บทที่ 403 อลหม่าน

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 403 : อลหม่าน

บทที่ 403 : อลหม่าน

ฟรังก้าเบิกตากว้างมองเอลิซ่า…

“อ๊าา…!” เธอชี้มือไปทางเอลิซ่า อุทานอย่างประหลาดใจ “อี๊…!”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” จู่ ๆ เอลิซ่าก็หันมาเบิกตาโตจ้องฟรังก้า เสียงของเธอแหบพร่าราวหญิงชรา “คุณคิดว่าดิฉันกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ?!”

“ด…ด…ดิฉัน…” ฟรังก้ากลืนน้ำลายเอื๊อก ถึงเธอจะแทบไม่มีความสามารถเหนือธรรมชาติ แต่ในฐานะลูกสาวคนเดียวของตระกูลนักเวทมนตร์ขาว เธอจึงเคยเห็นและเข้าใจความสามารถเหนือธรรมชาติแขนงต่าง ๆ มากมาย

และจากปรัชญาชีวิตที่แม่ของเธอสอนมาแต่เล็ก ความแข็งแกร่งมีราคาของมัน คุณนายเอลิซ่าอาจเคยใช้พลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่ต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน…

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” ฟรังก้ายิ้มฝืนอย่างยากเย็น

“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” ดวงตาของเอลิซ่าแทบถลนจากเบ้า เธอคว้าข้อมือของฟรังก้าที่แนบอยู่บนอก หลังมือของเอลิซ่าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยจุดริ้วรอยช่างน่าสะอิดสะเอียน “เมื่อครู่ คุณคิดว่าดิฉันน่าเกลียดหรือเปล่า?”

“ป…เปล่าค่ะ!” ฟรังก้าส่ายหน้ารัวแรง สีหน้าหวาดกลัว

“คุณโกหกฉัน!” เอลิซ่าดูสติแตก จู่ ๆ ก็คำรามออกมา สะบัดมือฟรังก้าออกไป ยืดมือที่ห้อเลือดจากการข่วนโต๊ะมายังลำคอขาวระหงของฟรังก้า

“กรี๊ด!” ฟรังก้ากรีดร้อง จากนั้นก็เห็นลำแสงเย็นวาบฉายผ่าน มีดเล่มหนึ่งฟันข้อมือเอลิซ่า ปาดข้อมือเธอจนเลือดกระฉูดเปื้อนชุดเดรสสีขาวของฟรังก้าราวหั่นเต้าหู้

ฟรังก้าล้มแผละไปบนพื้นเบื้องหลังอย่างน่าอับอาย

เอลิซ่ากรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นราวสัตว์ประหลาด

หญิงสาวผู้สะโอดสะองปรากฏขึ้นจากหลังเวทีราวกับเงาสีดำ แค่จากภาพติดตานี้ ก็ทราบได้ว่าเธอคือผู้ที่ขว้างมีดจากอีกฟากฝั่งของสถานที่ออกใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ…

เธอคือราชันย์ไร้มงกุฎแห่งเหล่านักล่า และผู้นำองค์กร ‘แมงมุม’ จี้จือซู่

จี้จือซู่พูดอย่างเย็นชา “ใครก็ตามที่ก่อกวนในสถานที่จัดงานต้องตาย…!”

แขกผู้มีเกียรติทุกคนถูกฉากนองเลือดปลุกให้ตื่นจากภวังค์ สร่างสติจากการดึงดูดของ ‘ข้อความแห่งเรย์’ อย่างยากเย็น

“ท่านใดที่ไม่สามารถทนรับความรู้จากปราชญ์แห่งร้านหนังสือได้ เชิญกลับไปได้ครับ” จี้ป๋อหนงพูดพลางเคาะค้อนประมูลในมืออย่างไม่ยี่หระ

ทันทีที่สิ้นเสียง ห้องประมูลเงียบลงอย่างประหลาด ไม่มีใครอยากละทิ้งโอกาสงามนี้ แต่อำนาจยิ่งใหญ่ของ ‘ข้อความแห่งเรย์’ ตรงหน้าเขานั้นเกินเอื้อมของบุคคลทั่วไปโดยแท้

