บทที่ 412 ปะป๊าแย่งนมเธอดื่ม!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลานเสี่ยวถางเองก็เดินตามสือมูเฉินไปทางด้านหน้า ก่อนจะหมุนร่างทั้งร่างกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ทว่ากลับมองเห็นสือเพ่ยหลินที่ไม่ได้พบเจอกันมานานมากแล้วแทน!

เขานั้นแทบจะเห็นเธออยู่ก่อนตั้งนานแล้ว ดังนั้นแล้ว นัยน์ตาจึงไม่มีความตกตะลึงใด ๆ เลย เพียงแค่มองไปทางหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะยกยิ้มเบา ๆ ครู่หนึ่ง

เนื่องจากมารยาท หลานเสี่ยวถางเองก็ยิ้มไปมาด้วย หลังจากนั้น ก็กักเก็บสายตากลับไป

ส่วนสือมูเฉินเองก็ไม่ได้มองไปทางไหนเลย ดังนั้นแล้ว เมื่อเห็นหลานเสี่ยวถางยิ้ม เขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “เสี่ยวถางครับ ยิ้มอะไรอยู่น่ะ?”

“เมื่อครู่นี้เห็นหลายชายของคุณค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “แล้วก็ยังมีพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ แต่ทว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่เห็นฉัน”

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วสือมูเฉินเองก็หันศีรษะกลับไปเช่นกัน แล้วก็เห็นสือเพ่ยหลินดังคาด

ไม่ได้พบเจอกันมาเนิ่นนาน ใบหน้าของเขานั้นฟื้นฟูกลับมามีสีเลือดแล้ว มองดูแล้วแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนอยู่ไม่น้อย

เมื่อเห็นเขาแล้ว สือเพ่ยหลินเองก็พยักหน้าขึ้นลงให้กับเขา หลังจากนั้น ก็เดินเร็วขึ้นมาสองก้าว ก่อนจะไปพูดคุยที่ด้านหน้าของบิดามารดา

ทางด้านหน้า งานพิธีเริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นบิดาของลั่วฝานหวาที่กำลังเอ่ยพูดอยู่ว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสและสหายทุกท่านนะครับ ที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายของผม……”

“เสี่ยวถาง จู่ ๆ ผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้สือเพ่ยหลินกับจินเยว่ฉีไม่ได้จะต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กันหรอกหรือไงครับ หลังจากนั้นทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียแล้วล่ะ?” สือมูเฉินหันไปเอ่ยกับหลานเสี่ยวถางที่อยู่ทางด้านข้าง

“เป็นเพราะว่าหลังจากนั้นฉันได้นัดกับเยว่ฉีให้ออกมาพบกันครั้งหนึ่งค่ะ แล้วบอกเธอไปว่า สือเพ่ยหลินเป็นคนไม่ดี” หลานเสี่ยวถางสบตามองลั่วฝานหวาที่กำลังเดินขึ้นไปบนเวที จู่ ๆ ดวงตาก็เบิกกว้างทันที “หากคิดคำนวณขึ้นมาแล้ว ฉันเองก็เป็นแม่สื่อครึ่งหนึ่งให้กับลั่วฝานหวาเหมือนกันนะคะ!”

“คุณบอกกับจินเยว่ฉี เป็นเพราะว่าสือเพ่ยหลิน……” สือมูเฉินหรี่ตาลง

หลานเสี่ยวถางเหลือบตามองบนใส่เขาครั้งหนึ่ง “ผ่านไปก็ตั้งนานแล้วนะคะ ยังคิดที่จะพลิกวันมาคิดบัญชีอีกหรือไง? ฉันในตอนนั้นก็เห็นว่าเขาเป็นคนไม่ดีจริง ๆ แต่ว่านะคะ กลับมีความคาดหวังเอาไว้มากกว่าว่าเยว่ฉีจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนกันกับฉัน”

