ตอนที่ 411 โคนเมือก

ตอนที่ 411 โคนเมือก

บัดซบ!

คนข้างหลังถึงกับทรุดลง!

โดยเฉพาะคนที่ต่อแถวอยู่หลังอันเดรีย ทั้งที่ถึงคิวของเขาแล้วแท้ ๆ แต่กลับปล่อยให้ผู้จัดการตลาดเหมามันไปได้ นี่เขาเข้าคิวอยู่ตั้งนานไปทำไมกัน?

ควรจะเหลือไว้ให้เขาสักไม้สองไม้สิ!

สวี่หลิงอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก จึงพูดว่า “คุณผู้ชายคะ แต่ว่าฉันไม่มีไม้เสียบมากพอหรอกค่ะ แล้วก็ไม่มีเงินที่จะไปหาซื้อมันมาให้คุณด้วย”

“ไม่ต้องไปหาหรอกครับ!” อันเดรียพูด “เอาเท่าที่เหลือให้ผมก็พอ!”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า ในเมื่อลูกพี่พูดแบบนี้ เธอคงไม่อาจปฏิเสธได้ง่าย ๆ ใช่ไหม? ช่างเถอะ ยังเหลืออีกตั้งหกเจ็ดร้อยไม้

“ไปทำงานเร็วเข้า!” สวี่หลิงอวิ๋นถือเหรียญทองอินทนิลอย่างมีความสุข แล้วหันไปออกคำสั่งกับแขนกล ถือเหรียญไว้ในมือและเอามันใส่กระเป๋า

เป็นกิจการที่ดีมาก! แค่บาร์บีคิวหกถึงเจ็ดร้อยไม้ก็ได้เหรียญทองอินทนิลมาครองแล้ว! ดีจังเลย!

ลูกพี่คนนี้หน้าตาดีและใจกว้างมาก!

เนื้อบาร์บีคิวหกถึงเจ็ดร้อยไม้ถูกแขนกลบรรจุลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยื่นไปให้อันเอรีย แต่แล้วเขาก็หยุดลงขณะมองดูเตาย่างที่ยังมีไฟติดอยู่

อันเดรียมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นและพูดชมเชย “อยากมาเป็นแม่ครัวที่บ้านผมไหมครับ? ผมจะให้ค่าจ้างสามสิบเหรียญทองอินทนิลต่อเดือน งานไม่ได้หนักมาก ขอแค่อาหารสามมื้อก็พอ”

งานไม่ได้หนักมาก แต่เมื่อเทียบกับร้านอาหารที่เธอกำลังจะเปิด มันไม่พอ!

“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณผู้ชาย แต่ฉันคงรับงานนี้ไว้ไม่ได้ เพราะว่าฉันกำลังจะเปิดร้านอาหารค่ะ!”

เปิดร้านอาหาร?!

หลายคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงี่ยหูฟังทันที ตั้งใจจะฟังคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าเธอจะไปเปิดร้านอาหารที่ไหน? ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็จะเข้าไปกินอาหารที่นั่นวันละสามมื้อ!

แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงไปหน่อย! ไม่รู้ว่าจะกินได้สักกี่มื้อ

“โอ้? น่าชื่นชมที่คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณกำลังจะมีกิจการเป็นของตัวเอง” อันเดรียเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ไม่ทราบว่าจะเปิดที่ไหนเหรอครับ? ผมขอเป็นเกียรติไปชิมสักรอบสองรอบได้ไหมครับ?”

“ได้สิคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ที่โรงแรมไห่เว่ยค่ะ”

ไห่เว่ย?!

ผู้คนจำนวนมากตกตะลึง และดับไฟแห่งความหวังในใจ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในโรงแรมแห่งนั้นได้ด้วยซ้ำ!

โรงแรมไห่เว่ยถูกจัดให้เป็นโรงแรมที่ประกอบไปด้วยร้านอาหารมากมาย ชนชั้นสูงและครอบครัวที่มั่นคั่งล้วนชอบไปกินอาหารและรับการบริการที่นั่น

เจ้าของร้านแผงลอยกำลังจะเปิดร้านอาหารที่นั่น อิทธิพลที่อยู่ข้างหลังจะต้องแตกต่างจากผู้ซื้อที่ยากจนอย่างพวกเขาแน่นอน!

เปรียบอะไรก็เปรียบได้ แต่เปรียบวาสนากันไม่ได้!

ทุกวันนี้พวกเขาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย จะต้องเลื่อนขั้นไปเป็นชนชั้นสูงก่อนถึงจะกินอาหารที่นี่ได้ และมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน!

แต่ว่าบาร์บีคิวของเธออร่อยจริง ๆ!

ไม่นานนักผู้จัดการตลาดก็จากไป สวี่หลิงอวิ๋นปิดร้านแผงลอย ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่เต็มใจที่จะจากไป พวกเขาเป็นคนจนที่มาต่อคิวเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ถึงคิวพวกเขาด้วยซ้ำ สวี่หลิงอวิ๋นหยิบปุ่มมิติกักเก็บขึ้นมา จากนั้นจึงหยิบกุนเชียงออกมา “เอามันกลับไปอบดูค่ะ มันอร่อยนะ”

สายตาเหล่านั้นมองดูด้วยความสนใจ ว้าว! น่าจะอร่อยนะ!

หลังจากมอบเหรียญจักรกรินให้สวี่หลิงอวิ๋น พวกเขาก็จากไป

แม้ว่าเธอจะได้แค่เหรียญจักรกริน แต่ว่าเธอก็ไม่สนใจ

ตอนนี้ไปเดินดูของในตลาดกันเถอะ!

ชิงเย่ยังคงต้องเฝ้าร้านแผงลอยของเขา ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นเดินออกไป ผู้คนก็เดินเข้ามาที่ร้านของเขา แลกเปลี่ยนเหรียญทองอินทนิลสามเหรียญเป็นลูกกาน่าหกตัว ค้าขายเรียบร้อย! เพียงพอสำหรับส่งเงินกู้ยานอวกาศในปีนี้แล้ว!

และยังต้องเติมเงินใส่บัตรสมาชิกด้วย

หลังจากคำนวณดูแล้ว เหรียญทองม่วงจะเหลือเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น!

จะต้องประหยัดบ้าง! เขาแอบตัดสินใจว่าจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยอีก! เขาสาบาน

สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีกำลังเดินเล่นอยู่ในตลาด ร้านแผงลอยแปลกประหลาดมากมายที่นี่ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา!

คนส่วนใหญ่จะเอาอาวุธมาขาย อาวุธที่มีประสิทธิภาพขั้นต่ำที่สุดคืออาวุธนิวเคลียร์ ถ้าให้พูดเกินจริงก็คือระเบิดลูกหนึ่งสามารถระเบิดดาวเคราะห์ทั้งดวงได้!

สวี่หลิงอวิ๋นพูดไม่ออก ทำไมอาวุธน่ากลัวถึงได้มาอยู่ที่นี่? ไม่กลัวว่าใครจะมาระเบิดจักรวรรดิเคทเลอร์เข้าเหรอ?

น่าเสียดายที่ชิงเย่ไม่อยู่ตรงนี้ จึงไม่มีใครอธิบายให้พวกเธอฟัง

นอกจากนี้ยังมีคนขายของเหมือนชิงเย่ ทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก สัตว์เลี้ยงพวกนี้ราคาเริ่มต้นที่สิบเหรียญดวงดาวเท่านั้น ถ้าเอามันไปที่จักรวรรดิชิงเหย้า ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกจักรวรรดิที่ต้องล้มตาย?

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกจั๊กจี้หัวใจเมื่อเห็นสัตว์น้อยน่ารักเหล่านี้ เธออยากจะซื้อมันกลับไปสักตัว! แต่ช่างเถอะ! ยังไงเธอก็มีหมาและแมวอยู่แล้ว

ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก

นอกจากนี้ ยังมีขายยาเสริมเสน่ห์อะไรนั่นอีก ไหนจะอุปกรณ์เวทมนตร์ สมุนไพรเวทมนตร์ราคาถูกอีกด้วย…

น่าตื่นตาเสียจนไม่รู้จะซื้ออะไรกลับไป!

