บทที่ 356 เหยาซูกลับมา

บทที่ 356 เหยาซูกลับมา

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหยาเฉาก็ส่งเอ้อหลางไปเล่นกับญาติผู้พี่ แล้วอาศัยจังหวะนี้บอกเรื่องของเสี่ยวเว่ยกับภรรยา

ใบหน้าของสะใภ้รองเหยาแสดงสีหน้าประหลาดใจ “มาตั้งแต่เมื่อคืน? แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้?”

เหยาเฉาเองก็จนปัญญา “เจ้าหลับลึกจะตายไป ไฉนจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเล่า?”

เขาเองก็ไม่อยากปิดบังภรรยา แต่จะให้บอกความจริงกับผู้อื่นก็คงไม่ดี จึงได้แต่พูดอย่างคลุมเครือ “เสี่ยวเว่ยช่วยข้าปฏิบัติภารกิจ เมื่อคืนดันเจอกับสถานการณ์บางอย่าง จึงต้องมาค้างคืน ตอนนี้เขาบาดเจ็บ เจ้ารู้แล้วก็อย่าเอ่ยอะไรออกไป”

สะใภ้รองเหยาได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ไม่ถามให้มากความอีก

นางแค่ทอดถอนใจ “เขาเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปีเอง วัยก็น่าจะเท่ากับอวี๋จือ เหตุใดถึงตัดใจให้เขาไปตีรันฟันแทงตลอดทั้งวันเพียงลำพัง? จะให้ข้าพูดเรื่องของพวกเจ้า ควรหาคนอื่นไปทำแทน…”

เหยาเฉาพยักหน้า แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินพูดถูก”

เขาเองก็คิดเช่นนี้จริง ๆ ครั้งนี้เสี่ยวเว่ยกลับมา จะให้เขาพักอยู่ในตระกูลเหยา ต่อไปจะได้เห็นเขาอยู่ในสายตา หลีกเลี่ยงอันตรายได้

ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเว่ยจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้เขา

แต่เรื่องเหล่านี้ค่อยหารือกันวันหลัง ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำคืออยากหาทางให้เด็กหนุ่มอยู่ในบ้านตระกูลเหยา ไม่ต้องตะลอนไปทั่วอย่างไร้ร่องรอยทั้งวันอีก

เขาพูดกับผู้เป็นภรรยา “ก่อนหน้านั้นข้าเคยเสนอเรื่องนี้กับท่านพ่อและท่านแม่แล้ว ให้ยอมรับเสี่ยวเว่ยในฐานะลูกบุญธรรม อาวุโสทั้งสองท่านไม่เคยแสดงความเห็น แต่เรื่องนี้ เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กตรงไปตรงมา บางครั้งภายนอกก็มักจะเคยชินกับการปากแข็ง แต่ในใจกลับอ่อนไหวมาก ต่อไปเจ้าก็ช่วยข้าดูแลเขาหน่อย พยายามพูดถึงเขาในแง่ดีต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่มาก ๆ”

สะใภ้รองเหยายิ้ม “ข้ารู้ อีกอย่างท่านวางใจเถอะ ท่านพ่อและท่านแม่รู้สึกดีกับเขามาก อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เห็นเขาเป็นเด็กพละกำลังน้อยเช่นนี้ แต่เรื่องแบกท่านลงมาจากภูเขาเฮยหู่และช่วยชีวิตท่านไว้ ตระกูลเราก็ซาบซึ้งใจกับเขามากแล้ว”

เหยาเฉาพยักหน้า “นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงอยากให้เขาอยู่ข้างกาย นิสัยใจคอของเสี่ยวเว่ยไม่เลวร้าย แต่ขาดการอบรมสั่งสอน ถ้าอยู่ในบ้านนานวันเข้า จะเป็นผลดีต่อเขาในวันข้างหน้า”

ครั้งแรกที่เจอเด็กหนุ่มถูกกักขังอยู่ในภูเขาเฮยหู่ เหยาเฉายังพอมีความเห็นอกเห็นใจบ้าง จึงช่วยเขาออกมา

แต่จิตใจของเสี่ยวเว่ยยังไม่เข้มแข็งมากพอ จึงมักทำตามใจตัวเอง ตอนนี้สถานการณ์ในราชสำนักยังไม่มั่นคง เหยาเฉากลัวว่าถ้าไม่จับตาดูให้ดี เด็กหนุ่มเกิดพลาดพลั้ง จะมาเสียใจภายหลังคงไม่ทันเสียแล้ว

เมื่อสะใภ้รองเหยาเห็นเขากำชับเธอหลายอย่าง จึงรู้ว่าเหยาเฉาให้ความใส่ใจกับเด็กคนนี้มาก นางทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านวางใจเถอะ ข้าเห็นเขาเป็นลูกชายคนที่สอง และจะจับตาดูเขาทุกวัน ไม่พอใจอีกหรือ?”