ทุกคนที่นี่ต่างเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสัตว์ประหลาด รอดจากเอลิซ่าที่ไม่รู้ว่าเข้ามาได้อย่างไร พวกเขาส่วนใหญ่ต่างประเมินพลังของตัวเองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

แต่ ‘ข้อความแห่งเรย์’ เล่มนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาประหลาดใจ สมองของพวกเขาต่างกรีดร้องสั่งให้นำมันมา แต่พวกเขาเองก็รู้ดีว่าการได้มันมาต้องเสียอะไรบ้าง

ร่างของเอลิซ่าถูกเจ้าหน้าที่เบื้องหลังลากออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเลือดเปรอะพื้นยังถูกเก็บกวาดเกลี้ยง มีแม้แต่การฉีดน้ำหอมเพื่อปกปิดกลิ่นเลือดในอากาศ ราวกับไม่มีใครตายที่นี่มาก่อน

ฟรังก้าถูกไมค์พยุงให้ลุกขึ้น นักล่าหนุ่มพยักหน้าทักทายจี้จือซู่ แสดงความขอบคุณจากไกล ๆ

แม้ว่าที่จริงแล้ว หากจี้จือซู่ลงมือช้ากว่านี้ ไมค์คงได้หักคอเอลิซ่าทันทีก็ตาม

ก๊อก!

เสียงค้อนประมูลดังก้องสถานที่จัดงาน เปิดรอบประมูลใหม่ขึ้นอีกครั้ง

ทว่าผู้คนที่นี่ต่างโด่งดังและร่ำรวย สิ่งสำคัญที่สุดคือเงิน

สิ่งที่ฟรังก้าไม่ทราบก็คือ ทุกคนต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันไร้ลักษณ์ ไม่กล้าแม้แต่จะยกป้ายในมือ

จี้ป๋อหนงมองสถานการณ์อย่างพึงพอใจ ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังเลือกหนังสือ แต่หนังสือเล่มนั้นกำลังเลือกคน

พวกเขาจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะซื้อหนังสือได้หรือไม่? แน่นอนว่านั่นเป็นทางเลือกของเจ้าของร้านหลิน

ทรายในนาฬิกาทรายร่วงหล่น สร้างเสียงซู่ซ่าเบา ๆ แต่ไม่มีใครในสถานที่จัดงานยกมือขึ้นสักคน

อา…นี่ไม่เป็นการแกล้งคุณลุงจี้ป๋อหนงไปหน่อยเหรอ? ราคาก็ไม่ได้สูงมาก ทำไมไม่ยกมือกันล่ะ เราควรยกมือไว้หน้าเขาสักหน่อยไหม?

…สมองน้อย ๆ ของฟรังก้าถูกเอลิซ่าหลอกจนกลัวแทบตาย หันไปไหนไม่ได้เป็นการชั่วคราว

ในขณะที่ฟรังก้ากำลังครุ่นคิด ป้ายใบน้อยใบหนึ่งถูกยกขึ้น…

จี้ป๋อหนงหรี่ตา คน ๆ นี้…มาจากสมาคมแห่งสัจธรรม?

นักวิชาการซึ่งนั่งอยู่หน้าเวทีตกใจกลัวเล็กน้อย แต่ในมือของเขาถือตราอาร์มอันเต็มไปด้วยมนตร์คาถา ตราอาร์มฝังอัญมณีอันนี้ ประธานสมาคมแห่งสัจธรรมส่งให้เขากับมือเพื่อรักษาสติของเขาไว้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน

เขานับว่าเป็นตัวแทนของมาเรีย ประธานสมาคมแห่งสัจธรรมได้ในระดับหนึ่ง

จี้จือซู่แอบคิดว่าเป็นไปตามคาด เจ้าของร้านหลินก็บอกแล้วว่า ‘ข้อความแห่งเรย์’ ควรเป็นของสมาคมแห่งสัจธรรม

ได้ยินว่าประธานสมาคมแห่งสัจธรรมบรรลุระดับเหนือนภาและทำตัวชอบธรรมดี คิดว่าพวกเขาจะไม่เข้าร่วมการประมูลนี้ แต่พวกเขากลับแอบส่งคนมาที่นี่