สือมูเฉินพึงพอใจกับคำตอบของเธอเป็นอย่างมาก เขายื่นมือออกมา ก่อนจะประสานนิ้วทั้งสิบเข้ากับหลานเสี่ยวถางจนแน่น

ในตอนที่สือเพ่ยหลินเดินมา เขาจงใจเดินผ่านหลังของหลานเสี่ยวถาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นเป็นอะไรไป ในตอนที่ยังไม่ได้เห็นเธอนั้น รู้สึกว่าตนเองนั้นถือว่าปล่อยวางไปแล้ว

แต่ทว่า หลังจากที่มองเห็นเธอแล้ว ความทรงจำเมื่อครั้งก่อน จู่ ๆ มันก็กลับเข้ามาใกล้ในทันที ทำให้เขานั้นราวกับว่าไม่รู้วันไม่รู้เดือนเลยอย่างสับสนงุนงงเลยทีเดียว

ในตอนแรกนั้น ในครั้งแรกที่พบกันหลังจากที่เขากับเธอหย่าขาดกันแล้ว ก็เป็นในงานเลี้ยงของตระกูลจิน

เธอสวมใส่ชุดกระโปรงยาวหางปลาสีฟ้า งดงานตระการตาของเขา ทำให้เขาเริ่มมีความรู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมา ทำให้เขาเริ่มคิดอยากที่จะคว้าเธอเอาไว้ในกำมือ คิดอยากที่จะกักขังเธอเอาไว้ ไม่อยากให้คนได้มองเห็นเธอ……

เพียงแต่ เขาในตอนนั้นไม่ยอมรับว่าตนเองนั้นรู้สึกผิดในภายหลัง ไม่ยอมรับความจริงอันดำมืดและบิดเบี้ยวภายในหัวใจ ดังนั้นจึงก้าวผิด ก้าวผิดไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแล้วก็ห่างออกไปไกลแสนไกลเสียแล้ว

ในตอนนี้ จินเยว่ฉีเองก็เดินไปถึงหน้าเวทีแล้ว สือเพ่ยหลินคิด ในตอนแรกตนเองนั้นเคยมีความสัมพันธ์ไปหามาสู่กันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กันเธอ

แต่ทว่า เขานั้นกลับไม่ได้สนใจเธอเลย เธอเองนั้นก็แทบจะไม่ได้มีความหมายในทางด้านนั้นด้วย หลังจากนั้นเขานัดเธอมาพบกันอีกสองสามครั้งเธอเองก็ล้วนแล้วแต่บอกปัดไปทั้งสิ้น หลังจากนั้นมา ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

ในตอนนี้ บนหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดไปยิ้มไปอะไรบางอย่างกับลั่วฝานหวาบนเวที ลักยิ้มบนใบหน้านั้นน่ารักน่าชัง ดูครู่เดียวก็รับรู้ได้แล้วว่ามีความสุขและเบิกบานใจ

จู่ ๆ สือเพ่ยหลินรู้สึกว่าภาพนั้นมันรำคาญลูกตาเล็กน้อย แทบจะเป็นผู้คนทั้งหมดเลยที่ล้วนแล้วแต่มีความสุข ส่วนเขานั้น กลับยังเหงาโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว……

เขาหลุบสายตามืดทะมึนเล็กน้อยลง สายตามองต่ำ ดังนั้นจึงมองเห็นท่าทางของหลานเสี่ยวถางที่อยู่ทางด้านหน้าที่กำลังจับมือกับสือมูเฉินกันแน่นอยู่

อีกทั้งยัง——

เขามองเห็น สือมูเฉินในยามปกติที่วางมาดอยู่ตลอด แต่ทว่าในยามนี้นั้นกลับทำท่าทางเล็กน้อยราวกับเด็ก

เดิมเขานั้นคว้าจับมือของหลานเสี่ยวถางเอาไว้อยู่ แต่ทว่า เขากลับคลายออกเบา ๆ เล็กน้อย หลังจากนั้น ยกนิ้วขึ้นมา ก่อนจะจั๊กจี้ไปยังฝ่ามือของหลานเสี่ยวถาง

