ตอนที่ 409 ไปขายบาร์บีคิวที่ตลาดมืด!

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 409 ไปขายบาร์บีคิวที่ตลาดมืด!

ตอนที่ 409 ไปขายบาร์บีคิวที่ตลาดมืด!

หากสามารถเปิดร้านอาหารที่นี่ได้ หึหึ ไม่ต้องพูดเลย! สวี่หลิงอวิ๋นจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่!

พอลลี่ผู้นี้ใจกว้างจริงงั้นเหรอ?!

ไม่ใช่! เขาก็แค่มีเงื่อนไข!

นั่นคือสวี่หลิงอวิ๋นจะต้องจัดหาอาหารทั้งสามมื้อให้แก่ครอบครัวของเขาโดยไม่คิดเงิน ปริมาณไม่ต้องมากนัก แต่จะต้องมีเมนูอาหารอย่างน้อยสิบอย่างในแต่ละมื้อ!

เงื่อนไขนี้จะได้รับอะไรบ้าง? นอกจากเหรียญทองอินทนิลสามสิบเหรียญต่อเดือนแล้ว อาหารทั้งสิบเมนูนี้จะสามารถทำเงินจำนวนมหาศาลให้กับโรงแรมไห่เว่ย เฮงซวยจริง ๆ!

ถึงอย่างนั้น ก็แค่ทำมัน!

ในขณะเดียวกัน ชิงเย่ต้องการไปที่ตลาดมืด เนื่องจากลูกกาน่าที่เขาจับมาจะต้องนำไปขายและแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา เพราะยังไงก็ต้องจ่ายค่ากู้ยืมใช่ไหมล่ะ?

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกมีพลังขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่าตลาดมืด “ไปไป! ฉันไม่เคยไปตลาดมืดมาก่อนเลย!”

“ไปตลาดมืดแล้วท่านจะขายอะไร?” ชิงเย่ถาม “ถ้าท่านจะไปขายของในตลาดมืดก็ได้ เพราะมันไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ของที่ถูกขายออกไปจะถูกเรียกเก็บหนึ่งเปอร์เซ็นต์”

“และถ้าท่านจะไม่ขายอะไรเลย ท่านจะต้องจ่ายหนึ่งเหรียญจักรกรินเมื่อเดินผ่านทางเข้าประตู!”

“อะไรนะ?! หนึ่งเหรียญจักรกริน? นี่ไม่เหมือนกับปล้นกันไปหน่อยเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนขี้เหนียวและรู้จักวิธีคำนวณ เธอจะปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

“โอเค แล้วถ้าฉันขายของไม่ได้ล่ะ?”

“ถ้าขายไม่ได้ ผู้ตรวจตราตลาดมืดก็จะประเมินของของท่าน และซื้อสินค้าของท่านไป แต่ถ้าของชิ้นนั้นมันแย่มากจริง ๆ ท่านก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งเหรียญจักรกริน”

บัดซบ!

สวี่หลิงอวิ๋นมีทรัพย์สมบัติอะไรบ้าง? นอกจากอาหารแล้วก็มีแค่เครื่องจักรของตัวเองเท่านั้น จะเอามันไปขายไม่ได้ มันสามารถทำอาหารได้ และยังแปลงร่างเป็นหม้อได้อีก จะขายได้อย่างไร?

“ตั้งแผงลอยขายได้ไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นถามออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก “ขายบาร์บีคิวได้ไหม?”

เอ่อ…ชิงเย่ไม่รู้ ไม่เคยมีใครขายอาหารในตลาดมืดมาก่อน!

