War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1742
ตอนที่ 1,742 : แสร้งลึกลับ?

“พี่น้องสกุลลั่ว?”

ได้ยินเสียงที่ส่งมาของกัวลู่ ต้วนหลิงเทียนพลันโค้งคิ้วขึ้นราวกับเคยได้ยินชื่อพี่น้องสกุลลั่วจากที่ไหนสักแห่ง

“แม่นางหวางเจ้ารู้จักพี่น้องสกุลลั่วไหม?”

แต่นึกอยู่พักหนึ่งก็นึกไม่ออก ต้วนหลิงเทียนจึงอดหันไปถามหวางเฟยเซวียนที่อยู่ข้างๆไม่ได้

“พี่น้องสกุลลั่ว…มิใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด 2 อันดับแรกของวังนภาหรอกหรือ? พลังฝีมือพวกมันนับว่าเหนือกว่ากัวลู่…! แต่ด้วยพลังฝึกปรือของเจ้าตอนนี้คิดเอาชนะพวกมันคงง่ายดายนัก ทว่าหากพวกมันร่วมมือกัน กระทั่งเจ้าอาจจะสู้ไม่ได้! เพราะยามร่วมมือกัน..พวกมันจะมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมากฝีมือ”

ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยเป็นฝ่ายกล่าวกับหวางเฟยเซวียนก่อน ดังนั้นพอนางได้ยินเขาถาม หวางเฟยเซวียนจึงเร่งตอบออกมาทันที…ด้วยกลัวว่าหากตอบช้าไปจะมีคนแย่งตอบอีกฝ่าย!

ในตอนนี้นางกระทั่งลืมเลือนไปว่า…เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนถามนางด้วยการส่งเสียงผ่านปราณ…

“อ้อ ข้านึกออกแล้ว!”

เมื่อมีหวางเฟยเซวียนเตือนความจำ ต้วนหลิงเทียนจึงนึกออกทันที

ในวันที่เขาประลองเสมอกับกัวลู่ เขาก็ได้ยินศิษย์วังนภากล่าวออกมาบ้าง ว่ากัวลู่เป็น 1 ใน 3 ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ และพลังฝีมือเพียงด้อยกว่าคน 2 คนเท่านั้น และนั่นคือ พี่น้องสกุลลั่ว!

อย่างไรก็ตามตอนนั้นเขาเพียงฟังหูซ้ายทะลุหูขวาไปเท่านั้น เพราะในเมื่ออีกฝ่ายพลังฝีมือทัดเทียมกับกัวลู่ ก็ไม่ได้มีอะไรให้เขาสนใจ

“คู่แฝด? ส่งกระแสจิต?”

แม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยได้ยินเรื่องพี่น้องสกุลลั่วมาบ้าง แต่เขาก็ไม่รู้อะไรมากนัก พึ่งมารู้ก็ตอนที่กัวลู่กับหวางเฟยเซวียนกล่าวบอกเท่านั้น

“ศิษย์พี่กัวลู่ พี่น้องสกุลลั่วกับข้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมพวกมันถึงต้องมาท้าข้าด้วยล่ะ?”

ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าวถาม

กัวลู่ไม่คิดปิดบังอะไร กล่าวบอกเรื่องราวความบาดหมางของมันกับพี่น้องสกุลลั่วออกไปทันที สุดท้ายยังกล่าวขอขมาต่อต้วนหลิงเทียน “ศิษย์น้อหลิงเทียน ข้าต้องขออภัยต่อเจ้าด้วย ข้ามิคิดลากเจ้าลงปลักโคลนเช่นนี้ แต่ทั้งสองคนนั่นมันทำเกินไป…นอกจากนี้ข้าคิดว่าด้วยพลังฝีมือของเจ้า คิดเอาชนะพวกมันคงไม่ใช่เรื่องยาก”

“อย่างไรก็ตามหากพวกมันขอร่วมมือกันกลุ้มรุมเจ้าล่ะก็ เจ้าอย่าได้ตอบรับพวกมันเด็ดขาด…เพราะถึงตอนนั้นต่อให้เจ้าไม่สู้ก็ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ ยังจะมีแต่คนว่าพวกมันว่าสู้ตัวๆไม่ได้จำต้องกลุ้มรุม”

วาจาท้ายประโยคของกัวลู่ย้ำเตือนอีกครั้ง

หลังได้ยินกัวลู่เล่าเรื่องพี่น้องสกุลลั่วแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกรังเกียจพวกมันทันที

หากพวกมันมาท้าประลองเพราะอยากขัดเกลายกระดับฝีมือก็ไม่นับเป็นอะไร เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติของชาวยุทธ์ที่แสวงหาความแข็งแกร่ง

ทว่าพี่น้องสกุลลั่วกลับมาท้าประลองผู้ที่เคยพ่ายแพ้พวกมันไปแล้วอย่างกัวลู่ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งยังท้าทายกัวลู่ต่อหน้าผู้คน หมายทุบตีรังแกให้กัวลู่อับอายขายหน้า…

ในสายตาของเขาความคิดของพี่น้องสกุลลั่วเข้าขั้น ‘วิปริต’ ยังทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนนัก

“มีเพียงอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์อย่างต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับแม่นางหวาง!”

ผู้คนเข้ามารุมล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากศิษย์วังนภาแล้ว ยังมีศิษย์ของวังปฐพี วังลี้ลับ และวังเหลือง ต่างกรูกันเข้ามามุงล้อมมากมาย

บุรุษต่างมองต้วนหลิงเทียนด้วยความอิจฉา ส่วนสตรีก็มองหวางเฟยเซวียนด้วยความอิจฉาเช่นกัน

เรียกว่าต้วนหลิงเทียนดึงดูดอิสตรี ส่วนหวางเฟยเซวียนก็ดึงดูดบุรุษ!

“ศิษย์น้องหลิงเทียน อย่าถือว่าข้าสอดรู้สอดเห็นเลย แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนล้วนอยากรู้อยากเห็นกันนัก! ว่าหลังจากที่เจ้าออกมาจากสระวิญญาณ เจ้าได้ทะลวงผ่านไปถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วหรือไม่?”

ไม่นานก็มีศิษย์วัยกลางคนผู้หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาตรงๆ

ด้วยมีมันเปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามออกมาแบบนี้ ทำให้ทุกสายตาหันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที ต่างรอฟังคำตอบทั้งสิ้น

กระทั่งหวางเฟยเซวียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อ 3 วันก่อน แม้หวางเฟยเซวียนจะเคยถามต้วนหลิงเทียนไปทีนึงแล้ว ว่าใช่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วหรือไม่…แต่เขาดันยิ้มตอบไม่พูดไม่จา!

ถึงแม้นางแทบจะยืนยันได้เต็มสิบส่วนว่าต้วนหลิงเทียนสมควรบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่ตอนนี้นางยังอยากได้ยินคำตอบ ‘ยืนยัน’ จากปากของเจ้าตัว!

เผชิญหน้ากับคำถามทั้งสายตาอยากรู้ของผู้คนโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบแต่กล่าวถามออกมาเสียงเรียบแทน “เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ?”

เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ?

ไม่คิดใครคิดคาดว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวตอบออกมาแบบนี้ ทำให้หลายคนลอบกล่าวกันเบาๆทันที “ดูท่าหลิงเทียนยังไม่ได้ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…หาไม่แล้วคงไม่ต้องพูดจาวกวนแบบนี้”

“เหอะ! แสร้งแสดงลึกลับ!!”

ในขณะที่บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเงียบลง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

หลังจากนั้นปรากฏร่างสูงสองร่างเดินแหวกฝ่าฝูงชนออกมาจนอยู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียน

พวกมันทั้งสองเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีขาว หว่างคิ้วแต่ละคนมีไฝเม็ดเขื่องแปะอยู่

“นี่คือคู่พี่น้องสกุลลั่ว และที่พูดเมื่อครู่เป็นคนน้องเรียกว่าลั่วเหอ!”

ตอนนี้เองเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดของกัวลู่พลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน บอกฐานะของอีกฝ่ายทันที

พี่น้องสกุลลั่ว ลั่วเหอ!

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ก่อนที่จะหันไปมองทั้งคู่ทันที ในแววตาที่อีกฝ่ายมองมายังเต็มไปด้วยความไม่ลงรอยคล้ายเห็นเขาเป็นศัตรู

หากไม่ได้กัวลู่กล่าวเตือนไว้ก่อน เขาคงไม่รู้ว่าไฉนทั้งคู่ถึงเห็นเขาเป็นศัตรูแบบนี้ทั้งๆที่พึ่งเจอหน้ากันครั้งแรก…

อย่างไรก็ตามเพราะมีกัวลู่กล่าวเตือนไว้แล้ว เขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไร

“นั่นพี่น้องสกุลลั่วนี่!”

