บทที่ 351 พลังอันน่าพึงใจ ต้าหลัวร่วงหล่น
หานเจวี๋ยที่เผชิญหน้ากับหลี่เต้าคงไม่ได้ตื่นตระหนก เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้อาวุโสช่างปรีชาสามารถ”
หลี่เต้าคงยิ้มแล้วตอบกลับ “เจ้าคิดจะเอาชนะข้าหรือ”
“คิด แต่ข้าไร้ซึ่งความสามารถ”
“หากเจ้าต้องการเอาชนะข้า เจ้าก็ต้องรับกระบี่ของข้าให้ได้หนึ่งกระบวนท่า หากรับได้ ตำแหน่งนี้ข้าจะยกให้เจ้า หากรับไม่ได้ ก็จงกลับไปฝึกฝนเสีย”
“เข้ามาเลย!”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างกระตือรือร้น เขารู้ดีว่าหลี่เต้าคงไม่ได้คิดจะขวางทางเขา
มาถึงขั้นนี้ พลังวิเศษของเขาถูกยกระดับจนถึงระดับเทพ หากก้าวไปข้างหน้า คงได้ทะลวงระดับต้าหลัว
หลี่เต้าคงโบกมือ และปราณกระบี่ก็พุ่งทะยานไปยังหานเจวี๋ย
ปราณกระบี่สายนี้มิได้งดงาม การเคลื่อนไหวออกจะธรรมดา แต่กลับรวดเร็วสุดขีด เร็วจนกระทั่งหานเจวี๋ยไม่ทันตอบโต้
ตู้ม!
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยหมุนวนไปรอบๆ ก่อนจะกลับเข้าสู่กายเนื้อ
เขาลืมตาขึ้นทันใด
‘กระบี่เดียวก็สกัดกั้นไม่ได้งั้นหรือ เกินไปแล้ว!’
แม้ว่าการต่อสู้ในแม่น้ำมรรคกระบี่จะไม่ใช่พลังของหานเจวี๋ยทั้งหมด แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของทั้งสองคน
หากต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ แม้แต่เกราะป้องกันบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ไม่อาจสกัดกั้นหลี่เต้าคงได้
หานเจวี๋ยตั้งสติ ก่อนที่จะเพิ่มความแกร่งให้กับพลังวิเศษมรรคกระบี่อื่นๆ
เขาเดินหน้าต่อไปตามแม่น้ำมรรคกระบี่ เพียงแต่เมื่อพบเจอกับหลี่เต้าคงอีกคราในภายหลัง เขาก็ไม่หาเรื่องใส่ตัวไปรับกระบี่อีก
หลี่เต้าคงที่อยู่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ดูเหมือนจะเป็นจิตตานุภาพที่หลงเหลืออยู่ ไม่ใช่เจ้าตัวจริงๆ
ครึ่งปีต่อมา
หานเจวี๋ยยกระดับพลังทั้งหมดของตนจนถึงขีดกำจัด
เขาเริ่มแบบจำลองการทดสอบ
ก่อนอื่นเขาสู้กับหลี่เสวียนเอ้า ตอนนั้นที่ตำหนักเอกอนันต์หลี่เสวียนเอ้าก็อยู่ด้วย หานเจวี๋ยได้ทำการคัดลอกข้อมูลเอาไว้เรียบร้อย
หลี่เสวียนเอ้าไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้อยู่แล้ว แม้ว่าตบะของหานเจวี๋ยจะไม่เทียบเท่าเขา แต่อาศัยพลังของยอดสมบัติ เขาก็พอมีหวังจะเอาชนะได้ครึ่งหนึ่ง
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ ตบะของหลี่เสวียนเอ้าคือปฐมเทพขั้นหก และไม่ทราบอีกว่าชายผู้นี้จะบรรลุต้าหลัวได้เมื่อใด
หานเจวี๋ยจดจำตอนที่อีกฝ่ายควักลูกตาทั้งสองข้างของสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นออกไปได้ขึ้นใจ แค้นนี้ต้องชำระแน่
สามวันต่อมา หานเจวี๋ยก็จบการจำลองการทดสอบ
เขาไม่อาจเอาชนะต้าหลัวได้ในขณะนี้ แต่อย่างน้อยมีบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรอยู่ก็ไม่ถูกสังหารจนถึงแก่ความตาย
คนส่วนใหญ่ในระดับเทพไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ในสถานการณ์ที่ไม่อาจทำลายเกราะป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้ เมื่อหานเจวี๋ยสบช่องเจอจังหวะที่เหมาะสม เขาก็สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้
มีเพียงปฐมเทพขั้นหกส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำให้หานเจวี๋ยขยับเขยื้อนไม่ได้
เมื่อมองในภาพรวม หานเจวี๋ยค่อนข้างพึงพอใจมากทีเดียว
แม้ว่าเขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับเทพ แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ระดับต่ำสุด
ต้องบอกไว้ก่อนว่า บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรนั้นทรงพลังมาก ไม่แปลกใจเลยที่จักรพรรดิเซียนกลับชาติมาเกิดอยากได้สิ่งนี้มาครอบครอง ทว่าแรงกรรมที่บรรจุอยู่ในเจ้าสิ่งนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวเหลือคณนา หากไม่มีกายดาราอนธการ สมบัติชิ้นนี้อาจกลับกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งสำหรับหานเจวี๋ยก็เป็นได้
ก่อนหน้านี้นักพรตเต๋าอวี้จือก็เป็นเช่นนี้ จึงหลงกลการแสดงของหานเจวี๋ยและทิ้งสมบัติชิ้นนี้ไป
“อย่างไรก็ทะลวงระดับสำเร็จแล้ว ฉลองสักหน่อยดีหรือไม่”
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
ก่อนอื่นสาปแช่งจู่ถูสักหน่อย เจ้าหมอนี่สาปแช่งจักรพรรดิสวรรค์มาโดยตลอดเพื่อที่จะเลียนแบบเขา ให้อภัยไม่ได้!
นอกจากนี้หานเจวี๋ยยังถือว่าในอนาคตจู่ถูจะสังหารผู้บริสุทธิ์อีกมากมาย การกำจัดชายผู้นี้จึงถือเป็นการทำกุศลเพื่อปวงประชา!
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สาปแช่งไปด้วย ครุ่นคิดไปด้วยว่าจะใช้อายุขัยเท่าไรดี
‘หมื่นล้านปีงั้นหรือ รู้สึกว่าหมื่นล้านปีน่าจะไม่สามารถทำให้คำสาปแช่งของจู่ถูผิดพลาดได้ ช่างเถอะ ทำเอาสนุกก็แล้วกัน’
…
เก้าวันที่ผ่านมา มีคนสองคนที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ได้แก่จู่ถูและหลี่เต้าคง
หลี่เต้าคงถือกระบี่ในมือไว้มั่น แต่ละกระบวนท่า แต่ละกระบี่ที่ฟาดฟันออกไป แตกกระจายออกไปเป็นปราณกระบี่นับร้อยล้านปราณ กระจายไปทั่วสวรรค์ชั้นเก้า ส่วนจู่ถูใช้สองมือร่ายคาถา เรียกพลังวิเศษทุกชนิดออกมา
แรงกดดันมหาศาลท่วมท้นไปทั่วอาณาบริเวณ ไม่มีใครหน้าไหนกล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่
จู่ถูยกมือขวาขึ้น อัสนีบาตนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่กลางฝ่ามือของเขา มันควบแน่นอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นมังกรห้ากรงเล็บขนาดมหึมา ส่งเสียงคำรามกึกก้อง
ในตอนนี้เอง
จู่ถูขมวดคิ้ว แอบก่นด่าในใจ ‘โธ่โว้ย ทำไมต้องสาปแช่งข้าในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ด้วย’
เขาเกลียดชังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจนสุดขั้วหัวใจ
หลี่เต้าคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย เห็นเพียงรอบกายของหลี่เต้าคงปรากฏร่างคนขึ้นทีละร่างๆ ซึ่งมีลักษณะเหมือนเขาทุกประการ แต่ละร่างกวัดแกว่งกระบี่ที่ต่างกันออกไป ตัวกระบี่ที่จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พุ่งเป้าไปยังจู่ถู และในชั่วพริบนั้น บนห้วงนภาก็ดารดาษไปด้วยร่างของหลี่เต้าคง
ทันใดนั้นเอง!
กระบี่ทุกเล่มของหลี่เต้าคงก็หันไปปะทะกับจู่ถูโดยพร้อมเพรียง แสงจากกระบี่เจิดจ้า ส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณ
แดนชำระบาปเก้าขุม เกาะสำนักซ่อนเร้น
เหล่าศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ต่างเงยหน้าขึ้นมากันทีละคน
“เหตุใดจึงมีแสงได้” มู่หรงฉี่ถามด้วยความประหลาดใจ
มาอยู่ที่แดนชำระบาปเก้าขุมนานถึงป่านนี้ พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นแสงแบบนี้เป็นครั้งแรก
ลี่เหยาขมวดคิ้วแล้วกล่าว “นั่นมันแสงกระบี่”
แสงกระบี่งั้นหรือ
ทุกคนตกตะลึง
จินกังนู่กล่าวด้วยอารมณ์อันซับซ้อน “ผู้ทรงพลังต่อสู้กัน แสงกระบี่จึงเล็ดลอดออกมาถึงแดนชำระบาปเก้าขุม ตบะขั้นนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เกรงว่าน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียน”
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นอดรู้สึกตราตรึงใจไม่ได้ ต้องเป็นตบะระดับใดกันจึงได้โชติช่วงไปถึงสวรรค์เช่นนี้ได้
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยยังคงตั้งหน้าตั้งตาสาปแช่งต่อไป
อีกไม่กี่วันต่อมา
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดฮวบลง เขาเปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติขึ้นมา และจดจ้องโดยละเอียด
หนึ่งพันล้านปี!
