บทที่ 387 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 387 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
บทที่ 387 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

“นายน้อย นายน้อย นายท่านเชิญหมอเทวะจี้มาแล้ว!” เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเฉิงโซวผิงดังผ่านประตูเข้ามา

“ข้าจะเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกซักพัก และน่าจะเป็นเวลานานก่อนที่ข้าจะตื่นขึ้นอีกครั้ง พิษ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ ได้ส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณของข้าไม่น้อย ดังนั้นข้าต้องพยายามขจัดผลกระทบของมันออกไป” ดวงตาที่สวยงามของหมี่ลี่จ้องมองลึกเข้ามาในตัวเขา “จำไว้ว่าถ้าเจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่ง เจ้าไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นได้ตลอดไป ในท้ายที่สุด เจ้าต้องรู้จักเผชิญความท้าทายและอันตรายทั้งหมดเพียงลำพัง”

“แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่?” ซูอันเริ่มเยาะเย้ยนางภายในใจ ถ้าท่านกังวลเรื่องพิษมากขนาดนี้ ทำไมยังเสียเวลากับการดูข้าประกอบกิจกับเสวี่ยเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ล่ะ? อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาไม่สามารถพบนางได้อีกเป็นเวลานาน ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา

“พูดยาก อาจจะสักสองสามเดือน หรือบางทีก็หลายปี” หมี่ลี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าต้องดูแลตัวเองในระหว่างนี้ อย่าหาเรื่องใส่ตัว ทักษะการเคลื่อนไหวที่ข้าสอนเจ้าก็น่าจะมากเกินพอในการปกป้องตัวเอง”

“ฮ่า ๆๆ ข้าดูเหมือนคนที่จะหาเรื่องใส่ตัวงั้นเหรอ?” ซูอันตบหน้าอกของตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนาง

หมี่ลี่กะพริบตาปริบ ๆ

ทำไมนางถึงรู้สึกว่าคำพูดของเด็กคนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย?

หมี่ลี่สูดอากาศเบา ๆ “ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูดของตัวเอง มิฉะนั้นมันจะเป็นศพเดียวแต่สองชีวิต”

จากนั้นก็เกิดประกายแสงระยิบระยับ และเงาร่างของนางได้หายเข้าไปในกระบี่ไท่เอ๋อร์

“นายน้อย นายน้อย!” เฉิงโซวผิงเคาะประตูห้องดังขึ้นและถี่กระชั้นมากกว่าเดิม

ซูอันหยิบกระบี่ไท่เอ๋อร์วางไว้บนเตียงก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ซึ่งในทันทีที่ประตูเปิดออก เฉิงโซวผิงก็พุ่งเข้าหาพยายามโผเข้ากอดเขาทันที

ซูอันคว้าผมทรงซาลาเปาทั้งสองข้างเอาไว้แน่นและเตือนเสียงเข้ม “อย่ามาแตะต้องตัวข้า!”

“อะไรกัน…” เฉิงโชวผิงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด “นายน้อย ท่านรังเกียจข้าแล้วเหรอ?”

ซูอันระงับความอยากตบกระโหลกของเฉิงโซวผิงลง

“เจ้าควรหยุดใช้คำแปลก ๆ พวกนี้กับข้า ข้าขนลุก! ข้าผู้นี้คือชายแท้ทั้งแท่ง!” การแสดงออกของซูอันดูรังเกียจอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าไม่ได้พอใจอะไรในร่างกายของข้าใช่ไหม?”

เฉิงโซวผิงหัวเราะคิกคักและพูดว่า “น่าเสียดายที่ข้าคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่งั้นข้าจะคอยอยู่เป็นเพื่อนปรนนิบัตินายน้อยทุกคืน”

ซูอันเพิกเฉยต่อคำประจบประแจงของอีกฝ่าย “เจ้ามาโวยวายทำไมแต่เช้า? หมอเทวะจี้จะมาหรือจะไป มันเกี่ยวกับข้ายังไง?