“ก็แล้วทำไมไม่ลองทำดูล่ะ?” ชิงเย่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นและพูดติดตลกว่า “ยังไงอาหารที่ท่านทำก็อร่อยอยู่แล้ว บางทีผู้ตรวจตราอาจสะดุดเข้ากับกลิ่นอาหารของท่าน แล้วปฏิบัติต่อท่านเหมือนแขกพิเศษก็ได้นะ”

ในเมื่อเธอบอกว่าจะทำ สวี่หลิงอวิ๋นก็สร้างรถเข็นขนาดเล็กขึ้นมา แน่นอนว่าโอคาซีกับชิงเย่ทำงานด้านเทคนิคร่วมกัน

สวี่หลิงอวิ๋นมีหน้าที่หมักเนื้อและเสียบเนื้อ

“โอ๊ย ทำงานมาทั้งวันเลย หิวมาก!” ดวงตาของชิงเย่เหลือบมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น

เสี่ยวอ้ายที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็จับจ้องไปที่โทรทัศน์และพ่นถ้อยคำรุนแรงใส่เขา “โฮ่ง! นายไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้นายดูไม่เหมือนเอลฟ์แล้วด้วยซ้ำ ยังจะกล้ากินอีกเหรอ? ถ้ากล้านักก็ใส่เสื้อผ้าที่มันรัดติ้วกว่านี้สิ จะได้รู้ตัวสักทีว่าพุงนายมันยื่นออกมาจนเหมือนคนตั้งครรภ์แล้ว!”

ชิงเย่รู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย แต่เขากลับไม่กล้าก่นด่าเสียงดังเมื่อมองดูลูกพี่เสี่ยวอ้าย จึงทำได้เพียงแค่บ่นเบา ๆ

“พูดเกินจริงไปแล้ว ก็แค่น้ำหนักขึ้นนิดหน่อย และมีพุงน้อย ๆ โผล่มาแค่นั้นเอง!”

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและหันไปมองชิงเย่ ต้องบอกว่าชาวเอลฟ์ได้รับพรวิเศษมาจริง ๆ ต่อให้พวกเขาจะอ้วนสักแค่ไหน แต่เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ พวกเขาก็ดูไม่อ้วน

ตกกลางคืน สวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี และชิงเย่พากันใส่เสื้อคลุมสีดำ ขณะที่ขนของเสี่ยวอ้ายก็ถูกย้อมเป็นสีดำ

ตลาดมืดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง แต่เมื่อมองดูผู้คนที่ไหลมาเทมาแล้ว ธุรกิจข้างในนี้น่าจะค่อนข้างค้าขายได้ดี แม้จะบอกว่าเป็นตลาดมืด แต่สวี่หลิงอวิ๋นกลับรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงกับตลาดธรรมดาทั่วไป เพียงแต่จัดตั้งในตอนกลางคืนเท่านั้น

ทันทีที่เดินไปถึงหน้าประตู ทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่ชิงเย่พูด เมื่อเห็นว่าสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีมาด้วยมือเปล่า คนเหล่านั้นก็จ้องจะเรียกเก็บหนึ่งเหรียญจักรกรินกับพวกเขา

“ใครบอกว่าฉันไม่มีของมาขาย?” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบรถเข็นออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ “ดูซะ นี่คือของที่ฉันเอามาขาย!”

“นี่อะไร? มันคือของอะไร?” ลุงเขามังกรที่ทำหน้าที่เก็บเงินตรงทางเข้าประตูมองดูด้วยความตกตะลึง

“คุณไม่รู้จักหรอก! รอจนกว่าเราจะได้เข้าไปแล้วคุณจะได้รู้แน่ ฉันรับประกันได้เลยว่ามันจะเป็นที่นิยมที่สุดในตลาดมืดของคุณ และเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!”

สวี่หลิงอวิ๋นตบหน้าอกและคุยโอ้อวด

ลุงเขามังกรยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะปล่อยพวกเขาเข้าไป อย่างไรเสียถ้าพวกเขาขายไม่ได้ พวกเขาก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี!

