บทที่ 319 สั่งสอนอนุจองหอง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 319 สั่งสอนอนุจองหอง

ด้านนอกวัดชิงหยุนที่กว้างใหญ่ หยุนถิงประกาศบอกคนที่เหลืออยู่ คนที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบต่างจากไปกันหมดแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ยอมแพ้เหลืออยู่อ้อนวอนหยุนถิง แต่ก็โดนหยุนถิงปฏิเสธทั้งหมด

“โอกาสให้กับพวกเจ้าแล้ว เวลาสามวันคนอื่นทำได้ แต่พวกเจ้าไม่ได้ เพียงพอที่จะบอกว่า ความสามารถพวกเจ้าสู้คนอื่นไม่ได้ และคนอย่างข้าไม่เลี้ยงคนไว้ให้เสียข้าวสุก ขอโทษทุกท่านด้วย” หยุนถิงปฏิเสธอย่างเย็นชา

ถึงคนพวกนั้นจะแค้นใจ แต่ก็รู้ว่าความสามารถของตนไม่ผ่าน เลยได้แต่จากไปโดยดี

วัดชิงหยุนที่เดิมแออัดคืนนั้นก็มีคนจากไปเยอะมาก เรื่องสนุกดูจบแล้ว ผลก็ออกมาแล้ว ทุกคนเลยจากไปกลางดึกเลย จะให้อยู่โดนหยุนถิงตอกหน้าต่อรึ

ถึงพวกเจ้าอาวาสจะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แต่ก็ดีใจยิ่งนัก พอทุกคนจากไป เจ้าอาวาสก็ให้คนทำตามวิธีที่หยุนถิงบอกทันที วิธีดีเช่นนี้ต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้น่ะ

หยุนถิงสอบถามทั้งสิบกว่าคนที่เหลืออยู่ด้วยตัวเอง พอรู้สภาพของทุกคนโดยประมาณ จากนั้นให้องครักษ์จัดหาที่พักให้พวกเขา พรุ่งนี้ค่อยกลับไปด้วยกัน

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองคนก็ออกไปเดินเล่นด้วยกัน

“ซื่อจื่อ วันนี้ข้าดีใจมากเลย ได้ลูกน้องมือดีมาอีกสิบกว่าคน” หยุนถิงจับมือเขา

“อืม เจ้าคู่ควรพอให้พวกเขาติดตาม” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่

วันนี้พอได้ฟังคำพูดหยุนถิงแล้ว จวินหย่วนโยวก็ตกตะลึงเช่นกัน หยุนถิงมีพรสวรรค์ในการค้าขายหาเงินจริงๆ ด้านนี้เขาเองยังสู้นางไม่ได้เลย

“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน” หยุนถิงยิ้มย่อง

ทั้งสองคนจูงมือกันอย่างนี้ คุยล้อเล่นกัน เดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ ทั้งสนิทสนมและเป็นธรรมชาติ

ด้านหน้าห่างไปไม่ไกล มีเสียงเสียดหูลอยมา

“หวางเฟย ต่อให้ท่านจุดธูปไหว้พระไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องลูกมิใช่จะขอพระมาได้ ไม่ใช่ข้าว่าท่านนะ บัดนี้ท่านหนังแก่หย่อนยานเหมือนกับยายแก่อัปลักษณ์ อย่าว่าแต่นายท่านเลย ข้าเองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวเช่นกัน

ต่อให้ท่านแต่งองค์ทรงเครื่องเท่าใดก็เปล่าประโยชน์ ความอ่อนวัยมิใช่ว่าอาศัยการแต่งกายได้ นายท่านรักข้า โดยเฉพาะชอบกอดข้าหลับใหลยามค่ำคืน นายท่านบอกว่ากอดข้าแล้วสบายยิ่งนัก เหมือนกอดปุยนุ่น” สตรีชุดชมพูคนหนึ่งพูดจาเสียดสีเยาะหยัน

สตรีรูปร่างท้วมคนหนึ่งด้านข้างโกรธจนใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทา “หุบปาก คำพูดบัดสีบัดเถลิงเช่นนี้เจ้ายังกล้าพูดได้”

