‘คงจะต้องใช้เวลาสักพัก’

ผมคิดขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยที่ทั้งมิร่าและเอเลนอร์มองมาที่ผมด้วยสายตาที่ระมัดระวัง ผมแน่ใจว่าการเคลื่อนไหวพลาดเพียงครั้งเดียวคงทำให้ทั้ง 2 คนโจมตีอาเรียในทันที แต่ก็ใช่ว่าพวกเธอสามารถทำร้ายอาเรียได้หรอกนะ

“แล้วทำไมเธอไม่ลองอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยหล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ออสติน?” 

เอเลนอร์พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ซึ่งมิร่าก็พยักหน้าเห็นด้วย 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผมก็แสดงสีหน้าลำบากใจขณะเริ่มพูด

“ผมเล่าให้ฟังได้อยู่ครับ แต่คุณ 2 คนก็อย่าหุนหันพันแล่นไปนะครับ และควรควบคุมตัวเองไว้ด้วย…”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม ทั้ง 2 ก็พยักหน้า 

เมื่อเห็นแบบนั้นผมจึงพูดออกมาดังๆ กับอาเรีย

“โอเค หนูสามารถกลับมาเป็นปกติได้แล้ว”

หลังจากที่ผมพูดจบ อาเรียก็เปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ของเธอ และกระโดดขึ้นมาบนตักของผมพร้อมกับกอดผมไว้แน่น ในขณะที่คำพูดของเธอดังก้องไปทั่วห้อง

“ค่ะ คุณพ่อ!”

ใบหน้าของทั้งเอเลนอร์และมิร่าแข็งทื่อ ในขณะที่ดวงตาของพวกเธอจับจ้องมาที่อาเรีย ซึ่งกำลังถูหัวกับมือผมอย่างมีความสุขในขณะที่ผมกำลังลูบหัวเธออยู่ 

เมื่อมองปฏิกิริยาของพวกเธอ ผมเห็นว่าสมองของพวกเธอดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความประหลาดใจให้กับพวกเธอเข้าไปอีก ผมจึงพูดต่อ

“ใช่แล้ว นี่คืออาเรีย ดรามูนครับ”

ไม่มีการตอบสนองจากทั้ง 2 คนขณะที่พวกเธอยังคงมองมาที่ผม 

สมองของพวกมิร่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกลับสู่ความเป็นจริง เอเลนอร์เป็นคนแรกที่โต้ตอบ สีหน้าของเธอดูหนักขึ้นพร้อมกับเจตนาฆ่าอันละเอียดอ่อนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเธอ และเธอก็มีหน้าตาเหมือนคนที่ถูกทรยศในขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย

“นี่มัน…เกิด…อะไรขึ้น?”

ในทางกลับกันมิร่ากลับดูเหมือนคนที่โลกทั้งใบแตกสลาย เธอเห็นไอดอลที่ตัวเองเคารพกำลังนั่งอยู่บนตักของผมพร้อมกับเรียกผมว่าพ่อ ในขณะที่เอาหน้าถูกับหน้าอกผมราวกับสัตว์ตัวน้อย

“เห้อออ…ก่อนที่พวกคุณจะระเบิดออกมา ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดก่อนนะครับ”

ก่อนที่ทั้งสองจะระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมา ผมก็เริ่มอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การพบกับอาเรียไปจนถึงการที่เธอมอบหมายให้ผมทำหน้าที่ดูแลเธอ แน่นอนว่าผมได้เพิ่มบทละครของตัวเองเข้าไปด้วยคือบังเอิญได้ตกลงไปลึกเข้าไปในดินแดนน้ำแข็งที่ผมได้พบกับเธอ

เมื่อคำอธิบายของผมจบลง ความเงียบอันน่าทึ่งก็ปกคลุมไปทั่วห้อง เอเลนอร์พยักหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจ ดูเหมือนจะเข้าใจว่าการกระทำของอาเรียมีต้นกำเนิดมาจากจิตใจที่เหมือนเด็ก อย่างไรก็ตามสาวงามในตำนานที่ส่งกลิ่นอยู่รอบตัวผมไม่ได้รับการยอมรับจากเธอ ในทางกลับกันมิร่ายังคงมองอาเรียด้วยความเคารพ และถ้ามองไม่ผิด เหมือนผมจะเห็นอาการอิจฉาที่ถูกปล่อยออกมาเป็นนัยๆ ด้วย