สามพันล้านปี!
ห้าพันล้านปี!
หมื่นล้านปี!
หยุด!
หานเจวี๋ยไม่ได้หลั่งเลือดแม้แต่หยดเดียว ระดับเทพช่างแข็งแกร่งสมชื่อ
แม้จะไม่รู้ว่าจู่ถูมีอันเป็นไปหรือไม่ หานเจวี๋ยก็ไม่สนใจอีกต่อไป เพราะอย่างไรเสียเขาก็พอใจแล้ว
ต่อมาก็สาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
เจ้านี่เป็นบ้าไปแล้ว เห็นแก่ปวงประชา รีบสาปให้ตายเร็วหน่อยดีกว่า
หานเจวี๋ยตัดสินใจใช้อายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปีมาเล่นกับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
ห้าวันต่อมาอายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดฮวบ
เขาทุ่มเทพลังทั้งหมดในการสาปแช่ง จนอายุขัยของเขาลดลงอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สามพันล้านปี!
[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่านจิตชั่วร้ายหลุดออกมา สูญเสียการควบคุมพลังเวท เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
ห้าพันล้านปี!
แปดพันล้านปี!
[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผยร่างปีศาจและดวงจิตอาฆาต ดึดดูดทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
เก้าพันล้านปี!
หมื่นล้านปี!
หยุด!
หานเจวี๋ยหยุดทันเวลาในระดับวินาที ไม่มีผิดพลาด
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ รอก่อนเถอะ! ข้าจะสังหารเจ้าให้จงได้! อ๊าก…”
เสียงของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ระเบิดลั่น ไม่เพียงแต่หานเจวี๋ยเท่านั้น แต่ทุกคนในเกาะสำนักซ่อนเร้นต่างได้ยินโดยทั่วกัน
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
จดหมายเบื้องหน้าของเขามีความเคลื่อนไหวตามมา
[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ถูกมรรคาสวรรค์โจมตีถึงแก่ความตาย กายสิ้นลมมรรคาเลือนหายเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน ดวงวิญญาณที่หลงเหลือหลุดรอดมาได้ด้วยความโชคดี]
หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์ ไร้ชื่อของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
‘แบบนี้ถือว่าตายแล้วใช่หรือไม่ หรือว่ายังไม่ตายสนิทกัน’ วิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อาจสงบใจลงได้
ในขณะเดียวกัน
ปวงสวรรค์หมื่นโลกามีฝนสีทองตกลงมา ต้าหลัวร่วงหล่น ทั่วทั้งหมื่นแดนตกอยู่ในความเศร้าโศก
ณ วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์ทอดพระเนตรมองสายฝนสีทองนอกกระราชวัง สีหน้ามืดทะมึน
“ใครคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกันแน่ จู่ถูกำลังประลองกับหลี่เต้าคง ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน ถึงขั้นที่สามารถสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จนถึงแก่ความตายได้ ออกจะ…”
ความปั่นป่วนราวทะเลคลั่งก่อตัวขึ้นในใจของจักรพรรดิสวรรค์ เขาบีบนิ้วตนเองและคิดคำนวณไปด้วย สีหน้าพลันแปลกประหลาดตาม
‘หืม? ชายผู้นี้เป็นบรรพชนมารจริงๆ หรือ มิน่าถึงได้ดึงดูดการโจมตีมรรคาสวรรค์ได้!’
แรงกรรมที่สั่งสมของบรรพชนมารนั้นร้ายแรงอย่างยิ่ง จนเมื่อเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ก็จะถูกมรรคาสวรรค์เนรเทศทันที
หรือเป็นเพราะคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ทำให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ไม่อาจซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ได้กันแน่
จักรพรรดิสวรรค์บังเกิดความร้อนรุ่มใจ
วันนี้ถึงคราวของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ วันข้างหน้าจะถึงคราวของเขาหรือไม่
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เผ่ามาร ทำให้มรรคาสวรรค์ไม่อาจพุ่งเป้ามาที่เขาได้ แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งจนถึงแก่ความตายอยู่ดี
………………………………………