“นายช่วย…พูดอะไรหน่อยสิ”

ในที่สุดสการ์เล็ตก็พูดออกมาเนื่องจากไม่สามารถรับมือกับความเงียบระหว่างเราได้ 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมจึงหันกลับไปมองเธอ ใบหน้าของเธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าที่ผมสวมอยู่ผสมปนเปกับชายที่พังทลายและดวงตาแห่งความมืด

“ตอนที่ฉันบอกเธอว่าเริ่มชอบมาร์ลีนแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าครู่หนึ่งเธอได้แสดงให้ฉันเห็นชีวิตคล้ายกับฉัน บางทีคงเพราะฉันเข้าใจความรู้สึกที่เธอได้รับ…” 

ผมพูดพร้อมหายใจเข้าลึกๆ พยายามดิ้นรน เพื่อรักษาตัวเองในขณะที่พูดต่อ

“ในตอนที่เธอโกรธฉัน มันทำให้ฉันหัวใจสลาย การซ่อนส่วนนี้ของตัวเองไว้มันทำให้ฉันเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพื่อไม่ให้เธอเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฉันเลยซ่อนมันไว้ แต่ส่วนหนึ่งของฉันก็ยังหวังที่จะได้รับ ความรักที่ฉันปฏิเสธไปอย่างสุดซึ้ง แต่ตอนนี้…”

เมื่อผมหยุดพูด ใบหน้าของสการ์เล็ตก็ซีดลง อารมณ์ที่ซับซ้อนต่างๆ ไหลผ่านดวงตาของเธอ ในตอนนี้แววตาของเธอดูเหมือนคนที่ล้มเหลวและกำลังแตกสลาย ในตอนนั้นเองที่ผมพูดต่อ

“ตอนนี้ฉันต้องการพักก่อน สการ์เล็ต ฉันต้องใช้เวลาสำหรับตัวเอง ฉันต้องคิดถึงการตัดสินใจบางอย่างในอดีต และละทิ้งความหวังที่หลอกหลอนไป…”

“แต่…แต่นายบอกว่านาย…ชอบฉัน” 

สการ์เล็ตพึมพำด้วยความสิ้นหวัง คำพูดที่เหมือนแผ่นเสียงตกร่องของเธอก้องกังวานไปทั่ว

“นายบอกว่าจะแนะนำฉันให้รู้จักกับครอบครัวของนาย…”

คำพูดของเธอล่องลอยอยู่ในอากาศขณะที่บรรยากาศเริ่มอึดอัดด้วยมานาและพลังงานจำนวนมหาศาลที่ทำให้หายใจไม่ออก ผมไม่สะดุ้งขณะจับมือของสการ์เล็ตเพื่อบังคับให้เธอมองมาที่ตัวเองแล้วพูด

“ฉันไม่อยากปล่อยเธอไปสการ์เล็ต แต่มีหลายอย่างที่ฉันต้องทำตอนนี้และหลายอย่างที่ฉันจำเป็นต้องแก้ไข ฉันชอบเธอและมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ฉันจะไม่เลิกกับเธอ เพียงแต่ข้อเท็จจริงบางอย่างทำให้ฉันเชื่อว่ามีสิ่งที่ฉันต้องจัดการ”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม ดวงตาของสการ์เล็ตที่สั่นเทาอยู่ก็หยุดลง ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ที่เยือกเย็น แต่รอยยิ้มอันน่าทึ่งนั้นขัดแย้งกับความเย็นชาในดวงตาของเธอขณะที่เธอพูดและเงยหน้าขึ้น

“นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนอื่นจะมาหานายหรอกเหรอ? นายคือคนรักของฉัน คนที่ฉันรักทั้งตอนนี้และตลอดไป ไม่มีใครคู่ควรที่จะได้อยู่กับนายนอกจากฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจเอง”

ขณะที่คำพูดของเธอจางลง เธอก็ก้าวมาข้างหน้าและจูบริมฝีปากของผมด้วยความเพลิดเพลินในขณะที่เธอเลียริมฝีปากของตัวเอง

“ดูเหมือนว่าจะต้องลงมือแล้ว…” 

เธอพึมพำด้วยเสียงบ้าคลั่งก่อนที่จะหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ทิ้งผมให้อยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสิ้นหวัง ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองหลุดบทเลยแม้แต่ชั่วขณะขณะที่ผมยังคงนั่งเงียบๆ

‘อุปนิสัยและความปรารถนาที่แท้จริงของเธอกำลังจะเผยออกมาแล้ว’

ผมครุ่นคิดขณะนึกถึงใบหน้าสุดท้ายของสการ์เล็ตก่อนที่เธอจะหายไป ดวงตาสีแดงคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าตอนที่เธอเลียริมฝีปากของตัวเอง การผสมผสานระหว่างความเซ็กซี่, ความบ้าคลั่งและการแสดงความเป็นเจ้าของ ลักษณะที่แท้จริงของสการ์เล็ตที่ควรแสดงออกมาในเกม นี่คือตัวละครที่ผมคุ้นเคยและเป็นตัวละครที่ผมต้องพิชิตให้ได้

แต่ดูเหมือนว่าเพราะผมชนะใจเธอตั้งแต่เนิ่นๆ เธอเลยซ่อนนิสัยและพฤติกรรมที่แท้จริงของตัวเองไว้และพยายามทำให้ผมหลงเสน่ห์ของเธอ แม้ว่าแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็ส่งผลย้อนกลับกับแผนการที่ผมสร้างขึ้นเท่านั้น เพื่อให้ทุกอย่างมาถึงจุดจบที่สมบูรณ์แบบ ผมต้องการให้ผู้หญิงขี้หึงของผมทุกคนแสดงความเป็นเจ้าของผมมากกว่านี้

สิ่งที่ผมต้องการให้เกิดขึ้นนั้นฟังดูบ้าบอมาก ผมถอนหายใจอีกครั้งและลุกขึ้นยืนจากจุดที่นั่งอยู่ ใบหน้าของผมกลับไปเป็นสีหน้าสงบตามปกติขณะเดินออกจากอาคารไป โดยยังคงการปลอมตัวขณะที่เดินไปยังอาคารหลัก เมื่อไปถึงที่นั่นผมก็เข้าไปในห้องประชุมและมองดูทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ข้างใน

“ดีใจที่เห็นว่าทุกคนสบายดีนะ” 

ผมพูด

“แน่นอน! ข้าหลับมาเต็มอิ่มเลยครับ…” 

เจค็อบพูดแล้วผมก็พยักหน้า

“ร่างกายนายเป็นยังไงบ้าง?” 

ผมถามอเล็กซ์ขณะนั่งลงที่หัวโต๊ะ

“ฉันสบายดี ดีขึ้นมากแล้วแหละ” 

อเล็กซ์ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ผมยอมรับมันในขณะที่ยิ้มให้พวกเขาที่เหลือและพูดต่อ

“สิ่งแรกที่ฉันต้องการจะหารือคือการเริ่มรับสมัครสมาชิกอีกครั้ง ฉันต้องการกองกำลังเข้าร่วมฝ่ายของเรามากกว่านี้”

ขณะที่ผมพูดอยู่ก็มองไปยังอเล็กซ์ซึ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับมา 

“เป็นเรื่องง่ายมากถ้าอิงจากชื่อเสียงของพวกเราในตอนนี้ มันจะดีกว่าเมื่อก่อน”

“ดี” 

ผมตอบ จากนั้นก็หันไปมองซานะและรินะ

“สิ่งต่อไปคือ ฉันต้องการเริ่มโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุมสำหรับสมาชิกฝ่ายต่อสู้ของกลุ่มของเรา ฉันต้องการสร้างการทำงานร่วมกันมากขึ้นระหว่างพวกเขา”

“เข้าใจแล้ว/ค่ะ” 

ทั้งรินะและซานะตอบพร้อมกัน 

เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็มุ่งความสนใจไปที่เอ็มม่า

“พวกน้อนๆ เป็นยังไงบ้าง?” (หมายถึงสัตว์อสูรที่เอ็มม่าเทมไว้นะครับ)

“พวกเขาจะพร้อมออกเดินทางก่อนเส้นตายค่ะ!” 

เธอตอบด้วยเสียงน่ารัก ซึ่งได้รับการพยักหน้าตอบกลับจากผม จากนั้นผมก็หันกลับไปหามาร์คและถามขึ้นมา 

“มีอะไรรึเปล่า?”

“ตระกูลของเราเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาโวยวายเพื่อพาเรากลับไป” 

มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่ผมยังคงสัมผัสได้ถึงประกายแห่งความแค้นในคำพูดของเขาได้ คำพูดของเขาทำลายอารมณ์ของเอ็มม่าซึ่งมีสีหน้าบูดบึ้งเมื่อเอ่ยถึง ‘ตระกูล’ ของเธอ

“ตระกูลเกิร์ลรอล…สินะ” 

ผมพูดพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้า 

เมื่อมองไปที่ทั้งมาร์คและเอ็มม่า ผมก็พูดต่อ

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะตอบกลับพวกเขาแบบไลออนฮาร์ทเอง”

“อืม…”

“หนูเชื่อใจคุณค่ะ ฮีโร่ของหนู!” 

ทั้งมาร์คและเอ็มม่าตอบเพื่อจบเรื่องนั้นไป 

ผมมุ่งความสนใจไปที่เจค็อบ

“ส่งเสียงดังหน่อยแล้วกัน” 

ผมพูดขึ้นมา ซึ่งนำรอยยิ้มเหมือนคนป่าเถื่อนมาสู่ใบหน้าของเจค็อบ แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความกระตือรือร้นในการต่อสู้ขณะที่เขาตอบกลับมา 

“ข้ากำลังรอที่จะทดสอบของขวัญที่พึ่งได้มาใหม่อยู่พอดีเลย! แล้วข้าควรจะส่งเสียงดังขนาดไหนดีงั้นเหรอครับ?”

“เพียงพอที่จะนำฉลามที่ซ่อนอยู่ออกมาได้” 

ผมตอบ ทำให้อเล็กซ์มองด้วยความสงสัย

“สมมติว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในการจัดอันดับพลังในสถาบันบาบิโลน พวกที่ซ่อนอยู่จะเคลื่อนไหวในไม่ช้า และฉันอยากให้พวกนายทุกคนส่งเสียงดังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม พวกเขาทั้งหมดก็พยักหน้ายอมรับทุกอย่างที่ผมพูดไป 

“แล้วการทดลองเป็นยังไงบ้าง?” 

ผมถามต่อขณะที่หันไปหาโซร่า

“น่าจะเสร็จเร็วๆ นี้แหละ” 

เธอตอบ

“เยี่ยม เสร็จแล้วบอกฉันด้วยนะ” 

ผมพูดพร้อมพยักหน้าให้เธอ นั่นนำผมไปสู่มิกะและริกะ

“เพลท(plate)ของพวกเธอเป็นยังไงบ้าง?”

“เรากำลังปรับตัวกันอยู่” 

มิกะกล่าว

“มันยากนิดหน่อยหน่ะค่ะ” 

ริกะกล่าวเสริม 

ผมยิ้มให้กับคำตอบของพวกเธอและตอบ

“ใช้เวลาได้เต็มที่เลยและเอาไว้แจ้งให้ฉันรู้ในตอนที่พวกเธอทั้งคู่พร้อมแล้วกัน”

คำตอบของผมทำให้ได้รับรอยยิ้มหวานจากทั้งสองคนในขณะที่ผมพูดคุยเรื่องอื่นๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ต่อไป เปิดโอกาสให้ทุกคนได้นำเสนอหน้าที่ของตนเอง การสนทนาดำเนินไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นผมก็ออกจากการประชุม

เมื่อเดินออกจากห้องประชุมแล้วผมก็มาถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งในคฤหาสน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีแสงสว่างเพียงพอ ซึ่งผมพบเอลด้าที่กำลังนั่งอยู่อย่างมีความสุขที่ขอบแม่น้ำ โดยที่ขาของเธอห้อยลงไปในน้ำ เธอดูเหมือนผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ และหัวใจของผมก็อบอุ่นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาของเธอ ทำให้ผมเดินไปหาและนั่งข้างเธอพร้อมกับขาของผมที่หย่นลงไปในทะเลสาบ

เธอยิ้มให้ผมก่อนจะซบไหล่ และเราก็เพลิดเพลินไปกับความเงียบสักพักก่อนที่เธอจะถามขึ้นมา

“นี่คือเดทงั้นเหรอคะ?”

“จะว่ายังไงถ้าเรามาเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้ซักพักดีหล่ะ?” 

ผมตอบกลับ

“ด้วยความยินดีค่ะ” 

เธอกล่าว แล้วเราทั้งสองก็นั่งอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่งอย่างเพลิดเพลินใจไปกับความสงบ

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต