บทที่ 351 ถอดใจจากเขา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“คนอย่างเขา ไม่ใช่ว่าแปลกมาตลอดอยู่แล้วเหรอ?”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับเบาๆ พูดไปนิ่งๆ

วารุณีส่ายหน้า“พงศกรในตอนนี้กับพงศกรเมื่อก่อน ถึงแม้นิสัยจะคล้ายกันมาก แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติไป”

แต่ก็พูดไม่ออก

นัทธีโอบเอวของเธอ และเดินไปด้านใน“เข้าไปก่อนเถอะ ด้านนอกหนาว”

วารุณีตอบอือ

พอเข้าไปแล้ว นัทธีก็พูดอีกว่า:“ไม่ว่าพงศกรจะผิดปกติตรงไหน ความระวังตัวที่คุณมีต่อเขาก็อย่าผ่อนปรนลง เพราะสิ่งที่ไม่รู้อย่างนี้ ถึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”

“ฉันรู้แล้ว”วารุณีพยักหน้าจริงจัง จากนั้นมองซ้ายมองขวา ที่มุมหนึ่ง ก็มองเห็น ลีน่ากับปาจรีย์ทั้งสองคน

“สามี ฉันจะไปดูปาจรีย์ คุณ……”

“ผมจะไปหาวิลเลียม”นัทธีรู้ความหมายของเธอ ตัดบทของเธอ

วิลเลียม ก็คือพี่ชายของเจ้าหญิงน้อย

และก็เป็นเจ้าของเดิมของเพชรเหมืองแร่ที่นัทธีซื้อ

วารุณีรู้ว่านี่เขาให้โอกาสเธอไปหาปาจรีย์เป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงเลือกเวลานี้ไปหาวิลเลียม ในใจก็รู้สึกอบอุ่น พูดด้วยรอยยิ้ม:“โอเค ขอบคุณนะสามี เดี๋ยวตอนค่ำจะชดเชยให้คุณเอง”

พอได้ยิน แววตานัทธีมีประกายแวบเข้ามา พยักหน้าเล็กน้อย

วารุณีโบกมือให้เขา เห็นเขาเดินไปในฝูงชน จึงหันกลับ เดินไปที่มุม

“ปาจรีย์”วารุณีเรียกปาจรีย์เบาๆ

ปาจรีย์ก้มหน้าลง ได้ยินเสียงตะโกนของเธอ หลังจากร่างเคลื่อนไหวเล็กน้อย แป๊บเดียวก็กลายเป็นเหมือนเดิม

ลีน่าเอามือกุมหน้าผากอย่างปวดหัว“ตั้งแต่เมื่อกี๊จนตอนนี้ เธอเอาแต่เป็นแบบนี้ ฉันปลอบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์”

“ลำบากเธอแล้วลีน่า”วารุณียิ้มให้เธออย่างรู้สึกผิด

ลีน่าผายมือออก“ไม่เลย เธอดื้อดึงมากเลย ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งไหม?ทำไมต้องทำตัวเองเป็นแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ วารุณีเธอมาได้พอดีเลย เธอมาโน้มน้าวเธอหน่อย ฉันโน้มน้าวไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปหาคนดื่มเหล้าแล้ว”

“ไปเถอะ”วารุณียิ้มโอเคออกไป

ลีน่าไปแล้ว เธอจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่ลีน่าเพิ่งนั่ง ซึ่งก็คือข้างๆปาจรีย์

พอนั่งลง วารุณีก็หันไปมองปาจรีย์“ปาจรีย์ พงศกรพูดอะไรกับเธอใช่ไหม?”

ปาจรีย์พยักหน้า

วารุณีหรี่นัยน์ตาดอกท้อลง“พูดว่าอะไร?”

