บทที่ 362 ท่องหัวข้อเรียงความได้ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วใช่ไหมล่ะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 362 ท่องหัวข้อเรียงความได้ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วใช่ไหมล่ะ?

บทที่ 362 ท่องหัวข้อเรียงความได้ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วใช่ไหมล่ะ?

โจวหรุ่ยซูเกิดอาการร้อนรนเสียแล้ว

เธอกรีดร้องเสียงดังลั่น “ไม่ใช่นะ หนูไม่ได้ทำจริง ๆ! นั่นคือคะแนนของหนู แต่พวกคุณต่างหากที่เปลี่ยนมัน ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ!”

ครูใหญ่กู้มองด้วยสายตาผิดหวัง ตระกูลโจวเลี้ยงลูกจนกลายมาเป็นแบบนี้เองสินะ พอเห็นว่าทุกอย่างโดนเปิดเผยก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ

“โจวหรุ่ยซู กระดาษคำตอบของเธอยังอยู่ดีในห้องเก็บเอกสารของเรานะ”

คำพูดของครูใหญ่กู้ทรงพลัง ถึงขนาดโน้มน้าวให้ผู้ปกครองคนอื่น ๆ เชื่ออย่างง่ายดาย

ยิ่งมีคนพูดก่อนหน้านี้ว่า พ่อของเด็กที่ชื่อโจวหรุ่ยซูเป็นคนของฝ่ายกระทรวงการศึกษา พวกเขาก็คาดเดาได้มากกว่าเดิม

ทุกคนคิดว่าคนมีอำนาจแบบนี้ จะทำอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

“ครูใหญ่กู้ หนูสอบได้คะแนนสูงจริง ๆ นะ!”

โจวหรุ่ยซูได้ยินเสียงซุบซิบจากคนรอบข้าง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดก็รีบวิ่งไปที่ข้างครูใหญ่ แต่เป้าหมายของเธอคือกระดาษในมืออีกฝ่ายต่างหาก

ในเมื่อไม่มีใครทำลายมันได้ งั้นเธอจะทำเอง

ครูใหญ่กู้ระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ก็โดนครูใหญ่จินหมายจะทำลายก่อนแล้ว

พอเห็นท่าทางของเด็กสาวแปลก ๆ เขาก็ถอยหลังทันทีพร้อมกับโอบกระดาษไว้อย่างแน่นหนา ทำให้โจวหรุ่ยซูคว้าได้แต่อากาศ

“ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำแบบนั้นล่ะ?”

ผู้ปกครองบางคนเห็นความตั้งใจของโจวหรุ่ยซู พวกเขาอดขมวดคิ้วถามไม่ได้

“ใช่ ๆ คิดจะทำลายผลสอบหรือ?”

“ฉันเห็นเหมือนเธอจะพุ่งเข้าไปแย่งผลสอบเลยนะ”

ท่าทางของโจวหรุ่ยซูทำให้คนที่ไม่คิดจะเชื่อก็เริ่มเชื่อแล้วว่ามีคนแอบอ้างจริง ๆ แล้วก็เจอคนทำแล้วด้วย

ขณะที่ครูใหญ่กู้กำลังจะอ่านต่อก็โดนขัดจังหวะอีกครั้ง

“ครูใหญ่กู้ นี่คือวิธีที่คุณจัดการกับโรงเรียนหรือ?”

คนที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียไปจากโจวหยวน พ่อของโจวหรุ่ยซู อีกฝ่ายมีใบหน้าเรียบเฉย ท่วงท่ามีภูมิฐาน

ครูใหญ่กู้ขมวดคิ้ว ทำไมจู่ ๆ อีกฝ่ายถึงปรากฏตัวขึ้นมาได้ล่ะ?

“หัวหน้าโจว คุณมาได้ยังไงครับ?”

ถึงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้แค่ทักทายออกไป โจวหยวนเป็นรองหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกระทรวงการศึกษา ปกติเวลาอยู่ต่อหน้าพวกครูก็ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้ว

“ถ้าผมไม่มา โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดได้ยุ่งเหยิงแน่!” โจวหยวนพูดเสียงเหี้ยม “ครูใหญ่กู้ คุณเป็นครูอาวุโสนะ จะปล่อยให้คนช้ำต่ำพวกนี้สร้างปัญหาในโรงเรียนได้ยังไง?”

ตอนที่โจวหยวนกำลังพูด เขาจ้องไปทางพวกเสี่ยวเถียนเพื่อชี้นำให้เห็นด้วย

เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก นี่ถึงขนาดเรียกกันว่าคนชั้นต่ำเลยหรือ!

ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกลับทำให้คนฟังไม่ชอบใจมาก ไม่ต้องพูดถึงเด็กบ้านซูที่โดนเรียกว่าคนชั้นต่ำอย่างเหยียดหยาม เดิมทีครูใหญ่กู้ก็ไม่ใช่คนชอบประจบประแจงคนอื่นและยอมให้ตัวเองเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่คราวนี้เขาแย้งกลับอย่างไร้ความปรานีทันที

“หัวหน้าโจว คนที่มาเรียนโรงเรียนของผมคือนักเรียน ส่วนคนที่มาส่งพวกนักเรียนก็คือผู้ปกครอง จะเป็นคนชั้นสูงหรือชั้นล่างมันไม่สำคัญหรอกนะครับ!” ครูใหญ่กู้หน้าบึ้ง

โจวหยวนโดนคำพูดนั้นตบหน้าเข้าไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พูดดี ๆ ไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง มาดูกันว่าวันนี้เขาจะจัดการอีกฝ่ายอย่างไร!

เป็นแค่ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดเอง ถ้าคิดวิธีดี ๆ ได้ก็จัดการเขาได้!

ครูใหญ่กู้ไม่รู้ว่าโจวหยวนกำลังคิดจะจัดการเขาอยู่

“ครูใหญ่กู้ รีบจัดการคนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้ออกไปเลย ไม่งั้นอย่ามาโทษผมแล้วกันที่รายงานเรื่องนี้กับผู้อำนวยการหลี่”

พอได้ยินเช่นนั้น สีหน้าครูใหญ่มืดลงทันตา

นี่คงไม่ใช่พวกคนทำผิดเป็นฝ่ายฟ้องร้องหรอกใช่ไหม?

แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ไม่ใช่ว่าโจวหยวนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังหรอกหรือ?

“ถ้าหัวหน้าโจวต้องการแบบนั้น งั้นพวกเราควรทำยังไงครับ?”

“ควรทำยังไงน่ะหรือ? เรื่องแบบนี้ยังให้ฉันสอนอีกหรือไง?” โจวหยวนพูดด้วยความโมโห “พวกคุณก็ลองใช้สมองคิดสักหน่อยสิ ว่าจะโยนไอ้พวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าพวกนี้ออกไปยังไง!”

พวกผู้ปกครองรอบข้างตระหนักได้เสียทีว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนไร้ยางอายแบบนี้จริง ๆ

ไม่แปลกใจเลยที่โจวหรุ่ยซูจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็ก!

เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก!

“หัวหน้าโจว พวกเขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรานะ ไม่ใช่คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนเสียหน่อย!” ครูใหญ่กู้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

พวกผู้ปกครองชื่อชมครูใหญ่มาก

ต้องต่อกรกับคนมีอำนาจแล้วมันไม่ง่ายเลยนะ!

มีผู้ปกครองบางส่วนกระซิบด้วย “คงจะแปลกถ้าปัญหาเรื่องคะแนนเกี่ยวข้องกับครูใหญ่แบบนี้นะ”

โจวหยวนได้ยินพอดี รู้สึกเหมือนโดนหยามเกียรติจึงเอ่ยเสียงเย็น “ครูใหญ่กู้ คุณอยากจะเดินไปตามทางของตัวเองไหม?”

“หัวหน้าโจว ผมไม่รู้หรอกว่าการเดินไปตามเส้นทางของตัวเองคืออะไร แต่ผมรู้แค่ว่าโรงเรียนของผมรับแต่เด็กนักเรียนที่ดีเท่านั้น!”

ผู้ปกครองมองครูใหญ่ที่เอ่ยออกมาตรง ๆ บางส่วนยังปรบมือให้ด้วย

ใบหน้าโจวหยวนยิ่งมืดลงกว่าเดิม

“ผลสอบของเด็กประกาศออกมาแล้วนะ แถมตอนนี้ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นด้วย แบบนี้มันไม่ส่งผลดีอะไรตีต่อโรงเรียนหรอกนะ!” ในที่สุดโจวหยวนก็เลือกที่จะเข้าหาครูใหญ่และกระซิบเสียงต่ำ

พอฟังจบ กู้ลี่เหรินก็ยิ้ม “ถึงมันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของโรงเรียนเรา แต่ก็ยังดีกว่าชื่อเสียงจอมปลอมพวกนั้นอีก!”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาจ้องมองไปทางโจวหรุ่ยซูอย่างมีความหมายด้วย

เด็กสาวเข้าใจแล้ว!

บิดาของเธอก็เช่นกัน

“ผมขอคัดค้าน!” โจวหยวนพูดขึ้นเสียงดัง

“ไม่มีประโยชน์ที่จะค้านครับ เพราะผมตัดสินใจแล้ว!” ครูใหญ่กู้ตอบ

“ครูใหญ่กู้ คุณจะลงทุนเปลี่ยนคะแนนเด็กเพราะเป็นญาติตัวเองไม่ได้นะ!”

แต่แล้วจู่ ๆ โจวหยวนก็เอ่ยออกมาทั้งยังทำหน้าตาเศร้าสร้อย

“ผมไม่อยากทำลายชื่อเสียงของคุณเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอกนะ แต่คุณรั้นจริง ๆ และผมไม่มีทางเลือกอื่นเลย!”

ครูใหญ่กู้มองอีกฝ่าย แทบจะอาเจียนอาหารที่กินไปเมื่อเย็นเหลือเกิน กระจ่างแจ้งแล้วจริง ๆ นี่สินะที่เรียกว่าเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก

พ่อลูกตระกูลโจวเหมือนกันทุกประการเลย

“ครูใหญ่กู้คะ อันที่จริงเรื่องนี้จัดการง่ายมากนะคะ ไม่จำเป็นต้องดูว่าใครสอบได้สามร้อยเก้าสิบหกคะแนนด้วยนะคะ?”

เสี่ยวเถียนทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมา

ครูใหญ่เห็นนักเรียนตัวน้อยยืนขึ้นเอ่ยก็อดหัวเราะไม่ได้ เด็กคนนี้เลือกเดินในทางปกติเลยนะเนี่ย

ในเวลาแบบนี้ คนอื่น ๆ เขาจะเลี่ยงกันเพราะหวาดกลัว แต่สาวน้อยกลับกล้าหาญมาก

“เธอคิดว่ายังไงก็พูดออกมาเลย!”

“ให้หนูกับนักเรียนที่ชื่อโจวหรุ่ยซูเขียนออกมาค่ะ จากนั้นก็ให้ทุกคนแยกความแตกต่างค่ะ มันจะเห็นชัดมาก แน่นอนว่าหลังจากยืนยันลายมือได้แล้ว ก็อาจจะมีวิธีอื่นด้วยคือคิดหัวข้อขึ้นมาใหม่ แล้วให้พวกเราสอบอีกรอบก็ไม่น่ามีปัญหานะคะ!”

ถึงจะลำบากไปหน่อย แต่เสี่ยวเถียนไม่คิดจะทิ้งสิทธิ์ของตัวเองหรอกนะ

เธอตัดสินใจแล้วว่า คราวนี้แหละที่โจวหรุ่ยซูจะต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

วิธีที่ดีที่สุดในการทำลายคนคนหนึ่งคือ ทำลายสิ่งที่อีกฝ่ายภาคภูมิใจทั้งหมดทิ้งซะ

และคนอย่างโจวหรุ่ยซูนั่น เธอมีสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดคือ การมีพ่อเป็นข้าราชการนั่นแหละ!

โจวหยวนถึงกับตื่นตระหนกที่เสี่ยวเถียนบอกแบบนั้น เพราะในเรื่องลายมือมันระบุได้ง่ายมาก

“ได้สิ ใช้วิธีตามที่เธอบอกเลย” กู้ลี่เหรินเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

และตอนนั้นเองที่โจวหรุ่ยซูก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“สองวันมานี้มือหนูเจ็บอยู่ค่ะ เขียนไม่ได้เลย”

แน่นอนว่ามือเธอไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนั้นทำได้แค่หาข้ออ้างและมันไม่มีวิธีอื่นแล้วด้วย

เสี่ยวเถียนเหลือบมอง ยัยนี่ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ!

“เธอเขียนไม่ได้ใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันเขียนไม่ได้!” อีกฝ่ายขบริมฝีปากแล้วตอบอย่างหนักแน่น

เพราะรู้อยู่แล้วว่าลายมือเราต่างกัน ถ้าเขียนก็จะรู้ได้ทันทีเลย

เสี่ยวเถียนถามต่อ “งั้นปากเธอก็ไม่น่ามีปัญหาเนอะ?”

โจวหรุ่ยซูมึนไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามนี้

หมายความว่าอย่างไร? ไม่สามารถใช้ปากในการสอบได้ใช่ไหม?

“ไม่มีปัญหา!” ทว่าเธอก็ยังตอบออกไป

“ไม่มีปัญหาก็ดี เพราะตอนสอบเรามีเขียนเรียงความในวิชาภาษาจีน มีคำถามให้แสดงความคิดเห็นในวิชาประวัติศาสตร์และการเมือง แล้วก็สองข้อสุดท้ายในวิชาคณิตศาสตร์ที่ให้แสดงวิธีทำ พวกเราก็ท่องมันออกมาน่าจะได้นะ?”

อะไรนะ?

โจวหรุ่ยซูงุนงง นี่มันวิธีอะไรเนี่ย?

เขียนไม่ได้ก็ท่องเอาหรือ?

แล้วเธอจะไปหาสิ่งที่เสี่ยวเถียนเขียนในกระดาษพวกนั้นได้จากที่ไหน? หน้าผากของโจวหรุ่ยซูมีเหงื่อผุดพราย

ผู้เป็นพ่อเอ่ยทันที “หมายความว่ายังไง? คนที่สอบเสร็จไปแล้วจะจำในสิ่งที่ตัวเองเขียนได้ทุกอย่างเลยหรือ?”

เขาคิดว่าที่ตัวเองถามมันไม่น่ามีปัญหานะ แต่ใครใช้ให้ดันมาเจอเสี่ยวเถียนกัน?

เด็กหญิงตอบอย่างเฉียบขาด “หนูทำได้ค่ะ! หนูเชื่อว่าตราบใดที่เขียนออกมาจากใจ ถึงจะท่องเนื้อหาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็น่าจะใกล้เคียงอยู่นะคะ”

พวกผู้ปกครองได้ยินก็พยักหน้า

ใช่แล้ว สิ่งที่ตัวเองเขียนลงไป ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ?

ถึงจะจำได้ไม่หมด แต่ก็เกือบจะทั้งหมดหรือเปล่า!

“พี่แปด พี่เก้า พวกพี่จำได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถาม

“พี่จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก แต่ส่วนใหญ่ก็จำได้นะ!”

พี่ชายทั้งสองไม่เข้าใจที่น้องสาวหมายถึง จึงเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“โจวหรุ่ยซู เธอจะท่องก่อนหรือฉันล่ะ? หรือจะเอาแบบเราท่องพร้อมกันดี?” เสี่ยวเถียนให้สิทธิ์อีกฝ่ายในการเลือก

แต่โจวหรุ่ยซูไม่กล้าตอบรับสักอย่าง!

เธอไม่เคยเห็นกระดาษคำตอบของเสี่ยวเถียน แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายเขียนอะไรบ้าง?

เสี่ยวเถียนไม่รอให้ตอบ เธอยิ้มเย็น “จำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? งั้นฉันยอมเสียเปรียบก็ได้ เธอท่องชื่อเรียงความแล้วกัน ส่วนฉันท่องส่วนที่เหลือเอง แบบนี้เป็นไง?”

เมื่อเด็กสาวว่าเช่นนั้น คนรอบข้างแทบไม่ต้องฟังก็รู้ถึงปัญหาแล้ว

เด็กที่ชื่อโจวหรุ่ยซูเป็นคนแอบอ้างจริง ๆ ด้วย

และคนที่แอบอ้างก็เป็นพวกโอหังจริง ๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลย

“นักเรียนโจว ดูสิ นักเรียนซูพูดถึงขนาดนี้เลยนะ มีอะไรต้องกลัวอีกล่ะ?”

“ใช่ ๆ แค่ท่องชื่อเรียงความเอง ไม่น่าลืมหรือเปล่า?”

สีหน้าของโจวหรุ่ยซูย่ำแย่มากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนี้

เธอจะไปรู้ชื่อเรียงความได้อย่างไรล่ะ?

เสี่ยวเถียนไม่ได้เอ่ยต่อ แค่รอเงียบ ๆ เท่านั้น

คนรอบข้างเริ่มบีบคั้นเด็กหญิงคนนั้นให้ท่องออกมาแล้ว

และใบหน้าของเธอก็แดงเถือกจากการโดนกดดัน

“พวกคุณพอได้แล้วมั้ง เด็กมันยังอยากไปโรงเรียนอยู่นะ?” โจวหยวนทนเห็นลูกสาวคับข้องใจไม่ไหวจึงพูดขึ้นมา

“อั๊ยหย่า น่ากลัวจังเลย รองหัวหน้าฝ่ายกระทรวงการศึกษา คุณทำตัวไม่เหมือนเดิมเลยนะ เพราะโรงเรียนเป็นของตระกูลคุณที่ก่อตั้งมันนี่นา!”

พอมีคนหนึ่งพูดแดกดัน คนข้างหลังก็ทำตามกันทันที

ได้ยินเช่นนี้ โจวหรุ่ยซูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอเตรียมที่จะวิ่งหนีออกไป

แต่ก็โดนเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วขวางเอาไว้

“เพื่อนร่วมชั้น เธออย่าเพิ่งรีบร้อนสิ วันนี้เธอต้องพูดมันออกมาให้ได้นะ จะให้น้องสาวของฉันแบกรับความอยุติธรรมนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือไง?” เสี่ยวปาเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