หลานเสี่ยวถางแทบจะถูกทำจนรู้สึกคันยุบยิบเล็กน้อยเลยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วร่างของเธอจึงถูไถไปกับร่างของสือมูเฉินไปมา ราวกับไม่พอใจ อีกทั้งก็ราวกับออดอ้อน

จู่ ๆ สือเพ่ยหลินก็คิดขึ้นมาได้ ในตอนแรกที่เขากับเธอพึ่งจะแต่งงานกันนั้นเอง เขาเองก็แทบจะเคยเห็นท่าทางเล็ก ๆ น่ารักนี้มาบ้าง

แต่ทว่า ในตอนนั้นเธอที่คอยดูแลเขาอยู่ กลับมีท่าทางดุ ๆ ใส่ให้เขาเห็นทั้งสิ้น เขารู้สึกต่ำต้อย ศักดิ์ศรีของตนเองนั้นบิดเบี้ยว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว กลับกันกลับโยนให้เป็นความผิดของเธอ

ร่างกายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มีบางครั้งที่หวังว่าเธอนั้นจะสามารถแสดงออกมาได้ทั้งหมด แต่ทว่า เธอนั้นกลับแทบรับไม่ถึงสัญญาณลับ ๆ ที่เขาส่งให้เลย ทำให้เขานั้นรู้สึกว่าเธอนั้นไม่เข้าใจอารมณ์รักใคร่อะไรเลย

ค่อย ๆ ผ่านมาเรื่อย ๆ เธอนั้นมักจะพูดคุยเรื่องราวจุกจิกกับเขาแทบจะทุกเรื่อง มาจนถึงตอนสุดท้ายกลับไม่ชอบพูดแล้วทำเพียงแต่งาน สามารถบอกได้ว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเขาเป็นคนทำให้เธอแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างที่เขาไม่ชอบเองหรือเปล่าก็ไม่รู้

เมื่อเห็นหลานเสี่ยวถางในตอนนี้มีท่าทีของหญิงสาวต่อหน้าของสือมูเฉิน สือเพ่ยหลินรู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นรู้สึกแย่อย่างสับสน

แต่ทว่า เรื่องราวก็ผ่านพ้นไปแล้ว ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว

เขากันไปเอ่ยกับบิดามารดาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ก็เดินออกไปสูดอากาศที่โถงใหญ่

พิธีการทางด้านหน้าเสร็จสิ้นลงแล้ว แสงไฟบนเวทีแปลเปลี่ยนในทันที ลั่วฝานหวากับจินเยว่ฉีต่างก็ยืนอยู่ในเสียงเพลง ก่อนจะเริ่มเต้นรำกัน

“พี่เฉินครับ ประเดี๋ยวไปเต้นรำด้วยกันสิครับ!” หยานชิงเจ๋อเดินเข้ามาเชิญชวน

สือมูเฉินจงใจหยิบความหมายของเขาขึ้นมาเอ่ยว่า “นายหมายความว่าจะให้พวกเราสองคนเต้นรำด้วยกัน?”

หยานชิงเจ๋อเหลือบตามองบนใส่สือมูเฉินครั้งหนึ่ง “ผมไม่ได้สนใจพี่หรอกนะครับ สนใจเพียงแต่เสี่ยวจิ่นของผมเท่านั้น”

หลานเสี่ยวถางได้ยินแล้ว อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างสนุกสนานว่า “ชิงเจ๋อ ฉันค้นพบแล้วว่าตอนนี้นายนั้นราวกับเป็นสุนัขที่ถูกทิ้งไม่มีคู่อย่างหมดสภาพเลยนะ!