ปาจรีย์ยิ้มอย่างขมขื่น“ฉันเห็นเขาพาคุณแอนนี่มา เลยเข้าไปถาม เขาบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉัน นี่เป็นเรื่องของเขา ฉันไม่มีสิทธิ์ไปถาม จากนั้นก็ไล่ฉันไป”

ที่แท้ก็แบบนี้เอง

ไม่น่าล่ะปาจรีย์ถึงเสียใจแบบนี้

ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ปาจรีย์ไปต่างประเทศเพื่อไปเจอพงศกร ก็เคยเห็นแอนนี่แล้ว แต่ไม่ได้เสียใจมากอย่างตอนนี้

คำว่าไล่ กับคำว่าไม่มีสิทธิ์นี้ แทงใจของผู้หญิงคนหนึ่งมากจริงๆ

วารุณีจับปาจรีย์เจ้ามาอย่างปวดหัว ให้เธอพิงไปที่ไหล่ของตัวเอง“เอาน่ะ อย่าใส่ใจเลย ท่าทีที่พงศกรทำต่อเธอ พวกเราต้องค่อยๆเปลี่ยน ถ้าเสียใจตอนนี้เลย แล้วต่อไปจะทำไง?”

ปาจรีย์สะอึกสะอื้นเสียงเบา“วารุณี ฉันไม่ใช่แค่เสียใจต่อท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อฉันนะ แต่ยังมีท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อแอนนี่อีก ครั้งที่แล้วตอนที่ฉันไปเยี่ยมเขาที่ต่างประเทศ เขายังเย็นชากับแอนนี่มาก ดังนั้นฉันจึงวางใจให้แอนนี่ไปดูแลเขา เพราะฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่มีอะไรกัน แต่ครั้งนี้……”

ครั้งนี้ เธอกลัวมากจริงๆ

ท่าทีที่พงศกรปฏิบัติต่อแอนนี่ ชัดเจนว่าอ่อนโยนขึ้นมาก และยังบอกว่าจะไปพิจารณาเรื่องคบกับแอนนี่

ซึ่งจะทำให้เธอไม่ตื่นตระหนก ไม่กังวลได้อย่างไร

วารุณีเงียบลง

พูดตรงๆ ท่าทีที่พงศกรมีต่อแอนนี่ ก็ทำให้เธอรู้สึกตกใจ

สรุปว่า ระหว่างพวกเขาสองคนนั้นเกิดอะไรขึ้น?

“วารุณี เธอว่าฉันจะทำอย่างไรดี?”ปาจรีย์เงยตาที่ร้องไห้แดงก่ำคู่นั้นมามองวารุณี“เขาเคยรักเธอ และก็ปฏิบัติต่อแอนนี่อย่างพิเศษ ทั้งๆที่ฉันอยู่กับเขานานที่สุด แต่ทำไมเขาไม่มองฉันบ้าง”

วารุณีเสยผมที่หน้าของเธอออกอย่างสงสาร“เพราะว่าระหว่างพวกเธอมีความเข้าใจผิดกันอยู่”

“เข้าใจผิด!”ปาจรีย์ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ“ใช่ ความเข้าใจผิดที่สมควรตายนี้!ฉันอธิบายกับเขามาตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมเขาไม่เชื่อฉันเลย ทำไม……”

เธอเอาหน้าซุกลงไปอีกครั้ง

วารุณีลูบหัวเธอเบาๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไร

พงศกรเชื่อไปแล้วว่าการตายของพ่อแม่ตัวเอง เป็นครอบครัวปาจรีย์ที่ทำร้าย ในใจนั้นแค้นครอบครัวปาจรีย์ ดังนั้นจะไปเชื่อคำพูดของศัตรูอีกครั้งได้ไง

ได้แต่บอกว่า ถ้าปาจรีย์จะขจัดความเข้าใจผิดนี้ไป หนทางยังอีกยาวไกล

นอกจากตอนนี้จะมีหลักฐานเรื่องเมื่อตอนนั้น ว่าไม่ใช่ครอบครัวปาจรีย์ที่ทำร้าย ไม่งั้นชาตินี้ ครอบครัวปาจรีย์ก็ไม่อาจชำระล้างได้

คิดไป วารุณีก็ตัดสินใจกลับไปจะให้อารัณสืบเรื่องตอนนั้น ไม่แน่อาจจะหาหลักฐานที่พอมีเบาะแสอยู่ก็เป็นได้

ปาจรีย์ไม่รู้ว่าในใจของวารุณีกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมา“วารุณี มีทิชชูไหม?”

“มี”วารุณีเปิดกระเป๋าถือใบเล็กสีเงินของตัวเอง หยิบทิชชูเล็กๆออกมาแล้วยื่นไปให้“อะ”

“ขอบใจนะ”ปาจรีย์พูดขอบคุณ หยิบทิชชูออกมาเช็ดน้ำตา จากนั้นมองปลายเท้าตัวเองด้วยใบหน้าเฉยเมย“วารุณี ฉันตัดสินใจจะถอดใจแล้ว”

วารุณีมองเธออย่างตกใจ“ถอดใจกับความรู้สึกที่มีต่อพงศกร?”