“ไฉนสีหน้าท่าทางที่พี่น้องสกุลลั่วมีต่อหลิงเทียนกลับเป็นเช่นนั้นเล่า? หรือพวกมันเคยมีเรื่องบาดหมางกันกับหลิงเทียนมาก่อน?”

“ข้าพเจ้าไม่ทราบ”

“จากที่เห็น หากบอกว่ามิเคยบาดหมางกันข้าพเจ้าไม่เชื่อ…”

……

เมื่อเห็นทีท่าเป็นปรปักษ์อย่างแรงกล้าที่พี่น้องสกุลลั่วมีต่อต้วนหลิงเทียน ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบอดไม่ได้ที่จะเผยแววตาลุกวาว จับจ้องมองชมเรื่องราวอย่างวาดหวัง!

“แสร้งแสดงลึกลับ? ลั่วเหอที่เจ้ากล่าวหมายความว่าอะไร?”

กัวลู่ที่ยืนข้างๆต้วนหลิงเทียน มองลั่วเหอตาขวางกล่าวถามออกไปเสียงเข้ม

“ก็มิใช่มันพยายามเสแสร้งทำตัวลึกลับอยู่รึไง?”

ลั่วเหอหัวเราะกล่าว “หากมันทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ ไหนเลยจะไม่ยอมรับออกมาดีๆ? ในสายตาข้าต่อให้มันใช้สระวิญญาณมาก็ไม่แน่ว่ามันจะทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้…เพราะเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมิใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุ!!”

“อะไรกันกัวลู่…นี่เจ้าคิดถือหางมันหรือ?!”

ลั่วชานพลันมองกัวลู่ด้วยสายตาเย้ยเยาะ “มันเป็นแค่ศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมวังนภาแท้ๆ แต่เจ้ากลับเข้าข้างมันราวสุนัขรับใช้…”

กัวลู่ไม่คิดเลยว่าลั่วชานจะปากร้ายดั่งลิ้นมีพิษเช่นนี้ ใบหน้ามันขึ้นสีด้วยโทสะทันที “เหลวไหล พวกเจ้ามันก็แค่ตัวโง่งมไม่รู้อะไร!”

“ข้าเป็นตัวโง่งม?”

ความเย้ยหยันบนใบหน้าลั่วชานยิ่งมายิ่งมาก “หากเจ้าเห็นข้าเป็นตัวโง่งมกล่าวเหลวไหลจริง ไฉนเจ้าถึงได้ร้อนตัวออกมาแทนมันเช่นนี้เล่า?”

“เขาเป็นสหายข้า!”

กัวลู่กล่าวออกเสียงเข้ม

“สหาย? น่าขันนัก!!”

ลั่วชานแค่นคำด้วยรังเกียจ มุมปากเผยรอยยิ้มหยามหยัน สายตามองเหยียด “เท่าที่ข้ารู้เจ้าเคยเจอมันก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ประมือกันครั้งแรกเจ้ายังทำได้แค่เสมอ…วันนี้พอเจอหน้ามันเป็นครั้งที่สองเจ้ากลับเรียกหามันเช่นนี้…อย่าบอกข้าเชียวว่าเจ้าเห็นมันเป็นสหายแล้ว?”

“แล้วจะอย่างไร?!”

กัวลี่กล่าวออกเสียงเย็น

ในขณะที่ลั่วชานเปิดปากคล้ายจะกล่าววาจาใดสืบต่อ เสียง ‘ปับ’ พลันดังขึ้นเบาๆ เป็นต้วนหลิงเทียนตบบ่ากัวลู่ “ศิษย์พี่กัวลู่ บางคนนั้นสันดารถ่อยจึงไร้ผู้ใดคบค้าสมาคมนับประสาอะไรกับยึดถือเป็นสหาย…ท่านกล่าววาจาเรื่องนี้กับคนที่ไม่มีผู้ใดคบเช่นนั้น…ยังต่างใดกับดีดพิณให้วัวฟัง?”

ดินพิณให้วัวฟัง!

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา ทุกสายตาโดยรอบพลันหันไปมองลั่วชานแปลกๆทันที

ในวังนภาของตำหนักฟ้าลี้ลับ พี่น้องสกุลลั่วนับว่าถือดีและหยิ่งยโสเกินไปจริงๆ พวกมันจึงไม่มีผูใดคบหาเป็นสหายเลย และต่อให้เคยมีผู้ที่เรียกหาว่าสหาย แต่นั่นก็เป็นแค่วาจาลมปากเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น!

ดังนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องนี้ออกมา จึงไม่ต่างใดกับจี้เข็มลงจุดอ่อน พาลให้ใบหน้าของสองพี่น้องสกุลลั่วจมลงโดยพลัน

“ประเสริฐ! ดีดพิณให้วัวฟังอันประเสริญ!! ฮ่าๆๆๆ! วาจาเปรียบเปรยนี้ช่างเหมาะเจาะนัก!!”

ผู้ชมมากมายระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจออกมา

คนเหล่านี้ไม่มีใครกริ่งเกรงพี่น้องสกุลลั่ว บ้างก็เป็นคนจากตำหนักหลัก

“ศิษย์น้องหลิงเทียนกล่าวถูกแล้ว เป็นข้าตีค่าพวกมันสูงเกินไป…”

กัวลู่ที่ได้ยินคำอุปมาของต้วนหลิงเทียน มุมปากยังอดไม่ได้ที่จะกระตุกตงิดๆ คล้ายพยายามกลั้นขำสุดชีวิต ขณะเดียวกันก็ชักสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้ากล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม…ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“หลิงเทียน! ทุกคนเพียงกล่าวว่าเจ้ามากพรสวรรค์ทั้งพลังฝีมือร้ายกาจ…แต่ไม่คิดเลยว่าฝีปากเจ้าจักร้ายกาจเช่นกัน! เจ้าในฐานะอัจฉริยะที่ถูกยอมรับว่าร้ายกาจที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์..หาญกล้าประมือกับข้าหรือไม่!?”

ลั่วเหอที่สีหน้าถทึงทึงก้าวออกมาประจัญหน้ากับต้วนหลิงเทียน ค่อยเชิดหน้ากล่าวท้าต้วนหลิงเทียนออกมาตาขวาง

โอ้ว!!

แม้จะคาดเดากันไว้แล้วว่ามิวายมีเรื่องกันแน่ แต่พอได้เห็นเรื่องราวเป็นไปตามคาด ผู้คนโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นสนุกสนานขึ้นมา!

ลั่วเหอท้าประลองหลิงเทียน!

พลังฝีมือลั่วเหอนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับศิษย์วังนภาแต่อย่างไร

ลั่วเหอนั้นเป็นเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ พลังฝีมือของมันนับเป็นอันดับ 2 ของบรรดายอดฝีมือขอบเขตพลังนี้ เรียกว่าเป็นรองก็แต่ลั่วชาน พี่ชายฝาแฝดของมันเท่านั้น!

ในฐานะที่มันเป็นศิษย์เก่าวังนภา ย่อมได้รับการยอมรับจากผู้คนอย่างกว้างขวาง

เพราะแม้จะว่ายตามองทั่วทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับ ในบรรดายอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ลั่วเหอก็สามารถติด 1 ใน 5 ได้อย่างง่ายดาย!

ไม่เหมือนกันกับลั่วเหอ หลิงเทียนนั้นเป็นศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเวลาแค่ไม่นานแต่ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นที่รู้จักของผู้คนมากกว่าลั่วเหอ! ชื่อเสียงยังโด่งดังมากกว่าลั่วเหอเสียอีก!!

ในวังนภาบางทีทุกคนอาจจะรู้จักลั่วเหอและหลิงเทียน แต่ถ้านับกันทั้งตำหนักฟ้าลี้ลับล่ะก็…กลับเป็นนาม หลิงเทียน ที่มีผู้คนรู้จักมากกว่า! เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์อันดับ 1 ในตำหนักฟ้าลี้ลับ กระทั่งบางคนยังเริ่มกล่าวกันว่าจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับยังคิดรับหลิงเทียนเป็นศิษย์!!

ทว่าตอนนี้ ลั่วเหอ กำลังท้าทายหลิงเทียน!

“เจ้าลั่วเหอนี่…มันไม่กลัวว่าหลิงเทียนจะบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วจริงๆบ้างหรือ?”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าสบตากระซิบกระซาบกัน

“อย่างที่ลั่วเหอมันบอก จากวาจาตอบคำของหลิงเทียนก่อนหน้า…ดูเหมือนว่าหลิงเทียนจะยังมิได้บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…เพราะเหตุนี้มันจึงกล้าที่จะท้าหลิงเทียน!”

หลายคนเริ่มกระซิบกล่าวสนทนากันจนเสียงดังระงม