บทที่ 401 จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
บทที่ 401 จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
เมื่อเว่ยสั่วเห็นเล้งส่วงเยว่ในอ้อมแขนของซูอัน ดวงตาของเขาก็ถึงกับเบิกกว้างทันที เมื่อครู่นี้เขาพยายามพูดราวกับว่าเขาเป็นทหารกล้าเจนสนามรบในหอคณิกา ทว่าเมื่อเห็นซูอันในตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากนักวางกลยุทธ์ขี้คุยบนเก้าอี้นวมคลุมด้วยไหมพรมเท่านั้น! เขาสามารถเข้ามาในหอสุขนิรันดร์แห่งนี้ได้ เพราะงอแงขอร้องพี่ชายของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
อย่างไรก็ตาม ใครจะคาดคิดว่าชายที่ดูไร้ประสบการณ์ที่อยู่ข้างหน้าเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ในสังเวียนโคมแดง?
“ข้ามากับพี่น้องในตระกูลของข้า” ซูอันแนะนำฉู่อวี้เฉิงและฉู่ฮงไฉให้กับเว่ยสั่ว
เว่ยสั่วทักทายพวกเขาเป็นการตอบแทน จากนั้นก็ดึงซูอันไปอีกด้านหนึ่ง
“เจ้านี่มันช่างกล้ากันจริง ๆ! โดยเฉพาะสองคนนั่น พวกเขาคิดยังไงถึงได้พาเจ้ามาที่นี่? นี่พวกเจ้าไม่กลัวว่าคุณหนูฉู่จะโกรธเอาเหรอ? นางเป็นถึงสุดยอดสาวงามของเมืองจันทร์กระจ่าง จะรู้สึกอับอายแค่ไหนเมื่อรู้ว่าสามีตัวเองมาเที่ยวหอคณิกาแบบนี้!”
“ข้าจะกลัวนางโกรธทำไม” ซูอันยืดหน้าอกออกมาและประกาศว่า “ในบ้านของข้า ข้าเป็นใหญ่ ถ้าข้าบอกให้นางไปทางตะวันออก นางจะไม่ไปทางตะวันตกอย่างแน่นอน! นางไม่กล้ายุ่งเรื่องของข้าหรอก!”
เพ่ยเหมียนหมานที่กำลังจิบชาอยู่ในห้องส่วนตัวของนางบนชั้นสองแทบจะสำลัก ชูเหยียนเพื่อนรักของข้า เจ้าไม่รู้เลยว่าเจ้าเลือกสามีแบบไหนมา!
ซูอันก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่กระดูกสันหลัง ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังมองเขาจากด้านหลัง ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างวัวสันหลังหวะ ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเขาไม่เห็นฉู่ชูเหยียน ถ้าภรรยาผู้งดงามมาเห็นมาได้ยินเข้า การพูดจาวางโตที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
เว่ยสั่วตกตะลึง เขาจ้องเพื่อนเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจอย่างชื่นชม “เจ้าคือรุ่นพี่ผู้แข็งแกร่งของข้าจริง ๆ!”
“เจ้าชมข้าเกินไปแล้ว” ซูอันกำหมัดของเขาในขณะที่หัวเราะอย่างเบิกบาน
“พี่ชายของข้ากำลังเรียกหาข้า ไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกันนะ” เว่ยสั่วตบไหล่ของซูอัน และขยิบตาให้เล้งส่วงเยว่อย่างคึกคะนอง
ซูอันถอนหายใจ เจ้านี่มันหยาบคายจริง ๆ สาวงามกำลังติดพันกับเพื่อนรุ่นพี่ของเจ้าอยู่ ยังมาทำท่าขยิบตาให้อีก เจ้านี่มันหยาบคายในหยาบคายอีกทีด้วยซ้ำ
จากนั้นเขาหันเหความสนใจกลับไปที่ ‘การวิจัยทางสรีระวิทยาของมนุษย์แมวสาว’ แต่แล้วจู่ ๆ มันกลับมีเสียงตะโกนรุนแรงดังขึ้น
“พวกเจ้าไสหัวออกไปให้พ้น!”
ซูอันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจทันที ใครกันที่กล้าตะโกนเช่นนี้ในหอสุขนิรันดร์?
แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงหอคณิกา แต่ก็ไม่มีทางที่ธุรกิจขนาดนี้จะไม่มีใครหนุนหลัง
เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ ทุกคนในหอสุขนิรันดร์ต่างหันหน้าไปทางต้นเสียง ทุกคนต้องการดูว่าใครเป็นคนสร้างปัญหาให้หอสุขนิรันดร์ในวันสำคัญเช่นนี้
สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ชายร่างกำยำที่กำดาบอยู่ในมือ เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนเก้าอี้ กระบี่ของเขาแทงทะลุโต๊ะ เขามองดูนายน้อยที่นั่งอยู่อีกฝั่งด้วยแววตายั่วยุ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังจะหาเรื่องอีกฝ่าย
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจในตัวเขามากขึ้นคือผมสีแดงที่สะดุดตาซึ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาดูแข็งแกร่งและทรงพลัง แถมไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับชายฉกรรจ์อีกกลุ่มใหญ่ซึ่งการแต่งตัวของแต่ละคนดูไม่ต่างอะไรกับอันธพาลข้างถนน
ซูอันพ่นลมหายใจ ผมของเจ้ายุ่งและดูเหมือนบะหมี่ราเม็ง มีกี่คนที่มีรูปลักษณ์เช่นนี้? เจ้าคิดว่าตัวเองคือ เซียวลี้ปวยตอ ในฤทธิ์มีดสั้นงั้นเหรอ?!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่มีผมสีแดงตั้งแต่มาที่โลกนี้ เป็นไปได้ไหมว่าอาจมีคนที่มีผมสีเขียวด้วย?
ปัง!
ในขณะที่ซูอันกำลังเหม่อลอยไปกับจินตนาการ ชายหนุ่มคนหนึ่งตบฝ่ามือของเขาลงบนโต๊ะและยืนขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับชายคนนั้น “กล้าดียังไง! รู้หรือเปล่าว่าโต๊ะนี้เป็นของใคร!?”
“โอ้? เจ้าช่วยบอกข้าทีก็แล้วกัน” ชายผมแดงลากเก้าอี้มาวางแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างทะมัดทะแมง ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความสนใจ
ชายหนุ่มที่ยืนขึ้นรู้สึกประหม่าอย่างกะทันหันเมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของชายผมแดง อย่างไรก็ตาม เขาเตือนตัวเองว่านี่คือเมืองจันทร์กระจ่าง และตอนนี้เขาอยู่ในหอสุขนิรันดร์ ซึ่งช่วยให้ใจตัวเองสงบลงเล็กน้อย เขาชี้ไปที่นายน้อยที่แต่งตัวหรูหราตรงหัวโต๊ะและกล่าวว่า “นี่คือนายน้อยของตระกูลหวาง หวางหยวนหลง! เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลฉู่ ตระกูลหยวน ตระกูลเจิ้ง และตระกูลหวาง ซึ่งเป็นตระกูลหลักสี่ตระกูลของเมืองจันทร์กระจ่างบ้างเลยหรือไง?”
ซูอันตกตะลึงกับการเปิดเผยนี้ เขาจำได้ว่าชูเหยียนบอกเขาว่าตระกูลฉู่และตระกูลหวางมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมาและอาจถือได้ว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรเลยทีเดียว
“ชิ ถ้าข้าเข้ามาที่นี่ได้ ข้าก็เป็นคนสำคัญเช่นกันล่ะวะ” ชายผมแดงแคะหูด้วยนิ้วก้อย จากนั้นเพียงแค่สะบัดนิ้ว ขี้หูก็พุ่งไปตกตรงหน้าของนายน้อยหวาง “ข้าอาจจะเกรงใจนิดหน่อยหากเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่ หรือนายน้อยของเจ้าเมืองเซี่ย แต่บุตรชายของพ่อค้าธัญพืช อย่างเจ้า ข้าไม่เห็นว่าจะมีความสำคัญอะไร”
หวางหยวนหลงสูญเสียความสงบในทันที ผู้ชายคนนี้พยายามจะเหยียบย่ำเขา!
ผู้ดูแลหอสุขนิรันดร์เข้ามาพร้อมผู้คุ้มกันกลุ่มใหญ่ “นายท่านผมแดง ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าท่านกับพรรคพวกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เขาถามชายผมแดงด้วยแววตาไม่พอใจเล็กน้อย หวางหยวนหลงมาเยี่ยมเยียนหอสุขนิรันดร์แห่งนี้บ่อยครั้ง และหวางหยวนหลงก็มาจากครอบครัวมีเงินและชอบใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปฏิบัติต่อลูกค้าประจำคนนี้อย่างดี พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ลูกค้าชั้นดีถูกคุกคามในบริเวณหอสุขนิรันดร์ได้
“แน่นอนว่าข้ามาตามบัตรเชิญ!” ชายผมแดงพูดพร้อมกับโยนบัตรเชิญปึกหนึ่งที่ยับยู่ยี่ลงบนโต๊ะ
“ได้โปรดยกโทษให้ดวงตาที่เลอะเลือนของข้า แต่ข้าค่อนข้างมั่นใจว่า หอสุขนิรันดร์ของเราไม่ได้ส่งคำเชิญถึงพวกท่านแน่นอน ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านได้บัตรเชิญเหล่านี้มาได้ยังไง?” ผู้ดูแลหอสุขนิรันดร์ไม่จำเป็นต้องเปิดบัตรเชิญก็รู้ได้ว่ามันเป็นของจริง
บัตรเชิญเหล่านี้หอสุขนิรันดร์สร้างขึ้นโดยเฉพาะ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านการออกแบบและวัสดุที่ใช้ และไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้