สมกับที่เป็นเจ้าของร้านหลิน เห็นจุดจบมาแต่แรก…จี้จือซู่ทอดถอนใจ

จี้ป๋อหนงก็คิดเช่นเดียวกับจี้จือซู่ เขาเคาะค้อนสามครั้ง แล้วหนังสือก็ถูกนักวิชาการจากสมาคมแห่งสัจธรรมประมูลได้ไปทันที

ทันทีที่หนังสือถูกส่งให้นักวิชาการ ฝากล่องใส่หนังสือก็ปิดลงอีกครั้ง แรงกดดันอันแข็งแกร่งชั่วร้ายถูกลบออกไปจากหัวคนทุกผู้ทันที พวกเขาถอนหายใจโล่งอกกะทันหัน แต่เสียงกระซิบและพลังเหนือธรรมชาติในหูของพวกเขายังคงทำให้ผู้คนไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผลได้

“หนังสือเล่มถัดไป…” จี้ป๋อหนงพูดเสียงดัง “‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำนี้คือความปรารถนาลึกที่สุดในใจมนุษย์ มากพอจะหล่อหลอมวิญญาณของคุณขึ้นใหม่ครับ”

จี้จือซู่มองคนรับใช้ข้างตัว และนำกล่องใส่หนังสืออันประณีตบรรจงออกมาอีกครั้ง

ครั้งนี้ ผนึกที่ใช้ปิดกั้นอำนาจของหนังสือเป็นอัญมณีแอเมทิสต์อันเรียบลื่นหายากสี่เม็ด

พลังการผนึกของแอเมทิสต์กับมรกตไม่ใช่พลังแบบเดียวกัน มรกตให้ผลสงบใจ ปลอบประโลมผู้คน ในขณะที่พลังของแอเมทิสต์หายากยิ่งกว่ามรกตเสียอีก

จี้ป๋อหนงยิ้ม เปิดกล่องออกช้า ๆ หนังสือปล่อยควันจาง ๆ สีม่วงออกมา ประกาศนามอย่างน่าเกรงขาม…

‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’

ครั้งนี้…เป็นการหล่อหลอมจิตวิญญาณ?

นักล่าไมค์ซึ่งยืนพิทักษ์ฟรังก้าอยู่ข้างหลังแทบจะถูกพลังทำให้แปดเปื้อนอยู่รอมร่อ ตอนนี้เขายืนค้างกับที่ เหงื่อแตกพลั่กราวกับกำลังทนความเจ็บปวดของการถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง

ถ้า ‘ข้อความแห่งเรย์’ ก่อนหน้านี้คือมนตราอนันต์และเสียงกระซิบของเทพปีศาจ งั้น ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ เล่มนี้ก็คือความเจ็บปวดกรีดแทงวิญญาณ…

เหตุที่ไมค์ไม่ได้ขยับตัวในตอนที่เขาเห็นฟรังก้าเกือบตายก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากขยับ แต่เป็นเพราะเขาขยับตัวไม่ได้

ก่อนหน้านี้คือการกัดกร่อนร่างกาย และตอนนี้มันคือการหล่อหลอมวิญญาณ…

“อึก…”

ไมค์ส่งเสียงคำรามที่สะกดกลั้นไม่อยู่ออกมา คนรอบตัวเขาต่างแสดงสีหน้าเจ็บปวดและหมกมุ่น ทั้งห้องประมูลเริ่มหลุดการควบคุม บางคนกระทั่งตะโกนอะไรบ้างอย่างที่ฟังไม่เข้าใจ

ยกเว้น…ฟรังก้า

เธอร้องถามไมค์อย่างกระวนกระวาย ทั้งประหม่าและเหม่อลอย อยากจะร้องไห้…

ก…เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมชื่อหนังสือแตกต่างจากที่เธอเห็นอีกแล้วล่ะ?! ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด?

หนังสือเล่มนี้ชื่อ ‘ดวลรัก ดับแค้น’ จริง ๆ เหรอ? ใครก็ได้บอกฉันที…!