เหยาเฉายิ้ม โอบเอวภรรยาพร้อมกับกระซิบข้างหูของนาง “อาเวย ลำบากเจ้าแล้ว ผ่านสองสามวันนี้ไป สถานการณ์ในราชสำนักก็คงจะสงบลง ข้าจะมาชดเชยให้เจ้า ดีหรือไม่?”

ชายหนุ่มมีความสูงสง่า ทั้งยังมีหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ ยามที่ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองผู้อื่นอย่างตั้งใจ แม้แต่อาเวยที่เป็นภรรยาอยู่กินกับเขามานานหลายปี ก็ยังไม่อาจละสายตาไปได้ชั่วขณะ

ใบหน้าของสะใภ้รองเหยาเผยรอยยิ้ม แล้วยื่นมือออกไปกอดเขา ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านและข้าเป็นสามีภรรยากัน ยังจะพูดเรื่องเหล่านี้อีกหรือ? ทุกคนในบ้านรู้ดี ตอนนี้ท่านและอาเหรากำลังปฏิบัติภารกิจให้กับเบื้องสูง จะต้องระมัดระวังในทุกฝีก้าว ทุกคนต่างเข้าใจกันดี”

เหยาเฉาพรมจูบเรือนผมของภรรยา โดยไม่พูดสิ่งใดอีก

สองสามีภรรยายังพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง เหยาเฉากล่าวว่า “ตอนนี้ ท่านพ่อและท่านแม่คงจะตื่นกันแล้ว ข้าไปบอกเรื่องเสี่ยวเว่ยกับพวกเขาก่อนดีกว่า”

สะใภ้รองเหยาพยักหน้า “เดี๋ยวข้าบอกพี่สะใภ้ใหญ่เอง ถือโอกาสนี้เตรียมอาหารในครัวด้วยเลย เสี่ยวเว่ยกลับมาดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เช้านี้น่าจะนอนหลับยาวเลยกระมัง?”

เหยาเฉาซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของนาง จึงพยักหน้าและพูดว่า “ให้เขาตื่นเองเถอะ”

สองสามีภรรยาแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่นานพ่อเหยาและแม่เฒ่าเหยาก็ยอมรับการมาอยู่ของเสี่ยวเว่ย พี่สะใภ้ใหญ่เองก็ไม่ได้ทัดทานอะไร

ตกค่ำ เหยาเฉาพาเสี่ยวเว่ยมาพบกับทุกคนในครอบครัวอย่างเป็นทางการ การให้เขาอยู่ในบ้านถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว…

หลายวันหลังจากนั้นเด็กหนุ่มถูกเหยาเฉาให้พักรักษาตลอด ห้ามออกไปข้างนอก โชคดีที่อย่างน้อยในบ้านก็มีเหยาต้าหลาง เหยาเอ้อหลางสองพี่น้อง แล้วก็อาซือ ซานเป่ามาเล่นด้วย

เขาเคยชินกับความป่าเถื่อนตั้งแต่เด็ก และยังมีความคิดที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ไม่น้อย ไม่นานก็กลายเป็นเด็กหัวโจก

เหยาเอ้อหลางรู้ว่าเสี่ยวเว่ยมีศิลปะการต่อสู้ที่ดี อาเว่ยที่เหมือนกับเพื่อนเล่นคนนี้ยังอยู่ในรายชื่อของคนที่เขาศรัทธาเคารพอีกด้วย แค่รอให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้น เขาจะตามเสี่ยวเว่ยไปเรียนการต่อสู้ด้วย

เช่นนี้ ต่อให้พ่อเฒ่าเหยาและแม่เฒ่าเหยายังไม่รับเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ แต่เสี่ยวเว่ยเป็นคนที่ทั้งตระกูลเหยายอมรับ ตนจึงมีความสุขที่ได้อยู่ในครอบครัวนี้

ผ่านไปครึ่งเดือน เป็นช่วงเวลาที่สองพี่น้องอย่างเหยาเฟิงและเหยาซูจะกลับมา

เมื่อสองสามวันก่อนเหยาซูได้เขียนจดหมายมาถึงที่บ้าน หลินเหราจึงย้ายออกมาจากในวัง

หลังเสร็จสิ้นหน้าที่ เขามักจะกลับบ้านก่อนเสมอ หลังกินข้าวเสร็จก็จะไปเดินเล่นที่ประตูเมืองสักรอบ พูดอย่างสวยหรูว่าเดินย่อย ทุกคนในบ้านต่างรู้ว่าความจริงแล้วเขาคิดถึงเหยาซู

ในวันที่สอง มีอาจื้อและอาซือเข้าร่วมกิจกรรมเดินย่อยหลังมื้ออาหารกับเขาด้วย

หลังจากที่สามพ่อลูกออกไป แม่เฒ่าเหยาก็อุ้มหลานชายอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่ซานเป่ายังเด็ก ไม่รู้จักการร้องหาผู้เป็นแม่ ไม่อย่างนั้นอาเหราจะต้องอุ้มเจ้า แถมยังมีเด็กน้อยข้างกายอีกสองคน ไปประตูเมืองทั้งวัน อะไรนักหนาก็ไม่รู้!”

