ตอนที่ 402 ซูเซียนลงมาจุติ

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

“เพลงใหม่ของหลงเตี๋ยไม่เลวเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทำนองหรือการขับร้องก็มีเสน่ห์ทำให้คนประทับใจได้จริงๆ ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือเนื้อเพลงที่เขียนมีแต่น้ำ รสนิยมด้านเนื้อเพลงของพ่อเพลงพวกนี้ชวนปวดหัวซะจริง…”

ในเวลาไล่เลี่ยกัน มณฑลฉู่

หนีหงอู่สวมหูฟังอยู่ในห้องทำงานของตน ฟังเพลงใหม่ในมหาสงครามเทพเซียนของพ่อเพลงอย่างหลงเตี๋ย ฟังไปพลางรู้สึกเสียดายกับความไม่สมบูรณ์แบบของเนื้อเพลง

เมื่อฟังเพลงของหลงเตี๋ยจบ หนีหงอู่ก็มองไปยังโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่าทันทีที่ชำเลืองมองก็เห็นเครื่องหมายคำถามที่อิ่นตงและเฟ่ยหยางส่งมาในกลุ่มแช็ตสามคน

เครื่องหมายคำถามมากมายทำให้สมองของหนีหงอู่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามเช่นกัน

สองคนนี้หมายความว่ายังไง

หนีหงอู่สับสนอยู่บ้าง บังเอิญว่าขณะที่หนีหงอู่เห็นกลุ่มแช็ตนี้ เสียงเพลงก็ดังขึ้นในโสตประสาท

“จันทร์แจ่มเมื่อไรมี ชูจอกชี้ถามฟ้าคราม สุดล่วงรู้บนวิมาน ยามนี้คือปีใด…”

นี่คือความบังเอิญของการเล่นเพลงแบบสุ่ม

เดิมทีหนีหงอู่ก็ไม่รู้ว่าควรฟังเพลงของใครดีเหมือนกับเฟ่ยหยาง เพราะฉะนั้นจึงเลือกใช้วิธีการสุ่มเล่นเพลงในมหาสงครามเทพเซียน ปรากฏว่าเพลง ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์’ ของเซี่ยนอวี๋ถูกสุ่มขึ้นมาพอดี

เพลงนี้เพิ่งร้องขึ้นมาได้ไม่กี่ประโยค

สายตาของหนีหงอู่กลับพุ่งตรงไปยังคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน

บนหน้าจอยังคงเปิดหน้าเนื้อเพลงของโปรแกรมเล่นเพลงไปเรื่อยๆ แต่ละวรรคของเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ส่งผ่านกลิ่นอายบทกวีโบราณสู่สายตาของหนีหงอู่ และกลายเป็นชั่ววินาทีที่น่าจดจำในชีวิตของเธอ

พรึบ!

ทั้งที่แสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่างยังคงส่องมาอย่างอ่อนโยน บนโลกปราศจากสายลมกระหน่ำหรือละอองฝน หนีหงอู่กลับรู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้าผ่าลงมาเหนือศีรษะของตน ทำให้สมองของตนมึนงงอย่างฉับพลัน

“พรึบ!”

หนีหงอู่รีบเลื่อนหาข้อความว่า ‘ส่วนของเนื้อเพลงจัดการได้อยู่หมัดแน่นอน’ ซึ่งเป็นประโยคเปิดประเด็นของตน เพื่อยกเลิกข้อความโดยเร็วที่สุด แต่น่าเสียดายที่เวลาก็ล่วงเลยมากว่าห้านาทีแล้ว

ยกเลิกข้อความไม่ได้

เมื่อมองไปยังเครื่องหมายคำถามซึ่งมาจากเฟ่ยหยางและอิ่นตงอีกครั้ง หนีหงอู่ก็รู้สึกอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี

ทั้งที่ทุกคนคุยกันผ่านอินเทอร์เน็ตและไม่เห็นหน้ากัน หนีหงอู่กลับรู้สึกกระอักกระอ่วน ราวกับถูกผู้คนตราหน้า

ราวกับมีหนามทิ่มแทงแผ่นหลัง

ราบกับลำคอตีบตัน

ราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็ม

ความคิดของหนีหงอู่กระจ่างขึ้นท่ามกลางความโกลาหล

ความคิดแรกที่แจ่มชัดของเธอก็คือ ถ้าเธอฟังเพลงเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ก่อน ข้อความนี้ก็จะถูกยกเลิกอย่างปลอดภัยใช่ไหม?

ตนก็จะสามารถแสร้งอยู่เงียบๆ ราวกับไม่เคยเอ่ยประโยคนี้มาก่อน?

น่าเสียดายที่สายเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ข้อความนี้ถูกยกเลิกจริงๆ คำวิจารณ์เกี่ยวกับความสามารถในการเขียนเนื้อเพลงของเซี่ยนอวี๋ซึ่งตนให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์​ ก็ยังตีความได้ในทำนองเดียวเดียวกัน

หนีหงอู่ยอมแพ้ต่อการดิ้นรนอย่างสิ้นเชิง

เธอฟังเพลงวนไปมาอยู่หลายรอบ

ทุกครั้งที่ฟังวนไป คล้ายกับว่าเธอจะตระหนักได้ถึงเรื่องใหม่ขึ้นมา

ทุกครั้งที่ในเพลงร้องถึง ‘มนุษย์มีสุขทุกข์พบพราก จันทร์มีขึ้นแรมกลมเสี้ยว’ เธอจะสัมผัสได้ถึงหัวใจของตนที่เต้นระรัว

และเมื่อบทเพลงร้องถึง ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ห่างพันลี้ร่วมชมจันทร์’ เธอจะสัมผัสได้ถึงเสียงสะท้อนในก้นบึ้งของจิตวิญญาณ

ไม่รู้ว่าฟังซ้ำไปกี่รอบ ในที่สุดหนีหงอู่ก็ถอดหูฟังออก

ท้ายที่สุดเธอก็เบนสายตาไปจับจ้องที่เนื้อเพลง แต่กลับไม่ใช่ประโยคที่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ แต่เป็นห้าคำซึ่งแทรกอยู่ในนั้น

‘ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว!’

ห้าคำนี้ ได้รวบรวมความรู้สึกของหนีหงอู่ทั้งหมดไว้ รวมไปถึงความตกตะลึงที่เธอมีต่อเพลงนี้ด้วย!

ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว…

พรูลมหายใจออกอย่างหนักหน่วง หนีหงอู่มองไปยังชื่อผู้เขียนเนื้อเพลง และเห็นชื่อของ ‘เซี่ยนอวี๋’ ดังที่คาดคิดไว้

เซี่ยนอวี๋…

เธอยิ้มขื่นออกมาอย่างอดไม่ได้

ความห่างไกลที่สุดบนโลกนี้คืออะไรน่ะหรือ

คือฉันยังคงยืนอยู่บนชั้นสิบแปดอย่างได้ใจ ส่วนคุณกลับยืนมองลงมายังทุกสรรพสิ่งบนโลก?

ไม่ใช่ว่ามีดีสู้คนอื่นไม่ได้

แต่ฝีมือต่างชั้นกันจนไม่ต้องเปรียบเทียบ

เราไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันด้วยซ้ำไป!

หากมองข้ามความอับอายและความกระอักกระอ่วนหลังจากถูกตอกหน้าไป ตอนนี้เรื่องที่หนีหงอู่เข้าใจอย่างถ่องแท้มากที่สุดก็คือ ชั่วชีวิตนี้ตนไม่มีทางเขียนเนื้อเพลงแบบนี้ออกมาได้

ฉะนั้นจึงยอมจำนน!

ยอมจำนนจากใจจริง!

ไม่สิ นี่ไม่ใช่เนื้อเพลงแล้ว แต่ควรไปอยู่ในคอลเล็กชันบทกวีโบราณเสียมากกว่า!

ความลึกซึ้งของคลังความรู้ด้านวรรณกรรมของหนีหงอู่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เธอผู้ซึ่งอ่านหนังสือคำกลอนมาตั้งแต่เด็กไม่มีทางมองว่าเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์เป็นบทกวีโบราณคุณภาพต่ำซึ่งถ่ายทอดมาจากจินตนาการไร้สาระอย่างแน่นอน

นั่นเป็นการดูหมิ่นเนื้อเพลง!

บลูสตาร์มีเพลงสไตล์โบราณมากมายซึ่งมีผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม หนีหงอู่ยอมรับว่าเพลงโบราณบางส่วนยอดเยี่ยมมาก ทว่าส่วนมากสำหรับหนีหงอู่แล้วล้วนมีแต่กลอนขยะซึ่งพยายามนำคำมาประกอบกันมั่วซั่วเพื่อให้คล้องจอง แต่กลับไม่ได้สื่อความหมายอะไร

คนเรานี้หนา รูปโฉมโสภา?

หรูหรา เริงร่า เจิดจ้า?

เฉยชา แหบพร่า สั่งฆ่า?

ฝนพรำดั่งหยดน้ำตา เกศาขาวยามโรยรา?

ใช้คำศัพท์ที่คิดว่าชวนซาบซึ้งใจ เพื่อบังคับสัมผัส ก็สามารถเรียกว่าเป็นเพลงโบราณได้?

หากไม่คำนึกถึงความหมายและสุนทรีย์ทางศิลปะ ก็สามารถใส่คำสระอาลงท้ายเพื่อสร้างความคล้องจองอย่างเรียบง่าย หนีหงอู่เองก็สามารถใช้เวลาสั้นๆ ในช่วงที่นั่งปลดทุกข์ในห้องน้ำ ประกอบประโยคคล้องจองซึ่งได้ชื่อว่ามีกลิ่นอายความโบราณออกมาไม่รู้กี่สิบประโยคเหมือนกัน

แต่ทำไปเพื่ออะไร

เธอไม่สนใจเนื้อเพลงพรรค์นั้นหรอก

เพลงสไตล์โบราณควรจะเป็นหนึ่งในประเภทของดนตรีที่ยากที่สุด แต่เมื่อมาอยู่ในมือของนักดนตรีเพลงโบราณบางคนกลับวายวอดไม่เหลือชิ้นดี ฟังแล้วคล้ายกับเคาะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แม้แต่ทำนองของเครื่องดนตรียังไม่เปลี่ยนแปลง

เนื้อเพลงประเภทนั้นไม่ควรนำมาเปรียบกับ ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์’

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของหนีหงอู่ก็จับจ้องเนื้อเพลงนี้อีกครั้ง

“น่าจะเป็นเพลงที่สร้างจากชุดคำและรูปแบบบางอย่าง แถมยังเป็นเพลงชมจันทร์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์​ รายละเอียดจำเป็นต้องไปศึกษา ส่วนเนื้อเพลงท่อนแรกที่จริงแล้วคือกลอนบทบน แต่ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคงจะเป็นบทล่าง เรียกว่าอยู่ระดับบทกวีโบราณก็คงได้…”

หนีหงอู่ยิ่งลิ้มรสของบทกลอนยิ่งประหลาดใจ!

ยิ่งใคร่ครวญ ก็ยิ่งตกตะลึง!

มีเนื้อเพลงระดับนี้เท่านั้น ที่จะสยบทุกคนได้!

ในขณะนั้น

ในกลุ่มแช็ตเล็กของทั้งสามคน มีคนส่งข้อความมา

ผู้ที่ส่งข้อความคืออิ่นตง ต่อจากเครื่องหมายคำถามสิบสามครั้งของเฟ่ยหยาง

‘ทำนองอยู่ระดับเดียวกัน’

เฟ่ยหยางส่งข้อความต่อมา ‘การขับร้องอยู่ระดับเดียวกัน’

สีหน้าของหนีหงอู่ดำทะมึนลงทันที!

พวกคุณสองคนหมายความว่ายังไง

นี่เป็นความผิดของฉันเหรอ?

ดีแต่พูด ไม่มาเจอเองไม่รู้หรอก

อย่าว่าแต่ฉันเลย ทั้งวงการนักเขียนเนื้อเพลงตอนนี้ หรือแม้แต่ทั่วทั้งบลูสตาร์คงจะหาเนื้อเพลงของใครมาเทียบกับ ‘ขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์’ ได้!

ถ้าไม่ยอมจำนน ฉันจะตีให้เข่าทรุด!

เดิมทีหนีหงอู่อยากตอบกลับไปเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้เรื่อง แต่คู่แข่งมันผิดมนุษย์มนาต่างหาก แต่ทันใดนั้นเธอก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่มีความหมาย นักประพันธ์เพลงกับนักร้องจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับการเขียนเนื้อเพลง เธอจึงทำได้เพียงพิมพ์ไปว่า

‘?’

และขณะที่เครื่องหมายคำถามนี้ปรากฏ ชาวเน็ตก็ได้ฟังเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์และกำลังแตกตื่นกันจ้าละหวั่น

ซูเซียนลงมาจุติ!

……………………………………………………..