บทที่ 357 เป้าหมายเดียวกัน สาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 357 เป้าหมายเดียวกัน สาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ

วังหนี่ว์วาตกอยู่ในความเงียบงัน จู่ถูรอคอยอย่างอดทน

ผ่านไปสองถึงสามชั่วยามโดยประมาณ น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ลอยออกมาจากภายในวังอีกครา “สิ่งผิดปกติที่เจ้าว่านั้น แท้จริงแล้วคือชะตากรรม กลับไปเสียเถิด”

‘ชะตากรรม?’ จู่ถูขมวดคิ้วแน่น ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดดังกล่าวแม้แต่น้อย หากมันคือชะตากรรมจริง เหตุใดเขาถึงว้าวุ่นใจเช่นนี้ เขาแข็งแกร่งที่สุดในมหาเคราะห์ เขาต่อสู้เพื่อโชคชะตาและพลังอำนาจ หรือว่านี่จะเป็นความไม่สบายใจที่มาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกำลังจะออกมาสู่โลกภายนอก จู่ถูลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ โค้งคำนับ และรีบร้อนจากไปทันที

เวลาผันผ่านราวกับติดปีก ห้าสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

การบำเพ็ญของหานเจวี๋ยกลับสู่สภาวะปกติ แสนธรรมดาและน่าเบื่อหน่าย คอยสาปแช่งศัตรูทุกๆ สิบปี ความสำราญในยามปกติเห็นจะมีแต่การอ่านจดหมาย

ภายในไม่กี่สิบปี หานมิ่งก็กลับชาติมาเกิดใหม่ได้สำเร็จ ชาตินี้เขาได้เป็นวายร้ายผู้มีพรสวรรค์ ทันทีที่ถือกำเนิดก็อยู่ในระดับเซียน ไม่นานก็ไล่ตามเผ่าเทพอีกาทองทัน

สหายเทพเซียนแห่งวังสวรรค์บางส่วนของหานเจวี๋ยล้มตายอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้พอจะคาดเดาได้ว่าแผนการพิชิตวังปีศาจของวังสวรรค์ดำเนินไปได้ไม่สวยสักเท่าไรนัก

‘เฮ้อ สหายบางคนยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาก็จากไปเสียแล้ว’

หานเจวี๋ยมองดูภาพประจำตัวของสหายหายไปคนแล้วคนเล่า ในใจก็เกิดความรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้เลยว่าเมื่อเขาเดินทางไปถึงจุดสิ้นสุดของมหามรรค ข้างกายจะยังหลงเหลือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อีกสักกี่คน การบำเพ็ญคือยอดเขาอันเดียวดาย ยิ่งเดินไปข้างหน้าหนทางยิ่งคับแคบ จนกระทั่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะไปถึงยอดเขาได้

อยู่มาวันหนึ่ง

หานเจวี๋ยออกมาจากถ้ำเทวา มาหยุดเบื้องหน้าของต้นฝูซัง หลายปีที่ผ่านมานี้ ต้นฝูซังเติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าต้นไม้ใหญ่มากนัก ต้นฝูซังที่โตเต็มที่สามารถเชื่อมต่อหมื่นแดนใต้หล้าได้ ดั่งศูนย์กลางอวกาศ หานเจวี๋ยรอคอยให้วันนั้นปรากฏอย่างใจจดใจจ่อ

ต้นฝูซังสั่นไหวอีกครา

หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ชายผู้นั้นที่อยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมทำข้อตกลงกับข้าแล้ว เขาไม่อาจทำร้ายเจ้าได้ วางใจเถิด อย่าได้กลัวไปเลย”

ต้นฝูซังกล่าวอย่างระแวดระวัง “ไม่ได้อยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุม…แต่อยู่ข้างนอก…”

‘ข้างนอกหรือ’ หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เขาส่งจิตนึกคิดแพร่กระจายออกไปภายนอกแดนชำระบาปเก้าขุม ไม่นานนักเขาก็พบว่าทางออกของแดนชำระบาปเก้าขุมกำลังหดตัวลง มีคนกำลังซ่อมแซมเขตอาคมเพื่อที่จะปิดกั้นแดนชำระบาปเก้าขุมกับยมโลกอีกครั้ง

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาพลันเกิดความลังเล ‘ต้องหยุดยั้งหรือไม่ หยุดกับผีน่ะสิ! ข้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์มิใช่หรือ มีคนไปซ่อมแซมสิถึงจะดี! ศัตรูจะได้บุกเข้ามาอีกครั้งไม่ได้!’

เมื่อหานเจวี๋ยคิดตก เขาก็เฝ้าชมความเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ

ร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงอากาศว่างเปล่าอันมืดสลัว เมื่อเห็นร่างดังกล่าว หานเจวี๋ยก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

ชายผู้นี้ ผานซิน!

ผานซินหมุนตัว สองมือร่ายคาถา พลังเวทมหาศาลแผ่กระจายไปทั่ว ผสานเขตอาคมล่องหนสองเขตเข้าด้วยกัน

‘คนผู้นี้หนีออกไปได้อย่างไรกัน’

ผานซินคล้ายจะจับสังเกตบางอย่างได้ จึงส่งเสียงคำรามเย็นยะเยือก “โอ้! ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนซ่อนตัวอยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมเหมือนกันกับข้าด้วย! สหายเต๋า ข้าขอแนะนำให้เจ้าอย่าได้ก่อกวนข้าและอย่าคิดจะเปิดเขตอาคมนี่ด้วย!”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

ผานซินพลันหยุดชะงักไป จากนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “กลิ่นอายนี้น่าจะเป็น…”

เขาเบิกตาโพลงและคำรามลั่น “ไอ้ลูกหมา! เจ้าบรรลุระดับเทพสำเร็จแล้ว! เป็นไปได้อย่างไร!”

เมื่อได้ยินดังนั้น หานเจวี๋ยก็ส่งเสียงตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ไม่พบกันนานเลยนะขอรับใต้เท้า นี่ท่านถูกไล่ล่ามาหรืออย่างไร”

“ไล่ล่าหรือ เหลวไหล! ใครมันจะกล้าตามล่าข้ากัน”

“แล้วที่ท่านมาที่นี่…”

“ปิดด่านฝึกฝน พอใจหรือยัง ถ้าเป็นเจ้าข้าก็สบายใจ ก่อนที่มหาเคราะห์จะสิ้นสุดลง อย่าออกไปข้างนอกล่ะ เข้าใจไหม”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ”

“เจ้าอยู่ที่ใด ทำไมข้าจับตำแหน่งของเข้าไม่ได้”

เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของผานซิน หานเจวี๋ยก็ปิดปากเงียบทันที เขาไม่รู้ว่าควรพาผานซินเข้ามายังอาณาเขตเต๋าหรือไม่

ไม่! เขาจะเสี่ยงไม่ได้! ใจคนเรายากเกินหยั่ง แม้ผานซินจะญาติดีกับเขา แต่ทั้งคู่ก็ไม่สนิทสนมกัน

หานเจวี๋ยเอ่ย “ตอนนี้ข้ากำลังปิดด่านฝึกฝน ใต้เท้ารีบพักผ่อนเถิด ข้าจะไปฝึกบำเพ็ญต่อ”

หลังจากสิ้นคำพูด เขาก็เรียกจิตนึกคิดกลับคืนมาทันที

เพื่อป้องกันไม่ให้ที่ตั้งถูกเปิดเผย หานเจวี๋ยจัดการย้ายเกาะสำนักซ่อนเร้นไปยังที่ที่ห่างไกล ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยภายในชั่วพริบตา

ผานซินตกตะลึงอยู่กับที่ กล่าวพึมพำ “หรือว่าเจ้าเด็กนี่ก็จะถูกตามล่าเหมือนกัน”

เขาเอ่ยอย่างนึกสนุก คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมีความคิดตรงกัน คือซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ดูอันตรายที่สุด!

“ไม่ได้! ข้าต้องหาเจ้าเด็กนั่นให้เจอ ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน!”

การปรากฏตัวของผานซินทำให้หานเจวี๋ยไม่กล้าดูดซับแรงกรรมในแดนชำระบาปเก้าขุมอีก เขาหันมาเน้นการดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรแทน

เริ่มจากดูดซับแรงกรรมในดอกบัวก่อน เนื่องจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรกักเก็บแรงกรรมไว้มากเทียบเท่ากับมหาเคราะห์จนหานเจวี๋ยสามารถดูดซับได้ไม่หมดไม่สิ้น หรือถึงแม้จะทำได้ก็ต้องใช้เวลายาวนานมาก

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยก็รู้สึกถึงจิตนึกคิดของผานซินที่เคลื่อนผ่านเกาะสำนักซ่อนเร้นอยู่บ่อยครั้ง

ทำไมคนผู้นี้ถึงต้องตามหาเขาด้วย เพราะเป็นห่วงงั้นหรือ

หานเจวี๋ยเกือบจะหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา แต่เกรงว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวตน

บางทีผานซินอาจจะไม่เป็นอันตรายก็ได้

หลายปีให้หลัง ผานซินก็ถอดใจไปเอง พอเจอที่เหมาะๆ ก็เริ่มฝึกบำเพ็ญ และแล้วแดนชำระบาปเก้าขุมก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

เวลาผ่านไปอีกสามสิบปี

หลังจากการบำเพ็ญ หานเจวี๋ยก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู พร้อมกับอ่านจดหมายไปพลางๆ

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ร่างกายบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่สหายของท่านได้รับการช่วยเหลือจากยอดแม่ทัพเทพ]

[โจวฝานสหายของท่านกลืนกินแรงกรรมจากวิญญาณอาฆาต ก่อกำเนิดมารในใจ]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x310229

[หลงเฮ่าลูกศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน กายเนื้อดับสูญ ดวงวิญญาณถูกสะกด]

[เต้าจื้อจุนสหายของท่านรู้แจ้งในพลังวิเศษฮุ่นตุ้น พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

‘จักรพรรดิสวรรค์และจักรพรรดิปีศาจต่อสู้กันหรือ นี่เป็นการแสดงหรือจงใจหักหน้ากันแน่’

หานเจวี๋ยไล่สายตาลงมา เมื่อเขาเห็นว่าหลงเฮ่าถูกสังหารแล้ว ความรู้สึกของเขาพลันกลับตาลปัตร

เขาชื่นชอบหลงเฮ่ามากทีเดียว เพราะอย่างไรก็เป็นเด็กที่เขาเฝ้ามองการเติบโตของอีกฝ่ายมาโดยตลอด

‘จักรพรรดิปีศาจชั่วช้า! โจมตีฝ่าบาทของข้าไม่พอ ยังสังหารศิษย์หลานของข้าอีก จงตายเสียเถิด!’

หานเจวี๋ยทวีแรงสาปแช่งต่อจักรพรรดิปีศาจในทันใด

ห้าวันต่อมา

อายุขัยของหานเจวี๋ยก็เริ่มลดลง

เพื่อป้องกันไม่ให้หลงเฮ่าตัวตาย มรรคผลสลาย หานเจวี๋ยตัดสินใจสาปแช่งให้จักรพรรดิปีศาจสิ้นชีพไปจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

เขาจ้องมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตนเองโดยไม่วางตา เพื่อควบคุมอัตราการลดลงของอายุขัย

อีกด้านหนึ่ง

ในพระราชวังอันมืดมนแห่งหนึ่ง ดวงวิญญาณของหลงเฮ่าถูกกักขังไว้ในตะเกียงน้ำมัน ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปยังจักรพรรดิปีศาจ

จักรพรรดิปีศาจนั่งอยู่บนขั้นบันได รอบกายโอบล้อมด้วยไอดำทะมึนแปลกประหลาด

ศีรษะของเขาสั่นคลอนตลอดเวลา ท่าทางผิดปกติ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

พรวด…

ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลทะลักออกมาจากปากของจักรพรรดิปีศาจ ท่าทางหมดอาลัยตายอยากลงอย่างรวดเร็ว

“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการชาติชั่ว เราอุตส่าห์มอบไมตรีแก่เจ้า แต่เจ้ากลับ…”

จักรพรรดิปีศาจสบถด่าด้วยความแค้น แต่ไม่ทันพูดจบประโยค แรงสาปแช่งก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาอีกหน

เขาทั้งตกใจทั้งเคียดแค้น เหตุใดแรงสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงได้รุนแรงเพียงนี้ คนผู้นี้ใช้ของวิเศษชนิดใดกันแน่ พลังเวทที่ถูกเผาผลาญเป็นพลังเวทของตนหรือ คำสาปแช่งที่ใช้พลังเวท ไม่ควรจะส่งผลเช่นนี้สิ!

สีหน้าของจักรพรรดิปีศาจเปลี่ยนไป พลังเวทในกายของเขาเริ่มปะทุ แว่วเสียงแปร่งแปลกดังขึ้นข้างหูของเขา

“การฟื้นฟูเผ่าปีศาจตกไปอยู่ในมือของเจ้า เจ้าจะแบกรับมันได้หรือ”

“วังปีศาจมีความหวังจะพิชิตวังสวรรค์ได้จริงๆ หรือ”

“วังสวรรค์มีสำนักเต๋าคอยหนุนหลัง แล้ววังปีศาจมีอะไรบ้าง อริยบุคคลเหล่านั้นมีใจเอนเอียง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าต้องการให้เผ่าปีศาจสูญสิ้นไป จะหวังพึ่งอะไรได้”

เสียงมารในใจ!

จักรพรรดิปีศาจกัดฟันกรอด เมื่อยิ่งพยายามเมินเฉยต่อเสียงมารในใจ เสียงของมันกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

………………………………………