ตอนที่ 450 ความโง่เขลาของสืออู่กับเตาหนูที่เหมือนท่อนไม้ (1)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 450 ความโง่เขลาของสืออู่กับเตาหนูที่เหมือนท่อนไม้ (1)

ในยุคสมัยนี้ สตรีที่สามารถร่ำเรียนหนังสือได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

สถานะต่ำต้อย ส่วนใหญ่ที่มีการศึกษา มีวัฒนธรรมล้วนเป็นสาวใช้ตระกูลใหญ่ที่ร่ำเรียนเป็นเพื่อนคุณหนูในตระกูลใหญ่ เกรงว่าอวิ๋นอิ๋งกังวลว่าซีซีได้รับบุญคุณแล้ว ตนเองจะให้ซีซีขายตัวเป็นทาส

ความจริงนางคิดมากไปแล้ว

ในเมื่ออวิ๋นอิ๋งเตรียมการให้กับซีซีเรียบร้อยแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่คิดจะแทรกมือเข้าไปยุ่ง เพียงแค่ชมเชยว่า “ซีซีมีความสามารถจริงๆ”

“คุณหนูใหญ่ไม่เชื่อหรือเจ้าคะ ซีซีจะท่องให้ท่านฟัง ท่านลองดูว่าถูกหรือไม่…มีหนึ่งเท่ากับหนึ่ง มีหนึ่งสองเท่ากับสอง…”

ท่าทางน่ารักใสซื่อของนาง น้ำเสียงบริสุทธิ์ ทำให้คนละทิ้งความกลัดกลุ้มในใจ

มั่วเชียนเสวี่ยสีหน้าผ่อนคลาย

หวังเทียนซงก็ยิ้มๆ อยู่อีกด้าน

“ซีซีพาคุณหนูใหญ่ลงเขา เช่นนั้นเทียนซงไม่ลงไปแล้วขอรับ บ่าวกำลังคิดจะลาดตระเวนดูบนเขาสักหน่อย”

ซีซีตอบ “อืม” พลางท่องสูตรคูณอย่างไร้เดียงสา พลางจูงมือมั่วเชียนเสวี่ยเดินลงภูเขา

ชูอี สืออู่และอวี่เสวียนเดินตามอยู่ด้านหลัง โดยไม่กล่าวอันใด

สองคนที่เดินนำหน้าพบกับ ชุนเยี่ยนที่กำลังเตรียมขึ้นมารับนางลงจากเขา

มั่วเชียนเสวี่ยเห็นว่าผู้มาเยือนคือชุนเยี่ยน ก็เร่งฝีเท้าเดิน

ชุนเยี่ยนเงยหน้าเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเร่งฝีเท้า นางก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปถึงด้านหน้ามั่วเชียนเสวี่ยเช่นกัน

เห็นชุนเยี่ยนเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ มั่วเชียนเสวี่ยก็อดตำหนิไม่ได้ว่า “ชุนเยี่ยน เจ้ามาได้อย่างไร ไม่ใช่ให้เจ้าอยู่ที่บ้านไร่หรอกหรือ เจ้าตั้งครรภ์อยู่ ยังไม่รู้จักระวังสักหน่อย หากเกิดผิดพลาดอันใดขึ้นมา หลานชายที่ภรรยาหวังซานเฝ้ารอมาหลายปี ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเพียงใด”

เสียงพร่ำบ่นของมั่วเชียนเสวี่ยทำให้ชุนเยี่ยนเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ

ปกติอยู่บ้าน ท่านแม่แท้ๆ กับท่านแม่สามียังไม่เอาใจใส่และเป็นห่วงนางถึงขนาดนี้

“คนทำไร่ไถนาอย่างพวกข้าบอบบางเช่นนั้นเสียที่ใดกัน ตอนนี้พึ่งบุญวาสนาของคุณหนูใหญ่ ชุนเยี่ยนแทบจะไม่ต้องทำอะไรแล้วเจ้าค่ะ เส้นทางแค่นี้ หากยังไม่เดินอีก ก็สามารถเทียบกับคุณหนูตระกูลใหญ่ได้จริงๆ แล้วนะเจ้าคะ”

วาจาของชุนเยี่ยนเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ

ทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตของตนเอง มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่สะดวกเอ่ยอันใดมาก จึงยื่นมือไปประคองนาง

ชุนเยี่ยนประคองกลับด้วยความตกตะลึง มั่วเชียนเสวี่ยไม่ฝืนอีก เพียงแค่วางมือลงบนแขนนาง “มีเรื่องอันใดที่ทำให้เจ้าต้องรีบร้อนมาที่นี่”

“คุณหนูใหญ่ คนของจวนจย่ามาเจ้าค่ะ”

จวนจย่า?