ตลาดมืดแห่งนี้เป็นเหมือนกับตลาดนัดมากกว่า

ผู้คนที่มาขายของจะจัดเตรียมแผงลอยมาด้วยตัวเอง จากนั้นจึงจัดวางของในแผงลอย รอคอยให้ผู้คนเข้ามาซื้อ

สวี่หลิงอวิ๋นค้นพบพื้นที่ว่างและเข็นรถเข็นเข้าไปตั้ง

“เอาตรงนี้แล้วกัน!” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบของออกมา ส่วนโอคาซีช่วยเธอจัดให้เป็นระเบียบ

ในขณะที่เสี่ยวอ้ายนอนเบื่อหน่ายอยู่ข้างหลังสวี่หลิงอวิ๋น

สำหรับชิงเย่ เขาวางลูกกาน่าที่เก็บรวบรวมมาไว้บนแผงลอยที่ตั้งอยู่ด้านข้างร้านของสวี่หลิงอวิ๋น

สวี่หลิงอวิ๋นจุดไฟ จากนั้นจึงวางเนื้อเสียบไม้ไว้บนกองไฟ ก่อนจะลงมือย่างเนื้อ และโรยผงยี่หร่า น้ำมันพริก เกลือ และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ลงไป

ในไม่ช้ากลิ่นหอมเข้มข้นก็ลอยฟุ้งกระจายไปทั่วตลาดมืด มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มีจมูกที่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง! จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เริ่มได้กลิ่นหอมโชยมา และอดไม่ได้ที่จะค้นหาที่มาของกลิ่นนี้

เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีคนสองคนในชุดคลุมที่กำลังตั้งแผงลอยอยู่ พวกเขาก็มองดูเนื้อบนแผงลอยด้วยน้ำลายที่ไหลเยิ้ม

“อันนี้ขายไหมครับ?” ชายตัวเตี้ยหัวโตในชุดคลุมเอ่ยถาม

“ขายค่ะ หนึ่งเหรียญจักรกรินได้สิบไม้” สวี่หลิงอวิ๋นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ต้องการรับสักสิบไม้ไหมคะ?”

“สิบไม้? ไม่ไม่ไม่ เอามาเลยร้อยไม้!” ชายตัวเตี้ยหัวโตในชุดคลุมพูดออกมาอย่างใจกล้า

“ถ้าเกิดอร่อย เอาไว้ผมจะแวะมาซื้อที่ร้านของคุณอีก”

“ได้ค่า กลับมาซื้อเยอะ ๆ เลยนะคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเอาบาร์บีคิวส่งให้เขา พลางยิ้มหวาน “ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ ร้อยเหรียญจักรกรินค่ะ”

ชายตัวเตี้ยหัวโตในชุดคลุมหยิบบาร์บีคิวขึ้นมา ก่อนจะเอาเข้าไปในปากและเริ่มเคี้ยวทันที

“อื้ม!” ชายร่างเตี้ยกินและรีบเดินจากไป

“แล้วรสชาติล่ะ?”

“อร่อยหรือเปล่า?”

“ทำไมไม่พูดหรือบอกอะไรเราสักคำ?”

ผู้คนที่แวะเวียนมาที่นี่ยังไม่ร่ำรวยมากนัก จึงมีความรอบคอบอยู่มาก อีกทั้งยังมีนักต้มตุ๋นอยู่ในสหภาพห้วงดวงดาวแห่งนี้ หลายคนจงใจพูดปดปลอมแปลงรสชาติเพื่อคดโกง

“รสชาติก็งั้น ๆ แหละ!” ชายตัวเตี้ยหัวโตในชุดคลุมพูดขึ้น และเดินเข้าไปหาสวี่หลิงอวิ๋น “รสชาติไม่เห็นจะอร่อยเลย เหมือนคุณจะมาขายที่นี่ครั้งแรกนะ ผมจะช่วยดูแลกิจการของคุณให้แล้วกัน เอาบาร์บีคิวทั้งหมดนี้มา!”

สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเขาด้วยความรังเกียจ ไม่อร่อยแล้วจะมาเอาไปทั้งหมดทำไม?

“ถ้าคิดว่ามันไม่อร่อยก็อย่าซื้อเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันจะขายไม่ออกสักหน่อย” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือไล่และพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “คุณไปช่วยดูแลกิจการของคนอื่นเถอะค่ะ!”

ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกมาเช่นนั้น ร่างกายของชายตัวเตี้ยหัวโตในชุดคลุมก็แข็งทื่อ

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถือได้โง่เขลานัก?