สวี่หลิงอวิ๋นมองดูนู้นนี้นั่น ทันใดนั้นต้นกล้าในหัวของเธอก็เริ่มบ้าคลั่ง!

ดูเหมือนว่าพวกมันจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มันจึงรีบขยับเขยื้อนไปในทิศทางเดียวกัน

เธอมองดูโอคาซี ขณะที่โอคาซีก็มองมาที่เธอ เห็นได้ชัดว่าต้นกล้าในหัวของเขามีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

ของอะไรที่ทำให้ต้นกล้าทั้งสองมีปฏิกิริยาพร้อม ๆ กันเช่นนี้?

ทั้งสองมองหน้ากันและเดินตรงไปข้างหน้า

บริเวณหัวมุม ในที่สุดพวกเธอก็มองเห็นสิ่งลึกลับบางอย่าง

มันคือเศษโคลนสีดำ แปลกมากที่โคลนนี้สามารถเคลื่อนที่ได้จริง! มันดูคล้ายกับสิ่งของที่มีชีวิต!

“อันนี้คืออะไรเหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นถามคนขายด้วยความสงสัย

“มันคือของสำคัญที่ใช้ในการปลูกต้นไม้และดอกไม้!” พ่อค้ารายเล็กมองดูทั้งสองคนที่เข้ามาใหม่ หืม…การค้าขายกำลังเริ่มแล้วสินะ?!

แม้ว่าโคลนเมือกจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ยาก แต่ก็มีไม่กี่คนที่อยากจะใช้มัน

เนื่องจากมันมีราคาแพงเกินไป ผู้คนมีกำลังจ่ายไม่เพียงพอ แต่ถ้าขายถูก ก็ไม่คุ้มกับค่าเดินทาง

เขาพยายามขายโคลนเมือกกองสุดท้ายที่เหลืออยู่ “คุณทั้งสองอยากได้ไหมครับ? ไม่แพงหรอก ขอแค่เหรียญทองอินทนิลเหรียญเดียว!”

“เหรียญทองอินทนิล?” สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ “ถ้างั้นคุณก็กอดมันไว้ตลอดช่วงฤดูหนาวเถอะ! เหรียญทองอินทนิลนั่นด้วย! ทำไมคุณไม่ขายสักร้อยเหรียญไปเลยล่ะ?”

เหลือบมองราวกับมองดูคนโง่เขลา!

ก็แค่เศษโคลนที่ใช้ปลูกต้นไม้และใบหญ้า ที่นี่ไม่ใช่เขตของคนชนชั้นสูงสักหน่อย ถึงจะได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลมาซื้อของที่ไม่เข้าท่าแบบนี้?

“โอ้ ฉันจะบอกอะไรให้นะพี่สาว คุณพูดแบบนั้นได้ยังไง? คุณมองดูโคลนเมือกนี่สิ ถึงมันจะน่าเกลียดและดูสกปรก แต่คุณเอามันไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่มีชื่อเสียงก็ได้นี่นา แล้วค่อยขายให้กับพวกคนรวย บางทีเขาอาจจะซื้อมันในราคาสามถึงห้าเหรียญทองอินทนิล เพราะงั้นคุณก็ได้กำไรคืนมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”

“สามถึงห้าเหรียญเหรอ พอเถอะ! ดินโคลนของนายขายได้แค่หนึ่งเหรียญจักรกรินเท่านั้นแหละ ไม่มีใครอยากจะเอาเหรียญทองอินทนิลมาแลกหรอก!” ชิงเย่โผล่ออกมาจากทางด้านหลังสวี่หลิงอวิ๋น “ดูด้วยว่าคุณกำลังหลอกใครอยู่!”

เอลฟ์เป็นผู้คุ้นเคยกับโคลนเมือกมากที่สุด!

เพราะดินโคลนที่อยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิตของพวกเขาเป็นโคลนเมือก โคลนเมือกชนิดนี้กับต้นไม้แห่งชีวิตจะคอยช่วยเกลื้อหนุนซึ่งกันและกัน

พวกมันจะเพิ่มสารอาหารให้กับต้นไม้แห่งชีวิต และต้นไม้แห่งชีวิตก็จะปล่อยของเสียลงมาในโคลนเมือก เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของมัน