ตอนที่ 380

My Disciples Are All Villains

นี่คือวิชาของยู่ฉางตง วิชาหุบเขาหิมะทลาย มันเป็นชื่อวิชาที่ได้รับการตั้งชื่อมาจากการใช้ดาบพลังงานมากมายหลายเล่มให้ตกลงใส่เป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้งราวกับหิมะ แม้ว่าหิมะมันจะดูเบาราวบางแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นมันก็ทำให้ผู้ที่สัมผัสรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาได้

ยู่ฉางตงเริ่มที่จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เมื่อตัวเขาได้เอาดาบลง อากาศรอบๆ ในรัศมีกว่าหลายสิบเมตรก็เริ่มที่จะปั่นป่วนไป ดาบพลังงานของตัวเขาได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะร่วงหล่นลงสู่เป้าหมาย ดาบพลังงานที่เป็นเหมือนกับภูเขาหิมะกำลังถล่มใส่จางหยวนฉานพร้อมกับดาบยืนยาวที่กำลังพุ่งเข้าแทง

ในตอนนั้นเองคลื่นพลังสีดำก็ได้ปรากฏออกมาจากจุดที่จางหยวนฉานยืนอยู่ พลังที่ว่าได้ลอยขึ้นไปบนอากาศมันก่อนที่จะหลอมรวมเข้ากับดาบพลังงานทั้งหลาย

สีหน้าของยู่ฉางตงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากพลังสีดำได้ ตัวเขารู้สึกสับสนกับสิ่งที่เห็น แต่ถึงแบบนั้นเขาจะเสียสมาธิไม่ได้ ยู่ฉางตงยังเน้นไปที่การโจมตีต่อไป นี่คือทัศนคติที่ยอดฝีมือผู้ฝึกฝนในดาบพึงมี แม้ว่ามันอาจจะเป็นเหมือนกับเส้นทางธรรมดา แต่ทันทีที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว สิ่งที่น่าตกใจก็จะเกิดขึ้น ยู่ฉางตงได้เข้ามาประชิดเป้าหมายจากระยะทางกว่าหลายร้อยเมตรก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าของจางหยวนฉาน ดาบในมือของยู่ฉางตงได้แทงใส่จุดตายในทันที

ฉึ๊ก!

จางหยวนฉานไม่ได้หลบการโจมตี

ดาบของยู่ฉางตงได้แทงทะลุหัวใจของจางหยวนฉานไปเต็มๆ

ดาบของยู่ฉางตงที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังลมปราณอันทรงพลังได้ทำลายล้างเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของจางหยวนฉานไปด้วย ถ้าหากเป็นผู้ฝึกยุทธธรรมดาชีวิตของเขาคนนั้นก็คงจะสิ้นสุดลงในทันทีเมื่อได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แต่จางหยวนฉานไม่ได้เป็นแบบนั้น ตัวเขาเพียงแค่หรี่ตาก่อนที่จะประกบฝ่ามือเข้าหากัน คลื่นพลังงานที่แปลกประหลาดได้พุ่งออกมาจากร่างกายของจางหยวนฉานราวกับคลื่นยักษ์

หวือออ!

ยู่ฉางตงรีบใช้งานพลังอวตารดอกบัวทองคำแปดกลีบออกมา แต่พลังอวตารของเขาได้หดตัวลงไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นเองดอกบัวทองคำที่มีก็เริ่มที่จะหมุนเร็วมากขึ้น ยิ่งถูกพลังอันแปลกประหลาดมากเท่าไหร่ดอกบัวทองคำก็จะหมุนเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ตู๊ม!

พลังอวตารของยู่ฉางตงได้หายไป ยู่ฉางตงที่กำลังลอยอยู่บนอากาศได้ถอยออกมาไกลก่อนที่จะจ้องมองจางหยวนฉาน “น่าสนใจ”

จางหยวนฉานได้ประกบฝ่ามือของตัวเอง ตัวของเขาสั่นเครือเล็กน้อยก่อนที่จะสงบลง ดูเหมือนว่าจางหยวนฉานจะไม่พอใจกับการโจมตีครั้งนี้ แม้แต่เขาเองก็จะประเมินความแข็งแกร่งของดาบปีศาจต่ำไป จางหยวนฉานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูติดๆ ขัดๆ “น่า…สน…ใจอย่างงั้นหรอ?”

“ข้าเคยท้าประลองยอดฝีมือมากมายมา ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือจากมณฑลทั้งเก้ารวมไปถึงทะเลทั้งสี่น่านน้ำ แน่นอนว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นได้ เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน” ยู่ฉางตงได้พูดออกมาในระหว่างที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหากตัวเขาไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้อันโชกโชนและความสามารถในการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำ พลังงานที่แปลกประหลาดนั้นคงจะพุ่งตรงทะลุไปที่อกของยู่ฉางตงเข้าอย่างจังแล้ว

ทุกๆ คนต่างก็รู้กันดีว่าพลังอวตารแห่งร้อยวิถีจะทำให้ผู้ฝึกยุทธคนนั้นมีพลังการป้องกันตัวที่สูงขึ้น แต่ถึงแบบนั้นก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าพลังป้องกันที่ว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวพลังอวตาร มันอยู่ที่ดอกบัวทองคำต่างหาก

ดอกบัวทองคำที่อยู่บนอวตารของยู่ฉางตงได้ป้องกันการโจมตีจากหยวนฉานเอาไว้

จางหยวนฉานได้ทุบหน้าอกของตัวเองก่อนที่จะปลดปล่อยดาบยืนยาวออกมาจากตัว จางหยวนฉานที่คว้าดาบยืนยาวไว้ได้พยายามที่จะหักมันด้วยมือขวา

ตู๊ม!

มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมาก่อนที่ดาบยืนยาวจะหลุดมือของจางหยวนฉานและลอยกลับไปหายู่ฉางตง

ยู่ฉางตงได้คว้าดาบยืนยาวเอาไว้ด้วยมือขวา เพียงแค่อยากให้ดาบยืนยาวกลับมาเท่านั้น ดาบเล่มนี้ก็จะลอยกลับมาหายู่ฉางตงเอง “พยายามที่จะหักดาบของข้าด้วยมือเปล่า? เจ้ากำลังฝันไปรึเปล่า?”

ดาบยืนยาวเป็นหนึ่งในอาวุธระดับสรวงสวรรค์ที่ดีที่สุด มันเข้ากันได้ดีกับยู่ฉางตงเมื่อนานมาแล้ว มันไม่เคยด้อยไปกว่าอาวุธชิ้นใดตั้งแต่ที่มันเคยร่วมสู้กับยู่ฉางตงมา เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะถูกทำลายด้วยมือเปล่า

หวือออ!

พลังสีดำได้ไหลออกจากตัวของจางหยวนฉานมากขึ้น และเมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าว่าพลังงานสีดำเป็นพลังสีม่วงเข้ม มันเป็นสีม่วงที่เข้มจนดูเหมือนกับสีดำ

ต้นไม้ต่างๆ ที่อยู่ในระยะหลายร้อยเมตรรอบตัวของจางหยวนฉานเริ่มเหี่ยวเฉา

ยู่ฉางตงมั่นใจมากว่าร่างกายของจางหยวนฉานไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ถ้าหากร่างกายของจางหยวนฉานเป็นมนุษย์จริง เขาก็คงจะต้องตายเพราะการโจมตีก่อนหน้านี้ไปแล้ว ไม่อย่างงั้นจางหยวนฉานก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามในตอนนี้จางหยวนฉานยังดูไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ

พลังงานสีดำได้ก่อตัวกันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ก่อนที่จะทอดยาวไปกว่าหลายร้อยเมตร

บนแท่นบูชาหยกเขียว สาวกจากสำนักอเวจีไม่อาจที่จะห้ามความอยากรู้อยากเห็นที่ตัวเองมีได้อีกต่อไป สาวกคนนั้นได้เดินขึ้นไปบนแท่นประลองก่อนที่จะเฝ้ามองการต่อสู้

ทั้งสองฝ่ายต่างก็โจมตีกันจากในระยะไกล

หวืออ!