“มีอะไรพูดไม่ได้กัน นายท่านชอบร่างกายของข้า โดยเฉพาะเอวข้า นายท่านบอกว่าเอวข้าอ่อนนัก หวางเฟยข้าจะเตือนท่านให้รีบเห็นด้วยกับการหย่าร้าง และปล่อยตำแหน่งหวางเฟยให้ว่างลงซะ ยายแก่อัปลักษณ์ที่ไม่อาจมีลูกได้คนหนึ่งคู่ควรเป็นหวางเฟยรึ เอาหน้ามาจากไหนกัน!” สตรีชุดชมพูบอกอย่างเยาะหยัน

หลู่หวางเฟยโกรธแทบตาย เกือบจะกลั้นใจตายไปในทันที โชคดีที่มามาข้างกายพยุงนางไว้ “หวางเฟย เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

“ข้ามิเป็นไร ซูมามาไล่นางไป ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง” หลู่หวางเฟยพูดอย่างโกรธจัด

“หึ ข้าก็ไม่อยากเห็นยายแก่อัปลักษณ์อย่างท่านเหมือนกัน นายท่านรับปากข้าว่าจะหย่าร้างกับท่านแล้ว หลายปีมานี้ท่านมิมีบุตรหรือธิดาเลย มันเป็นกรรมที่ท่านก่อเอง!” สตรีชุดชมพูเชิดหน้าจองหอง

“เพี๊ยะเพี๊ยะ!” เสียงตบหน้าฉาดใหญ่สองฉาดดังขึ้น

“อ๊า! หน้าของข้า น่าตายนัก ใครกล้าตบข้า?” สตรีชุดชมพูมือกุมหน้า ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ถลึงตามองมาอย่างเดือดดาล

“ข้าตบเอง แค่อนุคนเดียวกล้าลบหลู่หวางเฟยเยี่ยงนี้ ลบหลู่เบื้องสูงเช่นนี้ ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนหวางเฟยเรือนเจ้าเอง!” หยุนถิงบอกอย่างไม่แยแส

หยุนถิงเดิมไม่อยากยุ่ง แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธจัด แค่อนุคนหนึ่งกล้าเย่อหยิ่งจองหองขนาดนี้ หยุนถิงอารมณ์ร้อนขึ้นจนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

อนุชุดชมพูพอเห็นเป็นหยุนถิง ตกใจมาก “คุณหนูหยุน เหตุใดเป็นท่านเล่า?”

“ใช่ ข้าเอง หากมิได้เห็นเองกับตา ข้ายากจะเชื่อจริงๆว่า อนุผู้หนึ่งกล้ามาทำเหิมเกริมอำนาจบาตรใหญ่ถึงหัวเมียแต่ง เจ้านี่เก่งจริงนะ ข้าสั่งสอนเจ้าแทนหวางเฟยเรือนเจ้า เจ้าไม่พอใจ?” หยุนถิงย้อนถาม

อนุชุดชมพูตกใจจนสีหน้าทะมึน หันมองจวินซื่อจื่อที่ประหนึ่งอสุรกายหน้าเย็นชาข้างๆแล้ว นางไหนเลยจะกล้าพูดคัดค้านอันใด นางตกใจจนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น

“คุณหนูหยุน ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้า ข้าแค่ล้อเล่นกับหวางเฟยเรือนข้าเท่านั้นเอง”

นังยายแก่อัปลักษณ์น่าตายนัก รู้จักหยุนถิงตั้งแต่เมื่อใดกัน น่าแค้นใจนัก ต้องโทษตนเองที่เลินเล่อไป อนุเคียดแค้นในใจ

“ล้อเล่น งั้นข้าก็ล้อเล่นกับเจ้า!” หยุนถิงเดินเข้าใกล้นาง และตบนางอีกสองฉาด

อนุเจ็บจนขนหัวชา มีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก เจ็บปวดแทบตาย “คุณหนูหยุน เหตุใดท่านยังตบข้าอีกเล่า?”

“ข้าตบเจ้าน่ะแหละ ไร้ความเคารพ จะตายยังไม่สำนึก ทั้งๆที่รังแกหวางเฟย ยังกล้าหาข้ออ้าง เจ้าสมควรโดนแล้ว!” หยุนถิงบอกอย่างไม่แคร์

อนุกุมแก้มแดงเถือก ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและอาฆาตมาดร้าย แต่นางไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าหยุนถิง ได้แต่คุกเข่าลง

“คุณหนูหยุน เรื่องนี้ให้แล้วไปเถอะ” หลู่หวางเฟยออกปาก

หยุนถิงหันมองนาง “จะแล้วไปได้อย่างไร ปกตินางรังแกท่านอย่างไรข้าไม่สน วันนี้ข้ามาเจอเข้าย่อมไม่อาจปล่อยเลยตามเลยได้

วันนี้อนุคนหนึ่งกล้าปีนขึ้นหัวท่าน พรุ่งนี้อี๋เหนียงคนอื่นก็คงไม่เห็นท่านในสายตา ในเมื่อเป็นหวางเฟยก็ควรจะมีท่าทางเช่นหวางเฟย

หากท่านยังไม่เห็นหัวตนเอง ไม่สนใจกฎมารยาทฐานะสูงต่ำเองแล้ว เช่นนั้นต่อไปใครจะเคารพท่าน!”

หลู่หวางเฟยมองหยุนถิงอย่างตกตะลึง นางรู้ดีว่าหยุนถิงกำลังช่วยตน ปกติอนุผู้นี้มักจะเหยียดหยามตนด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนเสมอ บางทีอาจเพราะโดนรังแกมากครั้ง หรืออาจจะเก็บกดมานานเกินไป หลู่หวางเฟยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกพลางเดินเข้ามา ตบหน้าอนุฉาดใหญ่

“อ๊า นังยายแก่อัปลักษณ์เจ้ากล้าตบข้ารึ นายท่านไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” อนุบอกอย่างเคียดแค้น

“ไม่ปล่อยข้าไว้ หลู่อ๋องมีวันนี้ได้ก็เพราะข้า เพราะบ้านเดิมของข้า ต่อให้บัดนี้ข้าหนังแก่หย่อนยานมิมีบุตรธิดา หลู่อ๋องก็ไม่กล้าหย่าร้างกับข้าดอก มิเช่นนั้นฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ไสหัวไป อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าเจอเจ้าหนึ่งครั้งก็จะตบเจ้าหนึ่งครั้ง ต่อให้เป็นหลู่อ๋องก็ปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้!” หลู่หวางเฟยตะคอกอย่างองอาจ

อนุตกใจแทบสิ้นสติ ปกติหลู่หวางเฟยมักจะมีท่าทางซังกะตาย พูดจาอะไรก็ไม่กล้าเสียงดัง วันนี้หลู่หวางเฟยกลับมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้ทำเอาอนุตกใจแทบตายจริงๆ“หวางเฟย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” อนุตกใจจนล้มลุกคลุกคลานหนีไป

หยุนถิงพอใจมาก กำลังจะเอ่ยปากชมนาง ก็เห็นตัวหลู่หวางเฟยถอยหลังไปสองก้าว เหมือนโดนสูบเรี่ยวแรงออกไปทั้งหมด จนเกือบล้มลงกับพื้น

มามาที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาพยุงนาง “หวางเฟย ท่านเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

“ข้าไม่เป็นไร วันนี้ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก ขอบคุณคุณหนูหยุนที่ช่วยออกหน้าแทนข้า นางเฉียวผู้นี้ปกติชอบทำท่าทีอ่อนแอน่าสงสารที่สุด น่ากลัวว่าจะไปฟ้องข้าต่อหน้าท่านอ๋องแน่ ต่อให้หย่าร้างก็ไม่เป็นไร เป็นม่ายทั้งเป็นมาหลายปีข้าก็เป็นจนพอแล้ว!” หลู่หวางเฟยถอนหายใจออกมา

หยุนถิงเหล่มองนาง อายุแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น ทำไมกลายเป็นหนังแก่หย่อนยานได้ ทัศนคติของคนโบราณที่มีต่อายุนี่น่าเหนื่อยใจจริงๆ

“หากหวางเฟยไม่รังเกียจ ข้าสามารถช่วยจับชีพจรท่านดูให้ได้” หยุนถิงเสนอ