เฉิงโซวผิงลดเสียงของเขาลงแล้วพูดว่า “นายน้อย ท่านไม่อยากไปเยี่ยมคุณหนูเพื่อแสดงความห่วงใยเหรอ? ยังไงซะ คุณหนูใหญ่ก็เป็นลูกที่นายหญิงรักที่สุด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้านายน้อยเล่นบทสามีผู้ห่วงใยได้ดี หากคุณหนูใหญ่สิ้นชีพ นายท่านและนายหญิงอาจจับคู่ให้ท่านกับคุณหนูรองแทนก็ได้!”

ซูอันถอนหายใจ “ตระกูลฉู่ ได้รับพรอย่างแท้จริงที่มีคนรับใช้เช่นเจ้า!”

“นายน้อยชมข้าเกินไปแล้ว ท่านเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ” เฉิงโซวผิงเชิดคอด้วยสีหน้ามีความสุข

ซูอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าจะไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆเกิดขึ้นกับภรรยาของเขานับจากนี้ ตราบใดที่ฉู่ชูเหยียนเข้ารับการบำบัดด้วยการฝังเข็มกับเขาทุกวัน ซึ่งฉินหว่านหรูไม่ได้รู้ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้

แต่ด้วยฉินหว่านหรูไม่ได้พึงพอใจในตัวเขานัก ชายหนุ่มก็รู้ว่าถ้าไม่ไปเยี่ยมภรรยาตัวเองตอนนี้มันคงจะกลายเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตัวเองจะถูกแม่ยายตวาดจนหูอื้ออีกรอบ

ซูอันมาถึงนอกเรือนของฉู่ชูเหยียน เนื่องมาจากกความวุ่นวายในคืนก่อน การรักษาความปลอดภัยระหว่างทางจึงเข้มงวดขึ้นมาก

แต่พอไปถึงตัวเรือนของฉู่ชูเหยียน การคุ้มกันกลับเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันทำให้พอเดาได้ว่าฉินหว่านหรูไม่ต้องการให้ข่าวการเจ็บป่วยของฉู่ชูเหยียนรั่วไหลออกไป…

มีคนสองคนรออยู่ที่ทางเข้า หนึ่งในนั้นมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนผู้นี้มักหมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่างจนอดหลับอดนอน และอีกคนหนึ่งนั้นสง่างามและประณีตแต่ดูเข้มแข็ง สองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เทียนเซิงและฉู่เยว่พั่ว จากตระกูลสายรองและสายที่สามของตระกูลฉู่ตามลำดับ

“ข้าขอแสดงความเคารพต่อท่านอาที่สองและสาม” ซูอันประสานมือทักทายอย่างเป็นทางการ แม้ว่าเมื่อตอนก่อนหน้านี้ที่ห้องโถงบรรพบุรุษ สองคนนี้เคยพยายามเหยียบย่ำในขณะที่เขาล้มลง แต่ชายหนุ่มก็ยังจำเป็นต้องรักษามารยาท

ฉู่เทียนเซิงยอมรับการทักทายของเขาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ในทางตรงกันข้าม ฉู่เยว่พั่วนั้นดูจริงใจกว่ามาก ใบหน้าอ้วนของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ซูน้อยนี่…”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูอันก็ขัดจังหวะ “โปรดเรียกข้าว่า อาซู…”

“แค่ก ๆ” ฉู่เยว่พั่วอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว “อาซู เกิดอะไรขึ้นกับชูเหยียนกันแน่? เหตุใดจึงจำเป็นต้องเชิญหมอเทวะจี้มาอย่างเร่งด่วนแบบนี้”

หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ เขาไม่คิดว่าฉินหว่านหรูต้องการจะซ่อนความจริงจากญาติทั้งสองคน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้โง่พอที่จะเปิดเผย “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

“เจ้าไม่รู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันเหรอ? เจ้าทั้งคู่เพิ่งออกมาจากมิติลับมาด้วยกันไม่นาน อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะรู้อะไรบ้างจริงไหม?” ฉู่เยว่พั่วดึงเขาไปด้านหนึ่ง แม้แต่ฉู่เทียนเซิงก็เอียงหูของตัวเองเพื่อแอบฟังเช่นกัน

ก่อนที่ซูอันจะมีเวลาตอบ จู่ ๆ ก็มีเสียงอ่อนโยนเรียกเขาจากที่ไม่ไกลนักดังขึ้น “อาซู เจ้ามาถึงแล้ว! รีบเข้าไปข้างในเถอะ”

ทั้งสามคนหันไปทางต้นเสียงและเห็นผู้หญิงที่สง่างามคนหนึ่งเดินออกจากมาจากห้อง จะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก ฉินหว่านหรู?

