บทที่ 349 จูบหลังเท้า

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“เรียกหมอมาตรวจดูคุณ”ริมฝีปากบางๆของนัทธีตอบไปเบาๆ

วารุณีหัวเราะ“ไม่ต้องหรอก น่าจะกินจนท้องอืด พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแหละมั้ง”

“คุณแน่ใจเหรอ?”นัทธีหรี่ตาลงถาม

วารุณีพยักหน้า“ใช่แน่นอน ไม่เจ็บไม่คัน นอกจากกินแล้วไม่ย่อย ก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นแล้วแน่ โอเคสามี นอนเถอะ”

เธอเขย่าแขนของเขา อย่างออดอ้อน

นัทธีก็ใจอ่อน“โอเค ถ้าพรุ่งนี้ท้องคุณยังไม่สบาย ต้องไปหาหมอนะ”

“อือๆ”วารุณีรีบพยักหน้า

นัทธีเปิดผ้าห่มออกแล้วขึ้นไป เอาเธอมาโอบในอ้อมแขน จูบไปที่หน้าผากของเธอ“โอเค นอนเถอะ”

“ฝันดี”วารุณีถูไถอยู่ในอ้อมแขนของเขา หาที่สบายเจอแล้ว ก็หลับตาลง

ราตรีสวัสดิ์

ช่วงอาหารเช้าวันถัดมา ป้าส้มถือการ์ดเชิญใบหนึ่งมา ยื่นให้นัทธี

วารุณีแค่มองก็จำได้การ์ดเชิญนั้นได้“มันคือการ์ดเชิญพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อย”

นัทธีเปิดอ่านดู“พี่ชายเธอส่งมาให้ผม”

“ใช่สิ คุณมีธุรกิจกับพี่ชายเธอ จะต้องให้คุณอยู่แล้ว”วารุณีดื่มนมแล้วตอบกลับ

นัทธีปิดการ์ดเชิญมาไว้อีกฝั่ง“คุณก็ได้เหรอ?”

“ใช่ เมื่อวานได้มา”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม:“ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราไปด้วยกัน”

“อือ”นัทธีตอบกลับ

นวิยาที่อยู่ข้างๆเห็นทั้งสองพูดคุยกัน ตัวเองแทรกพูดไม่ได้ มือกำส้อมไว้แน่น แต่กลับไม่ได้จะพูดออกมา

ยังไงตัวตนของเธอตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เธอเป็นแฟนของพิชิตแล้ว ถ้ายังพูดไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเมื่อก่อนอีก มันจะเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทอย่างชัดเจน

แต่ว่าช่างเถอะ ยังไงซะตัวตนที่เป็นแฟนสาวของพิชิต เธอก็ใช้ได้อีกไม่นานแค่ไหนหรอก

ทานข้าวเสร็จ วารุณีก็พาลูกทั้งสองออกไปจากบ้านกับนัทธี แล้วเริ่มทำงานวันใหม่

เธอทำแบบนี้จนผ่านไปครึ่งเดือน พิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยก็มาถึง

วารุณีกับลีน่าเอาชุดราตรีและเครื่องประดับที่ทำเสร็จแล้วไปส่ง เจ้าหญิงน้อยลองสวมอย่างดีใจ เหมาะอย่างมาก คืนนั้นจึงเอาชุดราตรีและเครื่องประดับ นั่งเครื่องบินกลับประเทศ

ยังไงสไตลิสต์ก็ยังรออยู่ในประเทศ ถ้าเธอเอาชุดราตรีกับเครื่องประดับกลับไป ก็จะให้สไตลิสต์ออกแบบการแต่งหน้าและทรงผมได้

วารุณีกับนัทธีไปประเทศนั้นด้วยกันเพื่อร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อย ในวันถัดมาที่เจ้าหญิงน้อยกลับประเทศ

ที่มาด้วยกันอีกนั้น ยังมีปาจรีย์กับลีน่า

ในงานเลี้ยง แสงไฟส่องแสงเป็นประกาย ทุกคนต่างสังสรรค์ทำความรู้จักกัน คึกคักอย่างมาก

วารุณีควงแขนของนัทธี ไปทำความรู้จักกับนักธุรกิจคนอื่นกับเขา

ส่วนปาจรีย์กับลีน่า กลับไปรู้จักดีไซเนอร์คนอื่น

วนไปรอบๆ เท้าของวารุณีก็ยืนจนปวด แต่ยังต้องทนไว้

นัทธีมองออก จึงโอบเอวของเธอมาที่มุมของโซนรับรองในโถงของงานเลี้ยง ให้เธอนั่งลง“เจ็บเท้าเหรอ?”

วารุณีพยักหน้า“รองเท้านี้กัดเท้าหน่อยๆ”

รองเท้าคู่นี้เธอใส่มาเพื่อให้เข้ากับชุดราตรีที่ตัว เลือกมาโดยเฉพาะ ใครจะไปรู้ว่าจะกัดเท้า

ถ้ารู้แบบนี้ เธอคงไม่สวมคู่นี้แล้ว

นัทธีนั่งอยู่ข้างเธอ ยกเท้าของเธอขึ้นมา วางไว้ที่ขาของตัวเอง จากนั้นจะถอดรองเท้าของเธอ

วารุณีเห็นแบบนี้ จึงตกใจ เอาขาคืนกลับมาอย่างไม่รู้ตัว พูดเสียงเบา:“คุณทำอะไร?”

“ผมจะดูแผลที่เท้าคุณ”นัทธีจับข้อเท้าเธอไว้ ไม่ให้เธอชักเท้ากลับไป

วารุณีหมดหนทาง ได้แต่ปล่อยให้เขาบีบ“แต่ในงานเลี้ยงแบบนี้ ไม่ค่อยดีมั้ง?”

“ไม่เป็นไร ไม่มีใครสังเกตพวกเรา”นัทธีพูดจบ ก็ถอดรองเท้าของเธอ

ทันใดนั้นวารุณีก็รู้สึกว่าเท้าเย็น จึงอดไม่ได้ที่จะหดนิ้วเท้าลง

เท้าของเธอ เล็กและขาวเรียวยาว นิ้วเท้าทั้งห้านั้นกลมๆ เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ น่ารักมาก

ถ้ามีคนที่ชอบเท้าอยู่ที่นี่ จะต้องชอบทันทีแน่

ถึงแม้นัทธีไม่ใช่คนที่ชอบเท้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าเท้าคู่นี้สวย จนคนเห็นแล้วต้องชอบ

เขาลูกเท้าของเธอ แล้วยังบีบไปเล็กน้อย

วารุณีรู้สึกแค่ว่าเท้าจักจี้ มองเห็นว่าเขากำลังทำเรื่องไม่ดี ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเขาไป“ทำอะไรน่ะ?”

เขาตรวจดูแผลของเธอที่ไหนกัน ที่มันกำลังเล่นเท่าของเธอชัดๆ

มองไม่ออกว่า เขาจะมีงานอดิเรกแบบนี้ด้วย!

นัทธีถูกวารุณีจ้อง จึงมองแผลที่เท้าของเธออย่างสบายๆ

แผลของเธออยู่ที่ส้นเท้า ตรงนั้นถูกกัดจนหนังหลุดไปนิดหนึ่ง เจ็บแสบๆ

นัทธีแตะเบาๆ วารุณีร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

นัทธีชักมือกลับมา พูดสีหน้าซีเรียสว่า:“รองเท้านี้สวมไม่ได้ และเท้าคุณต้องทายา ผมจะพาคุณไปห้องรับรอง”

พูดจบ เขาก็บิดรองเท้าส้นสูงที่พื้น จากนั้นอุ้มเธอขึ้นมา

วารุณีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะอุ้มขึ้น ก็อุทานอย่างตกใจไป แล้วโอบคอเขาไว้อย่างไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้ ทั้งสองคนนั้นสะดุดตามาก ทุกคนในห้องโถงงานเลี้ยง แทบจะมองมากันหมด

วารุณีรู้สึกถึงสายตาจำนวนมากขนาดนี้ ก็หน้าแดง เอาหน้าซุกไปในอ้อมแขนของนัทธี ทำเหมือนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

นัทธีอุ้มเธอเดินไปที่ห้องรับรองอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า ตอนที่ผ่านคนพวกนี้ เขาก็ตั้งใจอธิบายไปว่า“เท้าของภรรยาผมบาดเจ็บ ผมจะพาเธอไปทายา”

คนในงานเลี้ยงได้ยินคำนี้ ก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีเมตตาออกมา และค่อยๆหลีกทางให้ ให้นัทธีเดินได้สะดวก

ยังไงการกระทำที่นัทธีปกป้องภรรยา ก็ทำให้พวกเขาชื่นชม

และก็เป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงเดินมาถึงห้องรับรองอย่างราบรื่น

นัทธีวางวารุณีไว้บนโซฟา ก็มีบริกรคนหนึ่งถือถาดยามา นอกจากนี้แล้ว ในถาด ยังมีรองเท้าส้นแบนคู่หนึ่ง

“นี่คือสิ่งที่เจ้าหญิงน้อยของพวกเราเตรียมให้ เธอรู้ว่าคุณวารุณีเท้าเจ็บ จึงให้ผมเอามาโดยเฉพาะ”บริกรอธิบาย

ที่แท้ที่นัทธีพูดกับเหล่าแขกเมื่อกี๊ ก็เข้าหูเจ้าหญิงน้อย

ดังนั้นเจ้าหญิงน้อยจึงตั้งใจให้คนเตรียมรองเท้ากับยามาให้

ทำให้นัทธีไม่ต้องสั่งการไป

“ขอบคุณมากนะ”นัทธีพูดขอบคุณ

บริกรออกไป

นัทธีถือถาดมาตรงหน้าวารุณี จากนั้นย่อตัวลงไป ยกเท้าเธอขึ้นมาเหมือนอัศวิน

ท่าของเขาแบบนี้ ทำให้วารุณีไม่ชอบมาก รู้สึกอึดอัดมาก พูดไปว่า;“สามี คุณนั่งข้างฉันเถอะ แบบเมื่อกี๊ คุณทำแบบนี้ฉันไม่ชินเลย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชอบแล้ว”นัทธีไม่ได้ทำตามที่เธอพูด พอเอาเท้าของเธอมาไว้ที่เข่าตัวเองแล้ว จึงเริ่มทายา

ทายาเสร็จ เขาก็ทำเรื่องที่ทำให้วารุณีตกใจอยู่สักพักกว่าจะได้สติคืนมาอีกสักพัก

เห็นแค่ว่าเขายกเท้าของเธอขึ้นมา ก้มหน้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางๆก็จูบไปที่หลังเท้าของเธอเช่นนี้

วารุณีหน้าแดงแปร๊ดทันที ผลักเขาอย่างทนไม่ไหว“คุณ……คุณทำอะไรเนี่ย?”

“มองไม่ออกเหรอ?”นัทธีวางเท้าเธอลงอย่างนิ่งๆ จากนั้นหยิบรองเท้าขึ้นมาสวมให้เธอ“เสร็จแล้ว”

วารุณีจ้องหลังเท้าของตัวเอง รู้สึกว่าตรงนั้นร้อนๆ“คุณ……”

เธอยังพูดไม่จบ โทรศัพท์ในกระเป๋าถือของเธอ จู่ๆก็ดังขึ้นมา ทำลายความเขินอายของเธอ

เธอถอนหายใจอีกครั้ง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นเป็นลีน่าโทรมา ไม่ลังเล กดรับไป“ฮัลโหล?”

“วารุณี เธอรีบมานี่ ปาจรีย์เกิดเรื่องแล้ว!”ที่ปลายสายมีเสียงรีบร้อนของลีน่าเข้ามา

วารุณีได้ยินว่าปาจรีย์เกิดเรื่อง สีหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่สนใจว่าจะปวดส้นเท้า ยืนขึ้นมาจากโซฟาทันที ถามอย่าซีเรียสว่า“ปาจรีย์เป็นอะไร?”

นัทธีได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว และจ้องโทรศัพท์ของเธอ