ตอนที่ 376 อิจฉามาก ทำอย่างไรดี

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 376 อิจฉามาก ทำอย่างไรดี ?

ราวกับโลกของทั้งสองคนมีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกไม่ได้ ทั้งสองค่อย ๆ หายเข้าไปในโลกแห่งความรัก…หรือนี่ก็คือเนื้อคู่ คือคู่ชีวิตที่คนมักพูดถึงกัน ?

อิจฉามาก ทำอย่างไรดี ?

ผ่านไปไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะ หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังอาหารจานใหม่ ก่อนจะฉีกยิ้มขอคำชมจากบัณฑิตหนุ่ม “อาหารพวกนี้ข้าทำเองเลยนะ นี่คือหมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน เป็นอาหารรสเลิศอย่างหนึ่งของกวางตุ้ง รสชาติเปรี้ยวหวาน เจ้าต้องชอบมากแน่ ! ”

ขณะมองหมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวานอันหอมหวนและฟังหลินเว่ยเว่ยแนะนำไปด้วย คนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างพร้อมเพรียง ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็คีบหมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวานให้บัณฑิตหนุ่มแล้วถึงจะพูดกับคนอื่น “ทำงานมาทั้งเช้าแล้วทุกคนคงหิวกันใช่หรือไม่ ? รีบชิมแล้วบอกข้าหน่อยว่าเป็นอย่างไร ! ”

เมิ่งจิ่งหงคีบใส่ปากโดนไม่เกรงใจ เขากินไปพลางพูดไปด้วย “ฝีมือของหลินกู่เหนียงไม่มีใครเทียบได้แล้ว ไฉนเลยจะต้องหากระดูกในไข่ไก่1 ? ”

หลินเว่ยเว่ยยิ้มหน้าบาน “ลูกไก่กลายเป็นตัวแล้วยังไม่ฟักจากไข่ก็มีกระดูกในไข่ได้ คราวหน้าข้าจะทำอาหารแปลก ๆ ให้ท่านกิน…ไข่ข้าว ( ไข่ค้างรัง ) แล้วท่านจะได้รู้ว่าในไข่ไก่จะมีกระดูกให้เห็นหรือไม่ ! ”

เมิ่งจิ่งหงใช้แผ่นแป้งห่อหมูนึ่งข้าวคั่วแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย เขารีบพยักหน้ารับ…ฮ่าฮ่า ยังมีครั้งหน้าอีกหรือ ? เยี่ยมไปเลย ! อยากให้มาถึงเร็ว ๆ จัง !

“นี่คืออะไร ? หม้อเล็ก ๆ นี้เหมือนจะทำมาจากดินเผา…” หยางยี่หรานเฝ้ามองหม้อดินตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังเปิดออกก็จะเห็นข้าวอยู่ด้านใน บนข้าวเป็นซี่โครงและผัก !

“เจ้านี่คือข้าวอบหม้อดิน เป็นอาหารของชาวกว่างซี ! ”

หลินจื่อเหยียนเปิดหม้อตรงเบื้องหน้าออก ว้าว ! เป็นข้าวอบหม้อดินเนื้อตุ๋นที่เขาชอบที่สุดและด้านในยังมีไข่นกฟองเล็กอยู่ด้วย

เขาใช้ช้อนตักข้าวขึ้นมา ก้นหม้อเป็นข้าวสีเหลืองอร่ามและยังส่งกลิ่นหอมอันเย้ายวน ข้าวก้นหม้อตรงนี้ถือเป็นจิตวิญญาณของข้าวอบหม้อดิน

ข้าวเป็นข้าวพันธุ์ปี้จิงชนิดดีที่สุด ซึ่งเมล็ดข้าวใสเหมือนเนื้อหยก ปีนี้ภาคเหนือประสบภัยแล้งและยังส่งผลไปทางเหอเป่ย (ทางเหนือของแม่น้ำ) ด้วย ผลผลิตข้าวพันธุ์ปี้จิงจึงลดลงอย่างมาก เมื่อขนมาทางเหนือแล้วราคาก็แพงจนน่าใจหาย ตอนที่หลินเว่ยเว่ยพูดว่าต้องใช้ข้าวนี้ทำข้าวอบหม้อดิน นายท่านรองก็หน้าถอดสีทันที

ข้าวพันธุ์ปี้จิงอบหม้อดินส่งกลิ่นหอมยั่วยวน เมื่อรวมเข้ากับกลิ่นข้าวก้นหม้อที่มีความกรอบหอมแล้ว แม้จะไม่มีสีสันเหมือนอาหารจานก่อนหน้า แต่ถึงจะกินไปชามใหญ่ ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่พออยู่ดี

ตักข้าวอบคู่กับหมูตุ๋นน้ำแดงเข้าปาก รสชาติเข้มข้น อร่อยสุดยอด !

ตรงเบื้องหน้าของเจียงโม่หานเป็นข้าวอบหม้อดินใส่ล่าฉาง ( กุนเชียง ) และหมูสามชั้น ล่าฉางเป็นของที่หลินเว่ยเว่ยเอามาเองซึ่งด้านบนยังมีไข่ดาววางอยู่ด้วย ข้าวทุกเมล็ดมีกลิ่นหอมกระจายฟุ้งออกมาทำให้ผู้คนเพลิดเพลินและมีกลิ่นหอมติดปาก

ข้าวอบหม้อดินอื่น ๆ ก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ข้าวอบหม้อดินหน้าไก่หมกเห็ดหอม ข้าวอบหม้อดินหน้าไก่ผัดพริก ข้าวอบหม้อดินหน้าไก่ผัดพริกหม่าล่า ข้าวอบหม้อดินหน้ากระต่ายผัดเผ็ด ข้าวอบหม้อดินหน้าหมูสามชั้นปลาเค็ม…

ณ โถงอาหารที่ลูกค้าชั้นล่างนั่งอยู่ บัดนี้อาหารก็ยกขึ้นโต๊ะแล้ว แต่กลับไม่มีใครขยับตะเกียบ เพราะทุกคนล้วนหันไปมองหลงจู๊ฟาง ต้องบอกว่ามองกล่องกระดาษในมือของหลงจู๊ฟางมากกว่า บนฝากล่องจะมีช่องให้สอดมือลงไปได้ ทุกโต๊ะทุกห้องอาหารจะมีหมายเลขของตัวเองและลูกค้าแต่ละโต๊ะแต่ละหอจะเขียนหมายเลขใส่กระดาษ…แล้วหย่อนลงกล่อง

หลงจู๊ฟางออกแรงเขย่ากล่องในมือสองสามรอบแล้วชี้ไปยังนายท่านรองที่อยู่ในห้องโถง “นี่คือนายท่านรองของหยวนเค่อหลาย อีกประเดี๋ยวท่านจะหยิบกระดาษของลูกค้าที่โชคดีได้ชิมอาหารจานใหม่ในวันนี้จำนวน 20 ใบ ถ้าทุกท่านชิมแล้วเห็นว่าอร่อย วันหน้าก็มาอุดหนุนเราเยอะ ๆ นะขอรับ ! ”

ลูกค้าเก่าคนหนึ่งพูดเสียงดังลั่น “วางใจได้ ! ขอแค่อาหารอร่อย ไม่ต้องกลัวว่าลูกค้าจะไม่กลับมากิน เร็วหน่อยเถิด อย่ามัวลีลาอยู่เลย รีบจับฉลากสักที ! ”

คนอื่นก็ส่งเสียงตามโดยบอกว่าอย่าพูดมาก รีบจับฉลากหาผู้โชคดีเสียทีเถิด

หลงจู๊ฟางพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ขอรับ ! ไม่พูดมาก ! ต่อไปขอเชิญนายท่านรองจับฉลาก 3 ใบ อาหารที่ได้ชิมคือ…ไก่ต้มสับ ! ”

นายท่านรองล้วงมือเข้าไปจับฉลากออกมาสามใบ หลงจู๊ฟางรับมาเปิดอ่านและตะโกนออกมาเสียงดังลั่นภายใต้การตั้งตาคอยของทุกคน “ผู้โชคดีได้ชิมไก่ต้มสับทั้งสามท่านคือ…โต๊ะหมายเลขเจ็ด ! โต๊ะหมายเลขสิบแปด ! และหอเซี่ยเหอ ! ”

“ฮ่าฮ่า ! พวกเราโต๊ะหมายเลขเจ็ด ! วันนี้โชคดีจริง ๆ ได้ตั้งแต่รอบแรกเลย ! อีกประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วเราไปเสี่ยงดวงกันดีกว่า…”

“โต๊ะหมายเลขสิบแปด ? พวกเราหรือ ? ไอหยา ! เป็นพวกเราจริงด้วย ! เยี่ยมไปเลย ! ต่อไปมีเรื่องคุยโวกับสหายได้แล้ว ! ฮ่าฮ่า…ผู้โชคดีได้ชิมของใหม่ก่อนใคร ข้าคุยโวได้เป็นเดือน ! ”