“แม้กระทั่งลูกเขายังไม่มีเลยครับ ไม่ได้เป็นเพียงแค่สุนัขถูกทิ้งแล้วล่ะมั้งครับ!” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ พูดไป เขาก็ดึงมือของหลานเสี่ยวถางขึ้น ก่อนจะพาเธอไปยังลานเต้นรำ ก่อนจะทิ้งหยานชิงเจ๋อที่ยืนจ้องเขาอย่างเขม็งอยู่ที่เดิมตรงด้านหลัง

จบไปเพลงหนึ่งแล้ว หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่ามีน้ำนมไหลออกมาเล็กน้อย เธอหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินอย่างหมดคำจะเอ่ยว่า “มูเฉิน คุณดูฉันตอนนี้สิคะ ออกมาเที่ยวเล่นจริง ๆ แล้วราวกับว่าไปทำผิดต่อใครเอาไว้เลย มีน้ำนมไหลออกมาอีกแล้วค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้พกเครื่องปั๊มนมมาเสียด้วย คงจะต้องกลับบ้านไปให้นมหวันหว่านแล้ว!”

สือมูเฉินหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราไปบอกกับฝานหวาสักหน่อยเถอะครับ”

ทั้งสองคนเดินไปกล่าวลาแก่ลั่วฝานหวาและจินเยว่ฉี ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ออกมาจากโรงแรมพร้อมกันแล้ว

พึ่งจะเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ โทรศัพท์ของสือมูเฉินก็ดังขึ้นมา เป็นเบอร์ที่ต่อสายมาจากต่างประเทศฝั่งนั้น หลานเสี่ยวถางได้ยินเขาพูดคุยสนทนาเป็นภาษาอังกฤษโดยตลอด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงนำกุญแจรถมาจากมือของสือมูเฉิน และกำลังวางแผนว่าจะเดินไปสตาร์ทรถที่ลานจอดรถก่อน

จากโถงใหญ่มาถึงที่จอดรถ จำเป็นต้องเดินผ่านสวนดอกไม้แห่งหนึ่งก่อน

หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่ากลับไม่ทันได้สังเกตเลย บนพื้นนั้นมีที่ที่หนึ่งที่แข็งจนเป็นน้ำแข็งแล้ว เธอสวมใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ ไม่ได้ยืนอย่างมั่นคง ดังนั้นจึงล้มเอนกายไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ที่ไกล ๆ สือมูเฉินเห็นแล้ว เร่งความเร็วมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถไปทัน หลานเสี่ยวถางล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้นแล้ว ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ตีตื้นขึ้นมาทันที

ในระหว่างที่กำลังอึมครึมไม่สบอารมณ์อยู่นั้นเอง ก็เห็นว่ามีเด็กชายคนหนึ่งอายุราว ๆ สิบขวบเดินออกมาจากสวมสาธารณะทางด้านหลัง หลังจากนั้น เมื่อเห็นท่าทางที่ล้มลงไปของหลานเสี่ยวถางแล้ว ทันใดนั้นเองก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

หลานเสี่ยวถางเดิมทีก็เจ็บจนอารมณ์ไม่ดีแล้ว อีกทั้งยังถูกเด็กคนหนึ่งหัวเราะเยาะใส่อีก ดังนั้นก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปกันใหญ่

ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินวางสายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกไปช่วยพยุงเธอลุกขึ้นยืนไปพลาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตะลึงไปพลางว่า “เสี่ยวถางครับ ล้มลงไปแรงมากไหม? ผมอุ้มคุณนะ!”

หลานเสี่ยวถางเดิมคิดเพียงแค่จะบ่นออกมาเพียงสองสามประโยคก็เพียงพอแล้ว แต่ทว่า เมื่อเห็นท่าทีทั้งตื่นตระหนกทั้งอบอุ่นของสือมูเฉินเข้าให้แล้ว ทันใดนั้นเองก็รู้สึกน้อยใจทันที

ขาทั้งสองข้างของเธอนั้นกวัดแกว่งอยู่บนพื้นไปมา ก่อนจะแบะริมฝีปากออกแล้วเอ่ยว่า “ฉันอารมณ์ไม่ดี! ฉันไม่ทำ! ฉันไม่ลุกแล้ว!”

สือมูเฉินเห็นว่าเธอนั้นยังคงทำท่าทางง่องแง่งได้อยู่ หัวใจก็คลายตัวลงออกมาเล็กน้อย แต่ทว่า วันนี้หนาวมากขนาดนี้ เธอนั่งอยู่บนพื้นไม่ลุกขึ้นมาจะโอเคได้อย่างไร?

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงรีบยื่นมือสอดเข้าไปใต้หัวเข่าของหลานเสี่ยวถางในทันที ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมา

“โตมากขนาดนี้แล้ว เดินถนนยังล้ม ยังต้องให้คนมาอุ้มอยู่อีก น่าอาย น่าอาย น่าอาย!” เด็กชายคนนั้นยังคงมีท่าทีมากกว่าเดิม

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินดังนั้นแล้ว เธอยื่นมือไปเขย่าแขนของสือมูเฉินไปมา ก่อนจะแบะริมฝีปากสูงขึ้นกว่าเดิม “มูเฉินคะ ทำไมถึงมีเด็กที่น่าเกลียดคนนี้ด้วยละคะ?!”

สือมูเฉินสบตามองเด็กน้อยซุกซนคนนั้น หัวใจกระตุกในทันที ก่อนจะวางหลานเสี่ยวถางลงบนพื้น หลังจากนั้น ก็แปรเปลี่ยนเป็นอุ้มขึ้นด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะยกขึ้นเหนือศีรษะ

ในเสียงร้องเรียกอย่างตกตะลึงของหลานเสี่ยวถาง เขาอุ้มเธอให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย หลังจากนั้น หันไปเอ่ยกับเด็กหนุ่มคนนั้นว่า “ความเจ็บปวดของผู้หญิง ถ้านายยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องหาแฟนไม่ได้แน่ ๆ!”

เด็กหนุ่มชะงักนิ่งไปในทันที ก่อนจะเอ่ยโต้แย้งขึ้นมาว่า “คนโตแล้วยังต้องมีคนมาอุ้มอยู่ นั่นต่างหากที่น่าขายหน้า!”

“ภรรยาของฉัน ฉันสมัครใจยินยอม!” สือมูเฉินอุ้มหลานเสี่ยวถางแล้วเดินตรงไปทางด้านหน้า “นายไม่มีภรรยา ถ้าอย่างนั้นก็อิจฉาต่อไปเถอะ!”

เดิมหลานเสี่ยวถางนั้นอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินสือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้นแล้ว ทันใดนั้นเองริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เรื่องราวทั้งหมดที่ไม่สบอารมณ์ทั้งหมด ทันใดนั้นเองก็มลายหายไปดังหมอกควัน

เพียงแต่ น้ำนมนั้นไหลออกมาจริง ๆ แล้ว หลานเสี่ยวถางรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินว่า “มูเฉินคะ พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันจะไหลออกมาแล้ว”

แต่ทว่า ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน หวันหว่านกลับกำลังหลับอยู่ หลานเสี่ยวถางพุ่งเข้าไปให้นมเธอ เจ้าตัวเล็กกลับกำลังหลับสบายอยู่ แม้กระทั่งนมก็ไม่อยากดื่มแล้ว

หลานเสี่ยวถางกระวนกระวายเล็กน้อย รู้สึกเพียงแค่ว่าที่ทรวงอกนั้นเริ่มบวมเจ็บขึ้นมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะต้องหยิบเครื่องรีดนมออกมาแล้ว

ทางด้านข้าง สือมูเฉินเห็นท่าทีร้อนรนของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง รู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่าครับ?”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ ต่อมน้ำนมอาจจะไม่ไหลแล้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้น้ำนมไหลก็ไม่ได้รู้สึกแย่แบบนี้เลยค่ะ”

สือมูเฉินเอ่ยอย่างจริงจัง “สามีจะช่วยคุณนวดเองครับ”

พูดไป เขาก็นั่งทางบนเตียงทางด้านข้างของวางหลานเสี่ยวถางก่อนจะช่วยนวดคลึงให้ ตามการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่ามันดีขึ้นเล็กน้อยเลยจริง ๆ แต่ทว่า——

ในตอนที่สือมูเฉินนั้นแทบจะนวดเข้าตรงจุดไหนนั้นเอง ก็เห็นว่ามีน้ำนมไหลออกมาเล็กน้อยแล้ว ตามต่อมาด้วย น้ำนมที่เริ่มไหลออกมาไม่ยอมหยุด

“นี่ ไหลแล้วค่ะ!” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “หยิบเครื่องปั๊มนม——”

“ไม่ต้องยุ่งยากมากขนาดนั้นหรอกครับ” สือมูเฉินย่อตัวลง “กลับกันหวันหว่านตอนนี้ก็ทานอาหารประจำจนอิ่มแปล้ไปแล้ว น้ำนมของคุณเธอดื่มไม่หมดแล้วครับ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ผมช่วยเธอดื่มเสียหน่อยก็โอเคแล้วล่ะ!”

หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ดวงตาเบิกกว้างกลมโต ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร สือมูเฉินเองก็พุ่งเข้าไปหาแล้วจริง ๆ ก่อนจะเริ่มชิม “รสชาติคล้ายจะจืด ๆ นิดหน่อย อีกทั้งยังคาวนิดหนึ่งด้วย! แต่ทว่าก็ถือว่าไม่เลวเลยนะครับ!” พูดไป เขาก็ดูดดื่มมันเข้าไปอีกอึกใหญ่

“มูเฉินคะ มีปะป๊าอย่างที่ไหนกันที่แย่งนมลูกสาวดื่ม?!” หลานเสี่ยวถางสบตามองสือมูเฉินที่ฝังหน้าอยู่กับทรวงอกของตนเอง จะร้องไห้ก็ไม่ออกจะหัวเราะก็ไม่ได้

สือมูเฉินดูดไปพลาง ก่อนจะช่วยหลานเสี่ยวถางนวดคลึงไปพลาง “ยังเจ็บอยู่ไหมครับ? รู้สึกสบายตัวบ้างขึ้นหรือเปล่า?”

จะไม่พูดก็ไม่ได้เลย แรงน้ำหนักของเขานั้นเหมาะสมมาก นวดกดลงใบเบา ๆ เช่นนั้นแล้ว เธอรู้สึกว่าไม่เจ็บแล้วจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น น้ำนมถูกดูดออกไปแล้ว เธอเองก็รู้สึกผ่อนคลายตัวลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ริมฝีปากเล็กกระจิริดของหวันหว่านอ้าออก ก่อนจะหาวฟอดใหญ่ออกมากว้าง ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมา

ในตอนที่สายตาของเธอนั้นมองตกลงบนปะป๊ามะม๊าที่กำลังรวมตัวอยู่ ทันใดนั้นก็ชะงักนิ่งไป

ราวกับว่า ปะป๊านั้นกำลังแย่งเธอดื่มนมอยู่เลย?!

เสี่ยวหวันหว่านถึงแม้จะยังเล็กอยู่ อีกทั้งยังไม่สามารถพูดคุยได้ แต่ทว่า ก็ถือว่าการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั่นราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณของการปกป้องอาหารเลย!

ดังนั้นแล้ว เธอมองดูอยู่หลายวินาที ในตอนที่ริมฝีปากของปะป๊านั้นยังคงทาบทับอยู่ที่ทรวงอกอยู่ ทันใดนั้นเองนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำสีใสทันที หลังจากนั้น ริมฝีปากก็เปิดกว้างแล้วก็ร้องไห้ออกมาแล้ว!