พี่สะใภ้ใหญ่เหยาได้แต่อมยิ้มอยู่ข้างกาย

ต้าหลางไม่ได้ไปเล่นกับเอ้อหลาง แต่เลือกจะอยู่คุยเป็นเพื่อนอาวุโสหลังมื้ออาหาร ได้ยินผู้เป็นย่ากล่าวเช่นนี้ ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ท่านอาไม่ค่อยออกจากบ้าน ดังนั้นน้องชายน้องสาวและท่านอาเขยจึงคิดถึงนาง”

แม่เฒ่าเหยายิ้มตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวลงมาถามหลานชายคนโตของตน “ต้าหลางไม่คิดถึงพ่อเจ้าบ้างหรือ?”

เหยาต้าหลางมองมารดาแวบหนึ่ง จากนั้นก็โยนคำถามนี้ไปให้กับสะใภ้ใหญ่อย่างชาญฉลาด “ท่านแม่คิดถึงท่านพ่อหรือไม่ขอรับ?”

สะใภ้ใหญ่เหยาดีดหน้าผากของเจ้าลูกชายเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ท่านย่าถามเจ้า ไยเจ้าย้อนถามข้า!”

ระหว่างนั้นทุกคนพากันหัวเราะยกใหญ่

เมื่อหลินเหราพาเด็กทั้งสองคนเดินวนรอบประตูเมืองหนึ่งรอบ และกลับมาถึงบ้าน ท้องฟ้ากลับยังไม่ค่ำมากนัก สองพี่น้องเหยาซูยังไม่กลับมา

ทุกคนต่างคิดในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็จะรอจนถึงวันถัดไป

คาดไม่ถึงว่าแม่เฒ่าเหยาเพิ่งจะพูดคุยกับหลินเหราได้เพียงสองประโยค ก็มีคนรับใช้มาบอกว่า “คุณชายใหญ่และคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ! รถม้าจอดอยู่ข้างนอก และยังลากรถบรรทุกสินค้ากลับมาอีกสองคันด้วยขอรับ!”

อาจื้อและอาซือต่างสบตากัน แล้ววิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้นทันใด ส่วนเหยาต้าหลางวิ่งตามไปติด ๆ

ใบหน้าของหลินเหราไม่ค่อยจะแสดงความรู้สึกที่สบายใจเช่นนี้ สีหน้าเรียบเฉยจนเคยชินดูอ่อนโยนลงไม่น้อย ก่อนจะหันไปมองแม่เฒ่าเหยาแวบหนึ่ง

หญิงชรารู้ว่าในใจเขาร้อนรนมาก แต่ไม่ได้เปิดเผย ได้แต่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “อาเหราออกไปรับเถอะ”

หลินเหราพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป

แม่เฒ่าเหยาเห็นแผ่นหลังของลูกเขย กระทั่งเห็นความตื่นเต้นที่แสดงออกมาจากฝีเท้าคู่นั้น จึงอดยิ้มกับสะใภ้ทั้งสองคนไม่ได้ “เจ้าว่าศัตรูคู่แค้นคู่นี้ ยามที่แต่งงานกัน ได้สร้างความอึดอัดใจให้กันไม่น้อย ใครจะไปคิดเล่าว่า บัดนี้ทั้งสองคนจะเข้ากันได้ดีเช่นนี้?”

สะใภ้ใหญ่เหยาเองก็ถวิลหาสามีของตน จึงลุกขึ้นตามแม่เฒ่าเหยาออกไปข้างนอก

สะใภ้รองเหยายืนอยู่หัวเราะอยู่ข้าง ๆ แล้วตอบรับ “ก็ไม่เชิงเจ้าค่ะ พวกเขาสองคน ถือว่ามีโชคชะตาร่วมกัน”

แม่เฒ่าเหยาอุ้มซานเป่า ใบหน้าพลันเผยรอยยิ้มออกมา “ไปกันเถอะ ซานเป่า เราไปรับแม่และลุงของเจ้ากันเถอะ!”

……………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มีเสี่ยวเว่ยอยู่ในบ้าน บรรยากาศจะต้องครึกครื้นแน่เลยค่ะ โดยเฉพาะกับเอ้อหลางนี่น่าจะติดตามไปเล่นทุกวัน

อาซูกลับมาหนนี้ได้อะไรมาบ้างนะ

ไหหม่า(海馬)