“ข้าขอแสดงความเคารพ ท่านแม่ยาย” ซูอันรู้สึกตื้นตันเล็กน้อยกับน้ำเสียงของนางที่อ่อนโยนต่อเขา นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉินหว่านหรู ปฏิบัติต่อเขาดีแบบนี้

ดวงตาของฉู่เทียนเซิงกลิ้งกลอกอย่างหื่นกระหาย ขณะที่เขามองเห็นรูปร่างที่อวบอัดของฉินหว่านหรู แต่ก็ปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหานางด้วยท่าทีสบาย ๆ แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเราเข้าไปไม่ได้?”

“ใช่” ฉู่เยว่พั่วย้ำ “เราได้รับข่าวว่าชูเหยียนล้มป่วย เราจึงรีบมาดู แต่ทหารยามที่อยู่นอกประตูไม่ยอมให้เราเข้าไป”

ฉินหว่านหรูยิ้มจาง ๆ “ข้าเป็นคนสั่งไม่ให้ใครเข้าไปข้างใน ชูเหยียนกำลังประสบกับความเจ็บป่วยในแบบผู้หญิง ไม่สมควรให้คนอื่นมาเยี่ยมนาง”

ด้วยเหตุผลนี้มันย่อมหยุดพวกเขาไม่ให้พยายามเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นฉู่เยว่พั่วและฉู่เทียนเซิงจึงนำเห็ดสมุนไพรโบราณออกมาและมอบให้นาง “เราสองคนไม่สามารถช่วยเหลือเป็นการส่วนตัวได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือมอบสิ่งนี้เพื่อบำรุงให้ชูเหยียนฟื้นตัวโดยเร็ว”

ฉินหว่านหรูโค้งเล็กน้อยและมองซูอันด้วยประกายตาเฉียบคม “ขอบคุณพวกท่านทั้งสองมาก อาซู ทำไมเจ้าไม่รับมาล่ะ?”

ซูอันรีบรับของบำรุงและขอบคุณพวกเขา

“ข้าคงต้องขอให้พวกท่านกลับกันไปก่อน ชูเหยียนไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง อีกอย่าง ตอนนี้เรามีหมอเทวะจี้อยู่ด้วย ไม่จำเป็นต้องห่วงนางแล้ว” รูปลักษณ์ที่สง่างามและน้ำเสียงอันอ่อนโยนของ ฉินหว่านหรู ช่วยปลอบประโลมจิตใจของพวกเขา ราวกับว่าถูกลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน

ซูอันเย้ยหยันในใจ ทำไมท่านมักจะแสดงให้ข้าเห็นด้านที่ต่างไปจากตอนนี้อย่างสุดขั้วตลอดเลย?

หลังจากส่งพวกเขาทั้งสองออกไปแล้ว ฉินหว่านหรูก็พาซูอันเข้าไปในห้อง

ซูอันเดินตามนางไป ชื่นชมรูปร่างที่อ้อนแอ้นของนาง เขาคิดว่าจะให้ฉู่ชูเหยียนกินมากขึ้นอีกนิด เพื่อที่นางจะได้พัฒนาเสน่ห์ของผู้หญิงแบบนี้

ทันใดนั้น ซูอันก็ได้ยินเสียงเย็นชาของฉินหว่านหรูข้าง ๆ หูของตัวเอง “เมื่อกี้เจ้าไม่ได้พูดอะไรที่ไม่จำเป็นกับพวกเขาใช่ไหม?”