“อือ”

“ทำไมล่ะ?”

ปาจรีย์สูดหายใจ ควบคุมแรงกระตุ้นที่อยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉีกยิ้มออกไป“เพราะฉันเหนื่อยมาก ฉันรักเขามาสิบกว่าปี รักจนเจ็บช้ำไปทั้งตัว ศักดิ์ศรีก็แทบจะไม่มีแล้ว ฉันคิดว่าฉันยืนหยัดเองต่อไปไม่ได้แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็หันหน้า มองวารุณีด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“ตอนนี้ฉันคิดดีแล้ว พงศกรไม่ยอมรับฉัน เขารักผู้หญิงที่ไหนก็ได้ แต่รักฉันไม่ได้เลย ดังนั้นฉันจะถอดใจแล้ว”

วารุณีอ้าปาก อยากจะโน้มน้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดโน้มน้าวอย่างไร

รักมาสิบกว่าปี ตอนนี้จะถอดใจ น่าเสียดายไปเล็กน้อยจริงๆ

แต่ถ้าไม่ถอดใจแล้วจะทำอะไรได้ ก็ได้แต่รอไปอย่างไม่รู้อะไร รอผลลัพธ์ที่ไม่รู้ว่ามีผลลัพธ์หรือไม่

ถ้าสุดท้ายไม่มีผลลัพธ์ งั้นวัยสาวของปาจรีย์ ก็คงไม่มีแล้ว

ดังนั้น เธอคิดว่าตัวเองไม่ต้องโน้มน้าวละกัน

ถ้าปาจรีย์ยืนหยัดต่อไป ก็มีแต่เสียใจ ตอนนี้ยอมถอดใจ อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีก็ได้

“เธอตัดสินใจดีแล้วจริงเหรอ?”วารุณีสบตากับปาจรีย์แล้วถาม

แววตาปาจรีย์สั่นคลอน ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็พยักหน้า“ตัดสินใจดีแล้ว”

“ก็ดี เธอใช้ชีวิตไปกับความรู้สึกที่มีต่อพงศกรมาโดยตลอด จนมองไม่เห็นโลกภายนอก ที่จริงแล้วโลกภายนอก ยังมีผู้ชายสมบูรณ์แบบอีกมาก ปาจรีย์ เธอลองไปสัมผัสดูได้นะ”วารุณีตบไหล่ของเธอ พูดให้กำลังใจ

ปาจรีย์หัวเราะ“เธอพูดถูก ฉันจะยึดติดกับคนๆหนึ่งไม่ได้ ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะเดินออกไป ไปรู้จักผู้ชายอีกหลายๆคน หาคนที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าพงศกร ดีกับฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ฉันจะต้องมีแค่เขาคนเดียวได้เท่านั้น?”

พูดจบ จู่ๆเธอก็ยืนขึ้นมา ถือแชมเปญตรงหน้าขึ้นมา ชูขึ้นสูงๆ จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง ภายใต้ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของวารุณี:“พงศกร ฉันจะถอดใจจากคุณ ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว!”

ตะโกนเสร็จ เธอก็เงยหน้าขึ้น ดื่มเหล้าไปคำเดียวหมด ภายใต้สายตาหลายสิบคู่

เพราะรีบดื่มมากไปหน่อย จึงสำลัก และหน้าก็แดง

วารุณีจ้องมองสายตาที่ผู้คนรอบๆมองดูฉากเด็ดนี้ แล้วยืนขึ้นมาอย่างปวดหัว รีบประคองเธอออกไป เดินไปที่ห้องน้ำ

ในห้องรับรองแห่งหนึ่งของงานเลี้ยงชั้นสอง พงศกรมองร่างของทั้งสองออกไป ใบหน้าที่อ่อนโยนอยู่เสมอนั้นเย็นชา ไม่มีการแสดงออกใดๆ

ตอนนี้เอง ชายหนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ยื่นไวน์ให้เขาแก้วหนึ่ง“พงศกร คำว่าพงศกรจากปากของหญิงสาวชั้นล่างคนเมื่อกี๊ ดูเหมือนจะเป็นคุณนะ?”