่อนถึงกลับค่ะ ลุงผู้ใหญ่บ้านคะ อาจิ้งเป็นยังไงบ้าง”
มู่จิ้งท้องตอนเดือนมิถุนายน ตอนนี้ได้สามเดือนแล้ว
“เสี่ยวเยาเยาวางใจได้ เฮ่าอวี๋ดูแลอาจิ้งดีมาก ตอนนี้ไม่อ้วกแล้วล่ะ”
ก่อนหน้านี้อาเจียนแพ้ท้องหนักมากจนส่งผลกระทบต่อการทำงาน
ไป๋เฮ่าอวี๋เป็นหมอย่อมรู้วิธีทำให้อาการเบาลง
“งั้นก็ดีค่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จหนูจะไปดูอาจิ้งหน่อย”
จางเฟยรีบพูดขึ้น “เสี่ยวเยาเยา หนูกับอาจารย์ลู่ไปหาพวกเสี่ยวเหยี่ยที่ป่าเซียนโหยวก่อนเถอะ เย็นกลับมาค่อยไปดูอาจิ้งก็ได้ เดี๋ยวจะมืดค่ำเกินไป”
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้ยิ้มพลางพยักหน้า “นั่นสิ เมื่อคืนตอนอาจารย์สามกลับมาก็แวะไปดูอาจิ้งแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร หนูไปหาพวกเสี่ยวเหยี่ยก่อนเถอะ ตอนเย็นกลับมากินข้าวที่บ้านนะ”
หลังจากมู่จิ้งกับไป๋เฮ่าอวี๋แต่งงานกันก็ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน
ประการแรกเป็นเพราะไป๋เฮ่าอวี๋เป็นคนเจียงตู ไม่มีบ้านในหมู่บ้านเถาหยวน
ประการสองเพราะบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้านใหญ่มาก มู่จิ้งทนเห็นสองคนแก่อยู่กันอย่างเหงาๆ ไม่ได้ จึงอาศัยอยู่ด้วยเหมือนเดิม
มู่เถาเยาครุ่นคิด ก็จริง เธอกลับมายังไงก็ต้องไปเยี่ยมอดีตผู้ใหญ่บ้านหน่อย ตอนเย็นไปกินข้าวด้วยกันก็พอดี ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ต้องเข้าไปเก็บสมุนไพรในเขตป่าชั้นในอีก ไม่มีเวลาเหลือแล้ว
“งั้นหนูกับอาจารย์สามจะรีบกลับมาค่ะ ทุกคนไปกินข้าวที่บ้านปู่ผู้ใหญ่บ้านกัน”
ทุกคนพยักหน้า
“เดี๋ยวกินข้าวกลางวันเสร็จ ลุงผู้ใหญ่บ้านช่วยโทรบอกพวกอาหยวนทีนะคะว่าตอนบ่ายหนูจะพาพวกเสี่ยวเหยี่ยกลับมา”
พวกคนงานที่ดูแลม้ากลับมาถึงหมู่บ้านเถาหยวนตั้งแต่เมื่อวานบ่าย
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้ยิ้มพลางพยักหน้า
กินอาหารกลางวันเสร็จอย่างมีความสุข พักครึ่งชั่วโมง จากนั้นมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็หยิบกล่องยา พกน้ำสองขวด สะพายเข่งแล้วเหาะไปป่าเซียนโหยว
สองศิษย์อาจารย์ตามหาอยู่สองชั่วโมงกว่าถึงเจอพวกเกาหม่า
ม้าทั้งห้าตัวดีใจมาก ล้อมทั้งสองคนไว้ตรงกลางแล้วร้องฮี้ไม่หยุด
มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ดีใจ
นอกจากเกาหม่า เสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเหยี่ย ไป๋เสวี่ยแล้วก็ยังมีหลิวซิงที่โตขึ้นมาก
ไม่ใช่แค่ร่างสูงใหญ่บึกบึน ยังมีบุคลิกที่สง่างามด้วย เหมือนเกาหม่าเข้าไปทุกที
ลูกม้าหลิวซิงโตเร็ว ขายาวใหญ่ทั้งสี่เหมือนเกาหม่ามาก
มู่เถาเยาไล่ลูบหัวทีละตัว ดวงตาลูกกวางน้อยโค้งมน “เกาหม่า ฉันเตรียมพาเสี่ยวเหยี่ยไปเมืองหลวง ถ้านายไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่นะ”
เห็นพวกมันมีความสุขแบบนี้ มู่เถาเยาก็ไม่อยากพาพวกมันไปเมืองหลวงที่มีสภาพแวดล้อมและพื้นที่สู้ป่าเซียนโหยวไม่ได้เลย
เธอต้องการขี่เสี่ยวเหยี่ยลงแข่งขัน ถึงจำเป็นต้องพามันไป
หลิวซิงเอาหัวซุกไซ้มู่เถาเยา
มู่เถาเยาลูบหัวมัน “หลิวซิง อยากตามพี่ชายไปเมืองหลวงด้วยเหรอ ก็ได้ พวกเราไปประมาณเดือนนึงก่อน รอเริ่มฝึกจริงจังค่อยพาพี่ชายนายไปอยู่เมืองหลวงสักเดือนสองเดือนหรือสองสามเดือน”
ถ้าพวกมันไม่อยากแยกจากกันจะพาไปด้วยกันก็ได้
พวกโค้ชเถียนคงดีใจมากที่ได้เห็นม้าพวกนี้
เกาหม่ามองเขตป่าชั้นในด้วยความอาลัยอาวรณ์
มู่เถาเยารู้ความคิดของมัน “เกาหม่า ประมาณเดือนนึงพวกเราก็กลับมาแล้ว ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ใช้โอกาสนี้กลับไปดูฝูงม้าในเขตป่าชั้นในด้วย”
เกาหม่ามองไปทางเขตป่าชั้นในแล้วหันกลับมาสื่อสารกับเสี่ยวเซวี่ยไม่กี่นาทีก็มองมู่เถาเยา
มู่เถาเยาตบหัวของมันเบาๆ สองที “ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกมันออกไป อีกหนึ่งเดือนพากลับมา ไว้ถึงตอนนั้นจะไปหานายที่เขตป่าชั้นใน”
เกาหม่ามองพวกม้าที่อยู่ตรงนั้นสักพักแล้วถอยหลัง หันตัว หลายนาทีต่อมาถึงเริ่มวิ่งเข้าเขตป่าชั้นใน
หลิวซิงน้อย เสี่ยวเหยี่ย และไป๋เสวี่ยต่างร้องฮี้วิ่งตาม เสี่ยวเซวี่ยเลยต้องตะโกนไล่หลัง
สักพักพวกมันถึงหยุดลง
นับตั้งแต่หลิวซิงน้อยเกิดก็ไม่เคยแยกจากพ่อ ตอนนี้มันจึงเสียใจมาก น้ำตาไหลริน
อารมณ์ของเสี่ยวเหยี่ยกับไป๋เสวี่ยก็เริ่มดิ่ง
เสี่ยวเซวี่ยเป็นแม่ย่อมต้องปลอบลูกๆ
มู่เถาเยาก็โอบคอหลิวซิงน้อยเพื่อปลอบมัน
ลู่จือฉินลูบหัวเสี่ยวเหยี่ยกับไป๋เสวี่ย ม้าทั้งสองตัวที่ปกติร่าเริงเป็นพิเศษ เวลานี้กลับซึมลงถนัดตา
“เสี่ยวเยาเยา ไม่อย่างนั้นอาจารย์ไปตัดเถาวัลย์ตี้หวังกลับมาปลอบใจพวกมันดีไหม”
“อาจารย์คะ พรุ่งนี้พวกเราพาพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานมาช่วยตัดด้วยแล้วค่อยเก็บสมุนไพรจากตรงนั้นกลับ นี่ก็เย็นมากแล้ว กว่าจะกลับถึงหมู่บ้านดวงอาทิตย์ก็ใกล้ตกแล้วค่ะ”
“ก็ได้ งั้นพวกเรากลับกันเลย”
“ค่ะ เสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเหยี่ย ไป๋เสวี่ย หลิวซิง ไม่ดื้อนะ พวกเรากลับบ้านกัน”
ลู่จือฉินเดินนำ เสี่ยวเซวี่ยมองพวกเด็กๆ จากนั้นก็เดินตามเป็นตัวแรก ตามมาด้วยเสี่ยวเหยี่ยกับไป๋เสวี่ยเดินด้วยกัน หลิวซิงน้อยกับมู่เถาเยาอยู่หลังสุด
ลูกม้าน้อยวิ่งตามแม่ พี่ชาย พี่สาว ระหว่างนั้นก็หันกลับไปมองพ่อที่หายไปนานแล้ว น้ำตาไหลไม่หยุด
ท่าทางเสียอกเสียใจมาก มู่เถาเยาเห็นแล้วก็ปวดใจ