มันตลกดีที่ทั้งมิร่าและเอเลนอร์แสดงออกถึงความหึงหวงแบบเดียวกันชั่วครู่ แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อน้ำหนักของการดำรงอยู่ของอาเรียเริ่มกระจ่าง

“สะ-สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกระแสทั้งหมดของโลกได้เลย…” 

เอเลนอร์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่การกระทำของอาเรียที่มีต่อร่างกายของผมอยู่ 

มิร่าพยักหน้าเห็นด้วย โดยที่สายตาของเธอเปลี่ยนไปมาระหว่างผมกับอาเรีย ขณะที่เธอพยายามทำใจให้ยอมรับความจริงที่ว่าจอมเวทย์ในตำนานกำลังเรียกหลานชายของเธอว่า พ่ออยู่

“เห้อออ…ฉันต้องการเครื่องดื่มที่แรงกว่านี้” 

มิร่าพูดขณะที่เธอหยิบเครื่องดื่มออกมาและเริ่มดื่มลงไป ซึ่งเอเลนอร์ก็ทำตามเช่นกัน 

เมื่อเห็นท่าทางของพวกเธอทั้ง 2 คน ผมก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เอเลนอร์จะถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ 

“มีอะไรน่าขำเหรอไง?”

“ผมก็แค่เป็นห่วงว่าต้องทำยังไงถึงจะได้รับความไว้วางใจจากพวกคุณ แต่การได้พูดคุยและเห็นคุณ 2 คนก็ทำให้ผมเข้าใจแล้วครับว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน…”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม รอยยิ้มที่สวยงามทั้ง 2 ก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเธอ

“เธอนี่ปากหวานจริงๆ นะ” 

มิร่าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะวางขวดกลับลงบนโต๊ะ โดยที่ดวงตาของเธอไม่เคยละสายตาจากไอดอลของตัวเองเลยในขณะที่เธอถามขึ้นมา 

“อีกนานเท่าไหร่ที่เธอจะกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งงั้นเหรอ?”

“อีกประมาณ 2 สัปดาห์ครับ” 

ผมตอบ 

ทั้ง 2 สาวพยักหน้า ดูเหมือนจะพยายามหาวิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น 

“แล้วเราควรทำยังไงกันดีครับ?” 

ผมถาม ซึ่งพวกเธอก็ทำเพียงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เอเลนอร์จะพูดขึ้น

“แยกพวกเธอออกจากกันซักพักเพื่-”

“ไม่เอา!” 

อาเรียตะโกนออกมาด้วยความโกรธก่อนที่เอเลนอร์จะพูดจบ ความโกรธของอาเรียปะทุทุกสิ่งรอบตัวพวกเธอ ผลักทั้งเอเลนอร์และมิร่าออกไปพร้อมกับเลือดที่ไหลอาบจมูกของพวกเธอ ความแตกต่างระหว่างพลังของพวกเธอรุนแรงเกินกว่าที่ทั้งคู่จะมองข้ามได้

เมื่อมองดูสภาพของพวกเธอแล้ว ผมสามารถเห็นคำเตือนอันละเอียดอ่อนตรงหน้าพวกเธอได้ว่าคนที่ผมดูแลอยู่นั้นเป็นหนึ่งในผู้กล้าในตำนานทั้ง 11 คน ผู้ที่เข้าถึงระดับพลังมังกรขั้นต่ำ

“ชู่ววว…ไม่ต้องห่วงนะ พ่อจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” 

ผมตอบด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความรักพร้อมลูบหัวอาเรีย 

เด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่หัวเราะเบาๆ ขณะที่อารมณ์ของเธอเปลี่ยนเป็นมีความสุขทันที และหัวเราะอย่างเขินอายเมื่อได้รับความสนใจจากผม 

เมื่อเห็นเช่นนี้ผมก็หันไปสนใจพวกมิร่า แล้วพูดขอโทษออกมา ซึ่งพวกเธอก็ส่ายหัวเพื่อแสดงให้ผมเห็นว่าพวกเธอสบายดี

“นี่มันอันตรายกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” 

เอเลนอร์พูดขณะจ้องมองไปยังอาเรียที่ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ 

ผมพยักหน้าเห็นด้วย มันคงเป็นหายนะหากเธอปลดปล่อยอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรงออกมาและลบเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ออกจากแผนที่โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นเมื่อมีพวกโบสถ์อยู่ที่นี่ แต่ก็อาจเกิดการสูญเสียชีวิตอย่างรุนแรงก็เป็นไปได้

“ผมมีแผนอยู่ครับ…” 

ผมพูดเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเธอ และเมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังตั้งใจอยู่ ผมก็มองไปทางอาเรียและถามด้วยน้ำเสียงน่ารักและตลกขึ้น 

“อาเรียจ๊ะ…”

“คะพ่อ?” 