ยู่ฉางตงได้เปิดใช้พลังอวตารของตัวเองอีกครั้ง พลังอวตารที่สูงกว่าร้อยฟุตได้ปรากฏตัวขึ้นบนแท่นบูชาหยกเขียว

สาวกของสำนักอเวจีตกตะลึงที่ได้เห็นภาพนี้ อวตารสีทองที่ส่องแสงออกมาเป็นอะไรที่ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

หวืด! หวืด! หวืด!

ดาบยืนยาวของยู่ฉางตงกำลังสั่นอย่างรุนแรง แม้ว่าดาบจะเป็นแบบนั้นแต่สีหน้าของยู่ฉางตงก็ยังคงนิ่งเฉย ยู่ฉางตงได้พุ่งตัวมาจากสุดขอบฟ้าพร้อมกับอวตารของตัวเอง

ภาพที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้น

แขนของอวตารดูเหมือนกำลังจะเคลื่อนไหว

สาวกของสำนักอเวจีที่เห็นแบบนั้นรู้สึกสับสน ตัวเขาไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินเรื่องราวของการขยับส่วนใดส่วนหนึ่งของอวตารมาก่อน

ดาบยืนยาวถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังงานอันทรงพลัง และในตอนนั้นเองดาบพลังงานก็ได้ขยายขนาดจนมีขนาดใหญ่ยักษ์ก็ได้ปรากฎขึ้น อวตารตัวใหญ่ยักษ์ได้ถือดาบพลังงานเอาไว้ที่มือของมันแล้ว

“นี่เป็นวิชาดาบที่ข้าคิดค้นขึ้นมา มันเป็นการรวมร่างอวตารเข้ากับดาบของข้า…หืม ข้ายังไม่ได้ตั้งชื่อมันเลยสินะ”

พรึ๊บ!

อวตารได้ขยับแขนของมันลง ดาบพลังงานอันใหญ่ยักษ์ได้เฉือนไปที่ร่างของจางหยวนฉาน

ในช่วงเวลาอันสำคัญในที่สุดจางหยวนฉานก็เริ่มเหวี่ยงเชือกที่มีอยู่ในมือ จางหยวนฉานกำลังจะใช้ซากศพที่พกมาด้วยปะทะเข้ากับดาบพลังงาน

ทันใดนั้นเองศพที่เหี่ยวเฉาก็ลืมตาตื่นขึ้น พลังอันแข็งแกร่งได้พุ่งออกมาจากตัวมัน ในขณะเดียวกันพลังอวตารสีดำก็ได้เข้าปะทะกับดาบพลังงานของยู่ฉางตง

ตู๊ม!

สาวกของสำนักอเวจีบนแท่นหยกเขียวได้แต่ร้องอุทาน “นั่นมันพลังวิถีพุทธปีศาจ!”

ยู่ฉางตงขมวดคิ้วในขณะที่ถอยกลับไปพร้อมกับพลังอวตารของตัวเอง ‘เจ้านี่รู้วิธีปกป้องตัวเองโดยใช้ดอกบัวจากร่างอวตารด้วยอย่างงั้นหรอ?’ ยู่ฉางตงประหลาดจนเกินไป จางหยวนฉานได้เลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขาไว้แล้ว ในขณะที่ยู่ฉางตงถอยกลับมา ซากศพที่ดวงตาเปิดอยู่ก็ได้ยกฝ่ามือก่อนที่จะพนมขึ้น

“ตายซะ!” จางหยวนฉานกรีดร้องออกมา นี่เป็นโอกาสครั้งที่สองของตัวเขา!

อวตารสีดำได้บินออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่มีใครเคยได้เห็นวิชาใช้ซากศพต่อสู้แบบนี้มาก่อน จะมีใครที่ต่อสู้โดยใช้ซากศพที่มัดเชือกเอาไว้เป็นอาวุธได้กัน?

