บทที่ 370 กล่าวหาทั้งน้ำตา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 370 กล่าวหาทั้งน้ำตา

บทที่ 370 กล่าวหาทั้งน้ำตา

หลังจากกล่าวจบ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เดินออกไป เมื่อเฉาซื่อได้ยินก็เดินกะเผลกตามไปด้วยรอยยิ้มทันที

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและเฉาซื่อมาถึงประตูบ้านของกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาก็เห็นกู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงร้องไห้ขณะที่ตบประตู

เมื่อกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังจะไปที่โต๊ะเพื่อทานอาหารก็ได้ยินเสียงของพวกกู้ซุ่นสีกำลังร้องไห้อยู่ข้างนอก กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาถึงกลับมาอีก แต่นางก็ขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจพวกเขา เด็กสองคนถูกเฉาซื่อล้างสมองไปอย่างสมบูรณ์แล้ว และพวกเขาทำราวกับว่ากู้เสี่ยวหวานติดหนี้บางอย่างกับพวกเขา แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะใจดี แต่นางก็ไม่ได้ใจดีแบบปิดหูปิดตา เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นใจก็อย่ามาโทษกู้เสี่ยวหวานที่ไม่ยุติธรรม

เมื่อได้ยินจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุขในบ้าน

จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก “ซุ่นสี ถิงถิง ลูกที่น่าสงสารของข้า!”

ทันทีที่นางได้ยินเสียงนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่าเฉาซื่อมาที่นี่!

ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ นางก็ได้ยินเสียงเขย่าประตูลานบ้าน และเสียงตะโกนแหบของเฉาซื่อก็ดังขึ้น “กู้เสี่ยวหวาน ออกมาหาข้า ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”

กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้นทันที และเปิดประตูเดินออกไป

ตอนนี้นางไม่กลัวการมาของเฉาซื่ออีกแล้ว และนางมีคนที่เก่งศิลปะการต่อสู้อยู่ที่บ้านแล้ว นางยังต้องกลัวอะไรอีก!

เฉาซื่ออยากมาที่นี่อย่างนั้นหรือ เมื่อถึงเวลานั้นก็แค่ทำให้นางร้องไห้กลับไปก็พอ!

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาด้วยสีหน้าที่มืดมน เฉาซื่อก็ชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานทันทีและก่นด่าว่า “กู้เสี่ยวหวาน เหตุใดเจ้าถึงโหดร้ายถึงเพียงนี้ น้องทั้งสองคนหิวและมาหาเจ้าเพื่อขออาหาร แต่เจ้ากลับไม่ต้อนรับพวกเขา เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายเช่นนี้ มโนธรรมของเจ้าถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ!”

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะกู้เสี่ยวหวาน แต่เพราะเฉาซื่อ

เฉาซื่อกล่าวผิดเป็นถูกจริง ๆ!

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่ได้กล่าวอะไร เพราะเห็นกู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มอย่างเย็นชา

“โอ้ เฉาซื่อ สิ่งที่ท่านพูด ท่านกำลังว่าตัวเองอยู่หรือ?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามกลับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เฉาซื่อชะงักไปพักหนึ่งและเมื่อกลับมารู้สึกตัว นางก็ตระหนักว่ากู้เสี่ยวหวานใช้คำพูดของนางมาด่านางกลับ ใบหน้าของนางแดงก่ำ แต่นางกล่าวอย่างดื้อรั้นว่า “กู้เสี่ยวหวาน อย่าภูมิใจไปนักเลย … ”

หลังจากพูกล่าวจบ นางก็หันไปมองกู้ถิงถิงกับกู้ซุ่นสี และทั้งสองคนก็ร้องไห้ออกมาทันที การกระทำนั้นได้ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านบางคนที่เพิ่งกลับมาจากการไปเยี่ยมญาติ และพวกเขาทั้งหมดก็รวมตัวกันรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังมาโวยวายที่หน้าประตูบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ผู้คนทั้งหมดชี้ไปที่พวกเขา

“เฉาซื่อนี่เป็นคนอย่างไรกัน? ถึงไปสร้างปัญหาในบ้านของคนอื่นในช่วงวันปีใหม่ นางบ้าไปแล้วหรือเปล่า!”

“แหม ถ้าเป็นข้า ข้าต้องทุบนางแน่” อีกคนโบกมือแล้วกล่าวอย่างดุร้าย “คนไม่ดีเช่นนี้จะต้องถูกสวรรค์ลงโทษแน่!”

เฉาซื่อไม่สนว่าคนรอบข้างจะกล่าวอะไร แต่นางก็ยังคงกดดันกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสี

กู้ซุ่นสีร้องไห้ออกมาและกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “ท่านแม่ของข้าป่วย ข้าและถิงถิงหิว เลยมาขออาหารจากท่านพี่เสี่ยวหวาน แต่ท่านพี่เสี่ยวหวานไม่ให้และไล่พวกเราออกไป! ฮือฮือฮือ …”

กู้ถิงถิงก็ร้องไห้เช่นกัน “พี่เสี่ยวหวาน พวกเราแค่ต้องการของกินเท่านั้น ข้าหิวมาก!”

เด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าสังเวชราวกับว่ากู้เสี่ยวหวานได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายลงไป

คนรอบข้างไม่กล่าวอะไรอีก และมองดูแม่ลูกทั้งสามที่ร้องไห้โวยวายด้วยสายตาเย็นชา

ข้างนอกบ้าน นอกจากเสียงร้องไห้ของสามแม่ลูกแล้ว ทั่วทุกที่ก็เงียบสงบ

กู้เสี่ยวหวานมองพวกเขาอย่างเย็นชา นางมองพวกเขาร้องไห้และไม่กล่าวอะไรออกมา ราวกับนางกำลังดูการแสดงของตัวตลก

เมื่อพวกเขาเหนื่อย เสียงของพวกเขาก็เบาลงเรื่อย ๆ

เป็นเพราะความหิว เสียงของเฉาซื่อจึงอ่อนลงมาก “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านตัดสินเถอะ ตัดสินเร็ว”

น้ำเสียงของนางแหบเล็กน้อย

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เฉาซื่อ เจ้าจะให้ข้าตัดสินอย่างไร?”

จะตัดสินเรื่องนี้ได้อย่างไร?

ต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่เฉาซื่อกลับไม่รู้สึกละอาย จนเขาละอายใจแทนแล้ว

เฉาซื่อกล่าวหากู้เสี่ยวหวานว่าไม่มีมโนธรรม แต่เฉาซื่อมีจิตสำนึกมากมายอย่างนั้นสินะ

เขาไม่มีหน้าที่จะตัดสินว่าถูกกู้เสี่ยวหวานหรือผิด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเป็นเขา เขาคงจะไล่พวกกู้ซุ่นสีออกไปนานแล้ว

ก่อนหน้านี้ กู้เสี่ยวหวานก็ได้ให้อาหารแก่เด็กเหล่านี้เป็นเวลาหลายวัน ซึ่งถือว่าเป็นความเมตตาอย่างถึงที่สุดแล้ว

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงถอนหายใจ แต่เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไร

อย่างไรก็ตาม กู้หนิงผิงรับไม่ได้ ทำไมพวกเขาต้องมาร้องไห้ที่ประตูบ้านของเขาในช่วงปีใหม่อย่างนี้ด้วย

เขาลุกขึ้นยืนและตอกกลับทันที “กู้ถิงถิง กู้ซุ่นสี พวกเจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง!”

เมื่อกู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงได้ยินกู้หนิงผิงด่าพวกเขา เสียงของพวกเขาที่เบาลงไปแล้วก็เพิ่มดังขึ้นอีกครั้งและร้องไห้โฮออกมา

เมื่อเฉาซื่อเห็นดังนั้นก็กล่าวว่า “พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ ได้ยินหรือไม่ พวกเขาด่าลูกของข้าเช่นนี้! ลูกของข้าทำอะไรผิดถึงต้องถูกพวกเขาด่าเช่นนี้ด้วย! โหดร้าย โหดร้ายเสียจริง!”

หลังจากกล่าวจบ นางก็โอบเด็กทั้งสองอย่างเสแสร้งและร้องไห้เสียงดัง

ฉินเย่จือที่อยู่ข้างในไม่ได้ออกมา แต่เขาก็เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้าน

ครอบครัวของเฉาซื่อเป็นเหมือนแมลงเม่า แต่เขาไม่มีแผนที่จะออกไปข้างนอก แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะโกรธ แต่นางก็สงบมาก ดูเหมือนว่านางจะมีวิธีแก้ปัญหาแล้ว

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินเย่จือก็เอาพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกออกมา และเริ่มฝึกเขียนตัวอักษร

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเฉาซื่อเอาแต่ร้องไห้และยังคงกล่าววาจาพร่ำเพ้อว่ากู้เสี่ยวหวานไม่มีมโนธรรม ไร้หัวใจ และหลังจากฟังมานาน กู้เสี่ยวหวานก็เริ่มรำคาญและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “กู้ถิงถิง กู้ซุ่นสี เมื่อครู่พวกเจ้าไม่ได้บอกว่าแม่โดนพ่อทุบตีจนลุกไม่ขึ้นหรอกหรือ? ทำไมข้าจึงเห็นนางมาโวยวายเสียงดังราวกับไม่เป็นอะไรเช่นนี้!”

กู้ฉวนโซ่วทำร้ายเฉาซื่ออีกแล้ว?

ทันทีที่คนรอบข้างได้ยิน พวกเขาก็เริ่มสนใจในทันที และทุกคนก็เบิกตากว้างและเงี่ยหูฟังต่อไป

เมื่อเฉาซื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานเล่าเรื่องอื้อฉาวของนาง นางก็กรีดร้องทันทีว่า “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน!”

สีหน้าที่ตื่นตกใจของเฉาซื่อราวกับว่าเรื่องในคืนนั้นยังคงตามมาหลอกหลอนนางอยู่

กู้เสี่ยวหวานเห็นแต่ทำเป็นไม่เห็นและกล่าวต่อ “เฉาซื่อ ดูเหมือนว่าท่านจะแข็งแกร่งมาก ท่านสามารถเดินและพูดคุยได้โดยไม่ปวดหลัง เช่นนั้นท่านก็สามารถทำอาหารได้น่ะสิ! พวกกู้ถิงถิงมาบอกว่าท่านนอนอยู่บนเตียงเพราะขยับตัวไม่ได้ และยังต้องนำอาหารจากที่นี่ไปให้อีกไม่ใช่หรือ?”