มั่วเชียนเสวี่ยมีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย เมื่อวานเพิ่งจะพบกันไปไม่ใช่หรือ จะมารับนางไปพักที่จวนจย่า นางไม่ยอม จึงไล่กลับไป

สองคนประคองซึ่งกันและกัน พลางเดิน มั่วเชียนเสวี่ยพลางถาม “รู้ไหมว่าใครมา”

“จย่าฮูหยินกับเหล่าข้ารับใช้ในจวนจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ” ชุนเยี่ยนรายงานตามความจริง

เพียงแค่นึกถึงลักษณะท่าทางของจย่าฮูหยิน ก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมาอยู่บ้าง

คนที่รู้ก็บอกว่าจย่าฮูหยินคือท่านแม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่ คนที่ไม่รู้ก็นึกว่ามาทวงหนี้!

เดิมชุนเยี่ยนก็เป็นคนชนบทในพื้นที่เล็กๆ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์เยอะขนาดนั้น คิดถึงตรงนี้แล้ว ก็หัวเราะพรืดออกมา มั่วเชียนเสวี่ยที่ไม่เข้าใจก็มองไปทางนาง

ชุนเยี่ยนอธิบายว่า “คุณหนูใหญ่โปรดอภัย เพียงแต่ลักษณะท่าทางการมาเยือนของจย่าฮูหยินนั้นยิ่งใหญ่เกินไป คนที่ไม่รู้ก็นึกว่ามาทวงหนี้เจ้าค่ะ”

สำหรับเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยเลิกคิ้วใส่วาจานี้

ชุนเยี่ยนเอ่ยแบบนี้ นางก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเรื่องมันเป็นมาเช่นไร

มั่วเชียนเสวี่ยส่งแขนชุนเยี่ยนไปไว้ในมือซีซีที่เดินตามมาด้านหลัง พลางเอ่ยยิ้มๆ “ซีซี เจ้าดูแลอาสะใภ้ชุนเยี่ยนด้วย ข้าจะลงไปก่อน”

หลังจากสั่งการเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยก็เร่งฝีเท้าเดินนำชูอีกับสืออู่ลงเขา อวี่เสวียนย่อมตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

จย่าฮูหยินเป็นแม่บุญธรรมของนาง ภายในขอบเขตของสถานการณ์เช่นนี้ของนาง ไม่มีเหตุผลใดที่จะเพิกเฉยนาง

ชุนเยี่ยนตั้งครรภ์ ไม่อาจลากนางวิ่งได้ ด้วยวิชาตัวเบาของนาง คิดจะพาคนไปด้วย นั่นเป็นไปไม่ได้

เมื่อลงจากเขา ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากยืนอยู่บริเวณประตูบ้านไร่ได้ไกลๆ แต่ละคนยืนตัวตรง แค่เห็นก็รู้แล้วเป็นข้ารับใช้ที่ตระกูลสูงศักดิ์สั่งสอนออกมา

ชูอีและสืออู่เดินตามอยู่ด้านหลังมั่วเชียนเสวี่ย ย่อมมองเห็นเหตุการณ์ที่หน้าประตูบ้านไร่ สืออู่ที่ควบคุมปากตนเองไม่ได้ พลันร้องเสียงหลง “ต้องยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ”

อวี่เสวียนที่เดิมเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยเอ่ยวาจาใด ตอนนี้กลับอ้าปากค้างเล็กน้อย

สายตาของคนฝึกยุทธ์ล้วนดีกันทั้งนั้น ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างมาก พวกนางหลายคนก็ยังคงมองเห็นสิ่งของต่างๆ ที่วางทิ้งเอาไว้ข้างกายข้ารับใช้พวกนั้นอย่างชัดเจน

ส่วนที่ว่าคืออะไร มีเพียงแค่สิ่งที่เจ้าคิดไม่ถึง ไม่มีสิ่งที่จย่าฮูหยินไม่ได้จัดเตรียม!

เสี้ยววินาทีนี้ หน่วยตามั่วเชียนเสวี่ยอุ่นร้อน นางรีบเก็บงำความรู้สึกตนเอง เร่งเท้าเดินไปทางบ้านไร่

เหล่าข้ารับใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูย่อมเห็นมั่วเชียนเสวี่ยกลับมา คนที่สายตาดีมองเห็นไว นั้นรีบวิ่งเข้าไปรายงานนานแล้ว ส่วนคนที่เหลือเหล่านั้นก็ล้วนเป็นพวกที่เข้าใจเรื่องราว จึงรีบโค้งกายคารวะทันที

“คารวะคุณหนูใหญ่มั่วเจ้าค่ะ!”

“คารวะคุณหนูใหญ่มั่วขอรับ!”

ภายในบ้านไร่เต็มไปด้วยเสียงทักทายที่เคารพนบนอบไปชั่วครู่หนึ่ง

มั่วเชียนเสวี่ยอมยิ้ม พลางพยักหน้าให้ทุกคน แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเหล่าทาสยกของเข้ามาด้วยความลำบาก นัยน์ตาแสบร้อนด้วยความปวดใจ

นางรู้ว่าจย่าฮูหยินปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ ดีอย่างยิ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า จย่าฮูหยินจะดีต่อนางขนาดนี้!

ได้ยินเสียงของจย่าฮูหยินมาจากที่ห่างไกล น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกระวนกระวาย

มั่วเชียนเสวี่ยเร่งฝีเท้าอีกครั้ง และเห็นจย่าฮูหยินที่รีบเดินออกมาจากด้านในบริเวณหัวเลี้ยว

“ท่านแม่บุญธรรม…”

เสียงเรียกท่านแม่บุญธรรมนี้เปี่ยมไปด้วยความเศร้าใจ

มั่วเชียนเสวี่ยน้ำตารินไหลลงมาคล้ายกับว่าอดทนไม่ไหวแล้ว

คนที่พบกันโดยบังเอิญ เพียงแค่นับญาติกันเฉยๆ ถึงกับดีต่อนางเช่นนี้! ดีกว่าคนที่เรียกตนเองว่าท่านลุง ท่านอา ท่านอาสะใภ้ ท่านป้าสะใภ้ในตระกูลมั่วพวกนั้นหลายหมื่นเท่า!

เห็นมั่วเชียนเสวี่ยน้ำตาไหลริน จย่าฮูหยินก็ลนลานขึ้นมาทันที!

รีบก้าวเข้ามา หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ร่วงหล่นให้กับมั่วเชียนเสวี่ย น้ำเสียง แม้ว่าจะเจือไปด้วยการตำหนิ แต่จะฟังไม่ออกถึงความสงสารได้อย่างไร

“อยู่ดีๆ ร้องไห้ทำไม? เจ้าไม่หวังให้แม่บุญธรรมมาที่นี่หรือ”

“ไม่เจ้าค่ะ! เชียนเสวี่ยดีใจมากที่ท่านแม่บุญธรรมมา! จริงนะเจ้าคะ!” มั่วเชียนเสวี่ยรีบอธิบาย

ทำให้จย่าฮูหยินหัวเราะเบาๆ

จิ้มลงบนหน้าผากมั่วเชียนเสวี่ยอย่างสนิทสนม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รีบเก็บน้ำตากลับเข้าไปเสีย เจ้ามิรู้หรือว่า เห็นเจ้าเสียน้ำตาเช่นนี้ แม่บุญธรรมปวดใจจะตายแล้ว!”

มั่วเชียนเสวี่ยออกแรงพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”

เด็กที่เชื่อฟังเป็นเด็กดี มั่วเชียนเสวี่ยรีบหยุดร้องไห้ ซับบริเวณหางตา และยิ้มให้กับจย่าฮูหยิน

จย่าฮูหยินกอดนางด้วยความรัก ตบหลังนางเบาๆ เอ่ยปลอบใจว่า “นี่ถึงจะเป็นเด็กดี”