“อย่า…ได้…เมิน…ข้า” จางหยวนฉานได้พูดออกมาอย่างนิ่งสงบ เขาได้กระทืบเท้าของตัวเองก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนอากาศ มันเป็นการพุ่งตัวอย่างรวดเร็ว ศพที่ตัวเขาได้พามาด้วยก็ได้ลอยตามไปโดยที่มีพลังอวตารของมันเป็นตัวตั้ง

“ท่านยู่ฉางตง!” สาวกสำนักอเวจีตะโกนออกมาด้วยความกังวล

ยู่ฉางตงถูกจู่โจมจนกระเด็นถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักตัวเขาก็มองไม่เห็นแท่นบูชาหยกเขียวอีกต่อไป

แขนของจางหยวนฉานได้เปลี่ยนกลายเป็นสีดำ พลังงานสีดำและซากศพของกงหยวนได้ปล่อยคลื่นพลังในการโจมตีตามมา

ลำคอของจางหยวนฉานได้ส่งเสียงกู่ร้อง มันเป็นเสียงที่คล้ายกับเสียงหัวเราะ หลังจากนั้นลำแสงพลังงานถึงสามเส้นก็ได้พุ่งจู่โจม พลังลำแสงทั้งสามมันเพียงพอแล้วที่จะทำลายพลังอวตารของยู่ฉางตงให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ได้

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้น “ศิษย์พี่รอง!”

มีใครบางคนได้ปรากฏตัวขึ้นจากบนท้องฟ้าก่อนที่จะร่อนลงสู่อวตารร้อยวิถีที่ยู่ฉางตงมี ร่างของใครคนนั้นห่อหุ้มไปด้วยน้ำราวกับว่าเป็นฝนที่โปรยปรายลงมา

ลำแสงพลังงานที่เหลือของจางหยวนฉานได้ร่อนลงบนร่างที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยน้ำ เมื่อน้ำสลายหายไปยู่ฉางตงก็ได้เห็นร่างอวตารเพศหญิง มันดูเหมือนกับเทพธิดาที่กำลังแผ่พลังออกมา ไม่ไกลนักมีห่วงแห่งรักกำลังเต้นระบำอยู่ในสายน้ำ

สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีรอบตัวของยู่ฉางตงกว่า 1,000 เมตรถูกทำลายจนไม่เหลือซาก

“นี่มันวิชาคลื่นนภา? ศิษย์น้องหกอย่างงั้นหรอ?” ยู่ฉางตงได้เงยหน้าขึ้นมอง เขาเหลือบไปเห็นยี่เทียนซินก่อนที่จะพูดออกไปอย่างหนักแน่น “ถอยไปซะ!” ยู่ฉางตงกลับมาตั้งหลักใหม่ได้แล้ว ตัวเขากำลังพุ่งไปหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

จางหยวนฉานที่เห็นว่าการโจมตีไม่สามารถสังหารเป้าหมายได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันน่าขนลุก “สาปแช่ง…ข้าขอสาปแช่งเจ้า!”

ผู้ที่เพิ่งมาถึงไม่ใช่ใครอื่นนางก็คือยี่เทียนซิน นางทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะป้องกันการโจมตีจากศพของกงหยวน แม้ว่าจะป้องกันการโจมตีจากกงหยวนได้แต่ก็ยังมีการโจมตีจากจางหยวนฉานที่จะต้องรับมืออยู่ดี

แขนของจางหยวนฉานได้ปูดบวมขึ้น “พวก…แก…ทุก…คน…จะ…ต้อง…ตาย!”

ยี่เทียนซินได้เรียกห่วงแห่งรักกลับมา นางรับฟังคำแนะนำของยู่ฉางตงเป็นอย่างดีก่อนที่จะถอยกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลังอวตารของตน

“ศิษย์พี่ เจ้านี่มียอดคนทรงคอยสนับสนุนอยู่…ถ้าหากเป็นวิชาหนึ่งร่างสามดวงวิญญาณของท่านน่าจะจัดการมันได้” ในขณะที่ยี่เทียนซินกำลังบอกข้อมูลให้กับยู่ฉางตงได้ฟัง ในตอนนั้นนางก็รู้สึกถึงพลังงานที่ใกล้เข้ามาถึงตัวเขาได้ ในที่สุดยี่เทียนซินก็รู้ตัวว่าไม่ใช่แขนของจางหยวนฉานที่ขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่อะไรบางอย่างซึ่งเป็นพลังโปร่งใสดูคล้ายกับหนวดปลาหมึกก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน บางส่วนของหนวดที่ว่าบัดนี้ได้เข้าประชิดตัวของยี่เทียนซินซะแล้ว!