หนึ่งในบ่าวรับใช้ที่รออยู่ตรงบันไดนั้นเป็นสาวใช้คนหนึ่ง นางกรีดร้องด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องรีบปิดปาก และยกมุมกระโปรงของตนขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องอาหาร “คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ ! หอเซี่ยเหอของพวกเราเป็นผู้โชคดีได้ชิมอาหารจานใหม่เจ้าค่ะ ระ…เรียกว่าไก่ต้มสับอะไรสักอย่าง ! ได้ยินว่าเป็นอาหารจานใหม่จากทางกวางตุ้งเจ้าค่ะ ! ”

คุณหนูท่านนั้นฉีกยิ้ม “วันนี้ช่างเป็นวันดีจริง ๆ ! ”

นึกถึงตอนอยู่บนถนน ตัวนางก็เกือบโดนรถม้าของบัณฑิตคนนั้นชนเข้าแล้ว นางหน้าแดงด้วยความเขินอายตอนที่อีกฝ่ายขอโทษก็ได้แนะนำว่าเขาเป็นคุณชายรองสกุลเมิ่งแห่งอำเภอฝูอัน บ้านของนางก็กำลังคิดจะเกี่ยวดองกับตระกูลเมิ่งแห่งอำเภอฝูอันและเหมือนจะบอกว่าเป็นคุณชายรอง หรือว่า…นางจะได้พบกับชายที่ทางบ้านอยากให้หมั้นหมายในอุบัติเหตุครานี้แล้ว ?

คนผู้นั้นดู…สง่างาม พูดจารื่นหู แต่เหมือนจะไม่ค่อยสุขุมสักเท่าไร…การที่เขามายังอำเภอเป่าชิงจะต้องมาเข้าร่วมการสอบในอีกสองวันข้างหน้านี้แน่ ถ้า…สอบได้บัณฑิตถงเซิงหรือซิ่วไฉก็พอจะพิจารณาได้…ไอหยา น่าอายนัก !

หลังไก่ต้มสับถูกยกขึ้นโต๊ะ สาวใช้ก็พูดอีกครั้ง “คุณหนู ท่านลองทายสิว่าบ่าวเจอใครในร้านนี้เจ้าคะ ? ”

“จะพูดก็พูด ไม่ต้องมากความ ! ” คุณหนูลองชิมอาหารจานใหม่ ทันใดนั้นนางก็มีดวงตาเป็นประกาย สมกับเป็นหยวนเค่อหลายเพราะไก่ที่ทำออกมานี้มีเนื้อแน่นสดใหม่ ยังคงมีรสดั้งเดิมของมันแต่ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง !

สาวใช้ทำน้ำเสียงมีลับลมคมใน “บ่าวเจอคุณชายรองเมิ่งคนนั้นเจ้าค่ะ…”

คุณหนูทำตาโตด้วยความประหลาดใจ “ว่าอย่างไรนะ ? คุณชายรองเมิ่งก็อยู่ในร้านอาหารนี้หรือ ? ” ภายในวันเดียวได้เจอถึง 2 ครั้ง หรือว่านี่จะเป็นพรหมลิขิต ?

เดิมทียังรู้สึกน้อยใจที่บิดาให้นางหมั้นหมายกับคนในอำเภอเล็ก ๆ แต่ตอนนี้นางไม่คิดจะต่อต้านขนาดนั้นแล้ว

กิจกรรมจับฉลากทำให้ชื่อเสียงของหยวนเค่อหลายแพร่ไปทั่วอำเภอเป่าชิงอีกครั้ง กระแสตอบรับของอาหารจานใหม่ก็ดีมาก มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่จองโต๊ะในวันพรุ่งนี้แล้ว…ไม่ว่านัดรับประทานอาหารกับสหาย คนในครอบครัวหรือคุยธุรกิจก็ดูมีหน้ามีตาทั้งนั้น !

ณ หอชุนหลาน หลินจื่อเหยียนและบุรุษไม่กี่คนก็ได้กินอาหารจนอิ่มหนำสำราญ เมิ่งจิ่งหงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเล็กน้อย “มีอาหารชั้นดี แต่น่าเสียดายที่ไร้สุราเลิศรส…”

[i]
1 หากระดูกในไข่ไก่ หมายถึง พยายามหาข้อตำหนิทั้งที่ไม่มีข้อตำหนิ