เธอตอบกลับ

“หนูเปลี่ยนร่างกายตัวเองให้เป็นเด็กได้ไหมคะ?”

“อือออ…ยังไงเหรอคะ?” 

เธอถามกลับมา ด้วยเหตุนี้ผมจึงส่งรูปถ่ายเกรซวัย 9 ขวบ ซึ่งเป็นภาพที่ผมเคยซ่อนไว้ในอดีตให้เธอไป และเมื่อได้รับรูปไปแล้วอาเรียก็พยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลงร่างเป็นเด็กแบบนี้หน่อยสิคะ” 

ผมบอกเธอ ซึ่งในไม่ช้าแสงอันละเอียดอ่อนก็ปกคลุมร่างกายของเธอและกลายเป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบที่น่ารักมากไป ตอนนี้ร่างกายของเธอพอดีกับตักของผมขึ้นมากในขณะที่เธอกอดผมไว้แน่น

“หนูทำได้ดีหรือเปล่าคะ?” 

เธอถามผมด้วยสายตาคาดหวัง ซึ่งผมก็ลูบหัวเธออีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปทางเอเลนอร์และมิร่าที่ตกตะลึงแล้วพูด

“ทักทายอาเรีย ไลออนฮาร์ท ญาติห่างๆ ของครอบครัวเราหน่อยสิครับ”

คำพูดของผมทำให้ผู้หญิงสองคนหลุดจากความงุนงงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดวงตาที่ขุ่นมัวของพวกเธอเริ่มเข้าใจส่วนลึกของความคิดของผม

“นี่ฉันควรบอกเกรซไหมเนี่ย?” 

มิร่าถาม ซึ่งผมก็ตอบเธอกลับไปว่า 

“รบกวนด้วยครับ…”

ด้วยเหตุนั้น แผนการที่ผมวางไว้นานก็จะต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและนำไปใช้ในเร็วๆ นี้

“ว้าว นี่มัน…”

“ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมครับ?”

ผมพูดต่อคำพูดของเกรซ 

ตอนนี้เกรซกำลังนั่งอยู่ข้างผมและมองดูอาเรียที่เกาะผมเหมือนโคอาล่า การเปลี่ยนแปลงของเธอทำให้ผมรับมือกับเธอได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

หลังจากเข้าใจแผนของผมแล้ว ผมจึงติดต่อเรียกเกรซมา ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้ดีไปกว่าของเอเลนอร์หรือมิร่าเลย 

ในความเป็นจริงเธอต้องใช้เวลามากกว่าอีกในการประมวลผลข้อมูลของเด็กผู้หญิงที่เป็นภาพเสมือนของเกรซที่กำลังนั่งอยู่บนตักของผมและเรียกผมว่าพ่อ ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่อาเรียที่โตเต็มวัยก็มีหน้าตาคล้ายกับเกรซ

คนอื่นๆ คงจะมองว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันหากพวกเธอยืนอยู่ข้างๆ กัน ซึ่งถือเป็นความคล้ายคลึงที่แปลกประหลาดมากหากให้ผมพูดหล่ะก็นะ

‘มีความลับบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่ไหม?’ 

ผมถามระบบ

[ ถูกต้อง ] 

ระบบตอบกลับ แม้แต่ในตอนที่ผมเห็นหน้าของอาเรียเป็นครั้งแรก ผมยังคิดอยู่เลยว่าเธอหน้าคล้ายกันกับเกรซ หลายคนถึงกับบอกเลยว่าเกรซอาจเป็นการกลับชาติมาเกิดของอาเรีย แต่ผมถือว่านั่นเป็นเพียงเสียงพูดพล่ามธรรมดาในหมู่คนทั่วไป อย่างไรก็ตามผมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว ผมจะทำได้ยังไงเมื่ออาเรียหันไปหาเกรซแล้วเรียกเธอว่า

“แม่คะ?”

‘ช่างแมx่งละ…’

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต