บทที่ 395 จื่อซีเครื่องประทินโฉมของเจ้าเลอะแล้ว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 395 จื่อซีเครื่องประทินโฉมของเจ้าเลอะแล้ว

จื่อซีและจื่อเฟิงรู้สึกถึงความผิดปกติของนาง จึงรีบหันไปมองยังทิศทางที่สายตาของจ้องไป สังเกตอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่พบความผิดแปลกอะไร

จื่อซีหันไปถามโดยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“คุณหนูท่านเป็นอะไรไป?มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ?”

“เมื่อสักครู่นี้พวกเจ้าเห็นคนอยู่ตรงนั้นหรือไม่?”

หลานเยาเยาไม่มั่นใจกับเงาที่ได้เห็นเมื่อสักครู่นี้ เพราะมันเป็นเพียงภาพที่แวบผ่านไป ซึ่งเห็นมันจากแสงภายนอกอีกต่างหาก

“ไม่เห็นขอรับ!”

หลังจากที่จื่อซีตอบกลับไป เขาก็ได้หันกลับไปมองยังต้นไม้โบราณอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งสำรวจไปยังบริเวณโดยรอบ แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ

แม้แต่จื่อเฟิงเองก็ได้แต่ส่ายหย้าอย่างสงสัย

เขาเองก็ไม่เห็นความผิดปกติอันใด

“จื่อซี เจ้าเข้าไปในคุกมืดกับข้า จื่อเฟิงเจ้าไปให้คนในตำหนักเพิ่มการคุ้มกันให้มากขึ้น และคืนนี้ให้เฝ้าระวังห้องของเหล่าตาเฒ่าและเย็นหงเอาไว้ พอฟ้าสาง เจ้าค่อยไปพักผ่อน”

จู่ๆนางก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา ราวกับว่าค่ำคืนนี้จะต้องมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

“รับทราบ!”จื่อเฟิงรับคำสั่งแล้วก็จากไป

ทันใดนั้นจื่อซีก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูกเกี่ยวกับท่าทางที่ตื่นตัวของหลานเยาเยา

คุณหนูไม่เคยที่จะประหม่าเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางระมัดระวังตัวของนาง อีกทั้งคิ้วของนางก็ขมวดจนเห็นความกังวล

นี่จะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆเช่นนั้นหรือ?

เมื่อมายังคุกมืด

ชายชุดดำที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ ตอนนี้เสื้อดำตัวนอกได้ถูกถอดออกมาจนหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่เสื้อขาวตัวด้านใน

หลานเยาเยาหันไปดูอาวุธลับหลายอัน เสื้อคลุมสีดำ ยาพิษที่ยังอยู่ในกระบอก และดาบยาวที่เรืองแสงวิบวับวางอยู่บนโต๊ะ

ซึ่งบนปลายดาบยังมีคราบเลือดอยู่เล็กน้อย คงน่าจะเป็นเลือดของชายชุดดำคนนี้ที่หวังจะปลิดชีพตัวเอง

ซึ่งในตอนนี้มือสังหารผู้นั้นก็ได้ถูกตีจนสลบไปแล้ว

“คุณหนู บนตัวเขานอกจากของเหล่านี้แล้วก็ไม่มีเบาะแสอื่นใดเลย”

สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่มือสังหารใช้กันทั่วไป ไม่นับว่าเป็นเบาะแสใดได้

“ไม่เป็นไร อีกสักครู่เขาก็พูดออกมาเอง”สำหรับคนที่ปากแข็งนั้น นางมีวิธีของตัวเองที่จะทำให้เขายอมพูดออกมา “ปลุกเขาให้ตื่นเถอะ!”

“ขอรับ!”

จื่อซีพนมมือรับทราบ จากนั้นกีบเดินไป จนถึงตรงหน้าถังไม้อันใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำ ก่อนจะใช้ขันตักน้ำตักน้ำขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าของมือสังหารดัง “พรืบ”

น้ำขันที่หนึ่งสาดลงไป แต่มือสังหารกลับยังไม่ฟื้นคืนสติ

หลานเยาเยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างติดตลก:“ผู้ใดลงมือหนักถึงเพียงนี้กัน?น้ำหนึ่งถังยังไม่สามารถปลุกเขาขึ้นมาได้ คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ?จื่อซี”

นางรู้สึกสงสัย แต่ว่าจื่อซีเป็นหมอ ถึงวรยุทธ์จะแกร่งกล้า แต่สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดก็ยังคงเป็นวิชาการรักษา

ยังไงเสียหมอก็ยังมีความเมตตา!

หากเป็นจื่อซีแค่ทำให้คนสลบก็น่าจะพอแล้ว ไม่น่าจะลงมือหนักถึงเพียงนี้ คนที่สามารถใช้มีดเดียวทำให้คนสลบแล้วสลบอีกก็มีเพียงจื่อเฟิงเท่านั้น

อย่างที่คาดไว้!

“คุณหนู ข้านั้นเป็นจิตใจดี จะไปลงมือหนักถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ต้องโทษจื่อเฟิง ไม่รู้ว่าวันนี้ไปกินยาอะไรผิดมา ถึงได้สังหารพวกคนชุดดำเหล่าด้วยดาบเดียวเท่านั้น หากเวลาปกติให้เขาจัดการคนคนหนึ่งให้สลบ เขาก็ไม่ได้ลงมือหนักถึงเพียงนี้ แต่วันนี้กลับลงมืออย่างหนัก”

จื่อซีนึกถึงสายตาที่จื่อเฟิงมองเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก

เอ่อ……

ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?

หลานเยาเยาที่ใช้สายตามองไปยังร่างกายของจื่อซี พอเห็นตัวเขาที่ยังคงแต่งกายเป็นสตรีอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมา

“แค่กๆ!”

“จื่อซี เครื่องประทินโฉมของเจ้า……มันหลุดออกแล้ว”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาหรือเปล่า จื่อซีที่เดิมทีไม่ได้แต่งหน้าเด่นชัดมากนัก ในตอนนี้แค่มองก็เห็นผิวขาวอมชมพู ทั้งที่ผิวนั้นเนียนละเอียด แต่กลับสิ่งเหล่านี้กลับอยู่บนใบหน้าของบุรุษ ทั้งเครื่องประทินโฉมยังหลุดออกมาแล้วด้วย ……

เอ่อ?

อย่าว่าแต่จื่อเฟิงที่มีอารมณ์โกรธอยากระบายความไม่พอใจออกมาเมื่อได้เห็นเลย

แม้แต่นางที่พอได้มองอย่างละเอียดแล้ว ก็ยังอยากลงมือทุบตีด้วยเลย

หลุดแล้ว?

จื่อซีที่ไม่เข้าใจ จึงเดินไปถังน้ำ แล้วมองเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ เมื่อได้เห็นใบหน้าของตัวเองที่ยากเกินจะอธิบายออกมาได้ เขาก็ถึงกับตกใจอย่างมาก

“ไอ้ย๊า!ไอ้ย๊า……”

จื่อซีร้องตกใจออกมาเสียงสูง

เขาได้ลืมเลยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นบุรุษที่แต่งกายเป็นสตรี ทั้งยังลืมอีกว่าตัวเองยังแต่งหน้าอยู่

ดังนั้นก่อนหน้านี้เพื่อที่จะจับมือสังหาร พอเหนื่อยเลยเช็ดหน้าโดยไม่ได้สนใจอะไร คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ตัวเองมีใบหน้าที่น่ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้

ไม่แปลกเลยที่จื่อเฟิงจะจ้องมองเขาอย่างเหยียบหยาม……

ไม่น่าแปลกเลยที่คุณหนูจะมองเขาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย……

ที่แท้เขาได้ทำเรื่องขายหน้าเอาไว้!

ฮือๆๆ……

ในอนาคตข้างหน้าเขาหวังจะแต่งงาน ถ้าหากสตรีที่เขาปลงใจด้วยได้รับรู้ถึงความอัปลักษณ์นี้ของเขา นางจะหัวเราะเยาะเขาอย่างไรกัน!

จื่อซีตักน้ำขึ้นมาด้วยความเขินอาย เพิ่มด้วยพละกำลังแล้วสาดลงไปยังใบหน้าของมือสังหาร

“พรืบ……”

น้ำขันนี้จื่อซีได้เพิ่มกำลังไปอย่างเต็มที่ หากยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาจะหยิบมีดขึ้นมาเพื่อระบายอารมณ์แล้วจริงๆ

ทันทีที่น้ำถูกสาดลงไป มือสังหารก็ขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากที่เห็นหลานเยาเยา เขาก็หลุดปากเรียกออกมา “เทพธิดา”

“ดีมาก ดูเหมือนว่าจะรู้จักข้าเทพธิดาคนนี้เสียแล้ว”

หบานเยาเยายกมุมปากขึ้นด้วยสีหน้าที่ได้เปรียบ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าแล้วใช้สายตาที่เย็นชามองไปยังมือสังหาร“สาวใช้ช่าจื่อคนสนิทของข้า พวกเจ้าก็เป็นผู้สังหารใช่หรือไม่?”

มือสังหารถึงกับร้อนรน สายตาว่อกแว่กไม่มั่นคง แต่เขากลับไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา เอาแต่นิ่งเงียบ ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยากจะฆ่าอย่างไรก็รีบลงมือเถอะ

หลานเยาเยาเปล่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น

“หวังว่าอีกสักประเดี๋ยวเจ้าจะยังมีท่าทีเช่นนี้”พูดไปนางก็พลางหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อขวดหนึ่ง

“เจ้าอย่าได้ร้องไห้ขอร้องวิงวอนที่อยากจะพูดออกมาแล้วกัน”

ในฐานะของมือสังหารก็ต้องทำตามกฎของมือสังหาร เมื่อรับเงินมาจากผู้ว่าจ้างแล้วก็ต้องเป็นตัวแทนกำจัดภัยให้กับเขา ไม่อาจเปิดเผยตัวตนของผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้

ดังนั้นมือสังหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี จะมีพิษซ่อนในปาก เมื่อทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วยังไม่อาจที่จะหนีรอดได้ก็จะใช้วิธีการนี้ในการลงโทษตัวเอง

แต่คนล้วนแต่มีจุดอ่อนของตัวเอง

สิ่งที่หลานเยาเยาหยิบออกมานั้นคือยาผงชนิดหนึ่ง แล้วนางก็โรยผงใส่หน้าของมือสังหาร

“ไม่ต้องกลัวไป นี่เป็นเพียงผงยาชนิดหนึ่งเท่านั้น คุณสมบัติของมันคือไร้สีไร้กลิ่น เพียงพอที่จะดึงดูดเหล่าแมลงนับร้อยได้ ไม่ว่ามันจะมีพิษหรือไม่มีพิษ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็ลองรับรู้เอาเอง”

มือสังหารไม่ได้สนใจสิ่งใด ทั้งยังทำตัวแข็งกระด้างขึ้นอีก

หลังจกที่โปรยยาใส่มือสังหาร หลานเยาเยาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วไปนั่งรอข้างๆอย่างเงียบๆ

ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นฝูงมดกลุ่มหนึ่ง คลานเข้ามายังภายในคุกมืด ซึ่งเป้าหมายเดียวของพวกมันก็คือ ‘เจ้าอาหาร’ที่มีกลิ่นหอมอันเย้ายวนนั่นเอง

แล้วตามมาด้วยฝูงผึ้งพิษ จากนั้นก็ตามมาด้วยงูหลากชนิด……

จนทำให้รู้สึกขนลุก

เหล่าแมลงพิษเหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ตัวเขา สีหน้าของมือสังหารก็ได้ซีดไปก่อนเสียแล้ว

ความตายนั้น เขาไม่ได้กลัว

แต่จะให้ถูกแมลงค่อยๆแทะเล็มกัดกินแล้วค่อยๆตายไป นี่มันมีความแตกต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น?

เมื่อเขาสังเกตเห็นมดจำนวนมากคลานขึ้นมายังเท้าของเขา ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกมดนับหมื่นกัดก็แล่นเข้ามา

“อ๊า……”

แล้วร่างกายของเขาก็ค่อยๆถูกผึ้งพิษต่อยทีละตัวๆ เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานจนตัวสั่น เขาปิดตาลงดิ้นรนอย่างหนัก

ผ่านไปเพียงไม่นาน

เขาก็ทนไม่ได้กับความทรมานนี้แล้ว

แล้วเขาก็รู้สึกถึงความเย็นจากงูตัวหนึ่ง กำลังคลานเข้ามาในกางเกงของเขา ค่อยคลานขึ้นมาอย่างเชื่องช้าตามขาของเขา ราวกับว่ากำลังตามหาอะไรบางอย่างที่จะมุดเข้าไปอยู่นั้น