บทที่ 405 พวกคุณกลับบ้านได้แล้วครับ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 405 : พวกคุณกลับบ้านได้แล้วครับ

บทที่ 405 : พวกคุณกลับบ้านได้แล้วครับ

ฟรังก้ากระโดดโลดเต้นกลับที่นั่ง จุดประสงค์การเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ของเธอลุล่วงแล้ว

“ไปกันได้แล้วล่ะไมค์”

ฟรังก้ายิ้มอย่างสุขใจ

จี้ป๋อหนงมองตามแผ่นหลังของฟรังก้าอย่างครุ่นคิด เขาตัดสินไม่ได้ว่าตกลงฟรังก้าคนนี้เสียสติหรือเปล่า?

เขามองแขกคนอื่น ๆ…

ลำดับของหนังสือที่เจ้าของร้านหลินเลือกมาตรงหน้าพวกเขาคือจิตใจ วิญญาณ ร่างกาย และต่อไปก็คือโชคชะตา…แขกผู้ยังไม่ถูกรับเลือกซึ่งนั่งอยู่เบื้องล่างถูกควบคุมจิตใจ จองจำวิญญาณไปแล้ว และครั้งนี้ เลือดเนื้อแขนขาของพวกเขาก็เริ่มละลาย ไม่ก็จัดรูปแบบใหม่

ส่วนฟรังก้าไม่มีปัญหาอะไรเลย

จี้ป๋อหนงครุ่นคิด…ถึงอย่างไร เธอก็คือเจ้าของที่หนังสือ ‘สังเวยเลือด’ เลือกเป็นนาย บางทีนี่อาจจะเป็นตัวช่วยชีวิตของเธอ เมื่อเผชิญกับภาพที่น่ากลัวขนาดนั้นแล้วยังมีสติครบถ้วน คนแบบนี้สามารถเป็นสาวกผู้อุทิศตนต่อพระเจ้าได้ง่าย ๆ

“ไมค์ ไปกันเถอะ”

ฟรังก้าหันมาเรียกคนรับใช้ของเธอด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

“ครับนาย” ไมค์ดูเหมือนจะเสียวิญญาณไปแล้ว เขาขยับตัวมาหาฟรังก้า หรือติดตามฟรังก้าด้วยความปรารถนาในหนังสือ ‘สังเวยเลือด’ ก็ไม่ทราบได้

แม้ว่าจี้ป๋อหนงจะงุนงง แต่เขาก็โล่งใจในทันที

เพราะถึงอย่างไร หนังสือได้เลือกแล้ว นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด…

“ทุกท่านครับ เรามาต่อกันเถอะ” จี้ป๋อหนงเรียบเรียงความคิดของตนใหม่ ยิ้มและมองแขกเหรื่อตรงหน้า

ฟรังก้ากลับหลังหันเดินออกไปจากพื้นที่จัดงาน เมื่อเธอได้ยินว่ามีหนังสืออีกเล่มชื่อ ‘วิถีหลักแห่งดาวชะตา’ ปรากฏขึ้น ซึ่งสร้างกระแสร้อนระอุอีกครั้งโดยไม่ต้องสงสัย

ฟรังก้าชะงัก หันกลับไปมองหนังสือ ทว่าเห็นชื่อของมันเป็น ‘ซ้องกั๋ง’…

แต่เธอไม่อยากเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร บางทีการรับรู้ของเธออาจมีปัญหาจริง ๆ ก็ได้ เธอรู้สึกไม่สบายใจนิด ๆ จึงกอดหนังสือในอ้อมแขนแน่น ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ถึงอย่างไร หนังสือพวกนี้ก็คงเป็นประเภทที่คนโง่ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งนั้น…

ฟรังก้ารู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลา

การประมูลครั้งนี้ทำให้ฟรังก้ารู้สึกไม่สบายใจนิด ๆ อยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็มักจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่เสมอ คนเหล่านี้บ้าไม่มากก็น้อย เป็นบุคคลน่าสงสารที่ก้ำกึ่งสามวันดีสี่วันไข้อยู่ทุกวัน

แต่ถึงเช่นนั้น ฟรังก้าก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเท่าในงานประมูลครั้งนี้มาก่อน

จี้ป๋อหนงมองดูเหล่าแขกรับเชิญตรงหน้าอย่างสุขุม

เพราะเมื่อเห็นหนังสือทั้งสี่เล่มติดต่อกัน ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อ่อนแอกว่าเริ่มร่างกายหลอมรวมกันแล้ว นอกจากสมาชิกสมาคมแห่งสัจธรรมคนนั้น ทายาทตระกูลคาเทียและผู้ที่ถูกหนังสือ ‘วิถีหลักแห่งดาวชะตา’ เลือกซึ่งมาจากหอพิธีกรรมต้องห้าม

ตอนนี้พวกเขากำลังอ่านมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกคนที่เหลือเป็นแค่ขยะ

แต่ขยะเหล่านี้กลับเป็นคนส่วนใหญ่ของชนชั้นสูงในนอร์ซิน ซึ่งเป็นเรื่องน่าสลดใจจริง ๆ

อีกไม่นานหรอก…

ความคิด วิญญาณ ร่างกาย และชะตา…ทุกอย่างจะอยู่ใต้การควบคุมของเจ้าของร้านหลิน

จี้ป๋อหนงหันไปมองจี้จือซู่ซึ่งหยิบกล่องบรรจุหนังสือเล่มถัดไปออกมาช้า ๆ

“ต่อไป ผมขอเสนอหนังสือที่เจ้าของร้านหลินเป็นผู้เขียนเองครับ” ตอนนี้ การกระทำของจี้ป๋อหนงสามารถเรียกเสียงเชียร์และความสนใจสูงสุดจากเหล่าแขกได้ บรรยากาศคลั่งไคล้อย่างผิดปกติปกคลุมทุกผู้คน

กล่องสีดำใบนั้นฝังอัญมณีอันลึกลับที่สุด…โอนิกซ์สีดำ

อัญมณีสีดำดูจะมีลวดลายก้นหอยอยู่บนนั้น เหมือนดวงตาของเทพเจ้าบางองค์ จับจ้องผู้คนในงานประมูลนี้อย่างใกล้ชิด

จิตใจของพวกเขาสับสน วิญญาณล่องลอย ร่างกายพังทลาย พอโชคชะตาของพวกเขาถูกผนึก พวกเขาก็นิ่งงันไปอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเห็นกล่องไม้สีดำใบนี้

ความเงียบสงบโอบล้อมคนทุกผู้ ลูบไล้พวกเขาราวหัตถ์มารดา

จี้ป๋อหนงค่อย ๆ เปิดฝากล่อง หนังสือปกสีดำนอนนิ่งอยู่บนนั้น ราวกับรอให้มีคนมาเปิดมันอ่าน

ความเจ็บปวดทั้งหลายบรรเทาลงในพริบตา ผู้ดีทุกคนในงานประมูลฟื้นคืนสติในวินาทีสุดท้าย ราวกับคนหลงทางในทะเลทรายผู้ที่ในที่สุดก็พบกับแหล่งน้ำบริสุทธิ์

หนังสือที่เจ้าของร้านหลินเขียนเล่มนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์จิตใจ วิญญาณ ร่างกาย และโชคชะตาของพวกเขาใหม่

“แล้ว มีใครต้องการหนังสือเล่มนี้ไหมครับ?” จี้ป๋อหนงถามยิ้ม ๆ จากนั้นก็เห็นทุกคนคุกเข่าลงอย่างเลื่อมใส…

พวกเขาอยู่ที่นี่ในนามของพระผู้เป็นเจ้า

จี้ป๋อหนงแย้มยิ้ม หันมองจี้จือซู่ บอกเธอว่า “เสี่ยวซู่ ได้เวลาเริ่มแล้วนะ”

เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากหลังม่าน แล้ว…บางสิ่งขนาดยักษ์ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากด้านหลัง

จี้จือซู่กระตุ้นเลือดอสูรในร่างกายของเธอโดยสมบูรณ์ ร่างที่แต่เดิมสะโอดสะองเปลี่ยนเป็นครึ่งหมาป่าขนาดยักษ์ เส้นขนสีเงินลุกซู่ ดวงตาสัตว์ร้ายสีส้มเหลืองเย็นชาสุด ๆ เปล่งเสียงคำรามไม่ทราบความหมาย

เสียงคำรามของเธอเป็นประหนึ่งหมาป่าจ่าฝูงท่ามกลางพงไพร หรือราชินีผึ้งในรังของเธอ ออกคำสั่งให้ดวงตาของเหล่าแขกที่คุกเข่าบนพื้นถูกย้อมเป็นสีทอง

นี่คือการควบคุม เหมือนเช่นกฎแห่งป่า

แผนไปได้สวย…

จี้จือซู่ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ

ในฐานะหนึ่งในผู้นำกลุ่มสาวกของเจ้าของร้านหลิน ในตอนที่ทุกคนกลายเป็นข้ารับใช้เจ้าของร้านหลินกันโดยสมบูรณ์ จี้จือซู่ก็ใช้การชักนำระดับสูงจากเลือดอสูร กอปรกับคุณลักษณะการถ้อยอาศัยทางวิญญาณของเผ่ายิธของเธอควบคุมพวกเขาโดยสมบูรณ์

ในตอนนี้ เป้าหมายในการควบคุมเขตกลางทั้งหมดของสองพ่อลูกสกุลจี้นับได้ว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง

“คุณพ่อคะ ชัยชนะอยู่ในกำมือของพ่อแล้วค่ะ”

จี้จือซู่พูดเสียงต่ำราวสัตว์ร้าย

จี้ป๋อหนงอดหัวเราะเสียงต่ำไม่ได้ เสียงของเขาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาแทบคงรูปลักษณ์มนุษย์ไว้ไม่ได้…

“นั่นมัน…” เสียงหนึ่งดังขัดขึ้นกะทันหัน

เสียงหัวเราะของจี้ป๋อหนงถูกขัดจังหวะ เขามองไปยังเหล่าแขกที่คุกเข่า มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างโดดเดี่ยว

จี้จือซู่และจี้ป๋อหนงมองหน้ากัน จากนั้นจี้ป๋อหนงจึงถามเสียงแข็ง “คุณเป็นใคร?”

ชายคนนี้ได้รับอิทธิพลจากหนังสือทั้งห้าของเจ้าของร้านหลิน และถูกจี้จือซู่ใช้เลือดอสูรควบคุมแล้วอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ เขาเหมือนมีบางอย่างอยากจะพูด

“ผมชื่อฮัมฟรีย์ เป็น…สายสืบจากสำนักงานกลางครับ” ฮัมฟรีย์ผู้ถูกควบคุมพูดอย่างไร้สติ

จี้ป๋อหนงหรี่ตาอย่างอันตราย คิดอยู่แล้วว่าสำนักงานกลางต้องส่งคนมาเช่นกัน เขาสบถด่าเบา ๆ “พวกสวะจอมเสแสร้งที่เรียกตัวเองเป็นราชาแห่งนอร์ซินนี่น่ารังเกียจจริง ๆ”

“คุณมีอะไรจะพูดเหรอคะ?”

จี้จือซู่จ้องเขาแล้วถาม การที่สามารถพูดออกมาในสถานการณ์นี้ได้นับเป็นความผิดปกติในความผิดปกติโดยแท้

“ผมอยากได้หนังสือเล่มนั้นครับ”

“อะไรนะ?!” จี้จือซู่และจี้ป๋อหนงดูแปลกใจ

ถ้าในบรรดาหนังสือทั้งห้าที่เจ้าของร้านหลินให้มา มีเล่มไหนสำคัญที่สุด ก็ย่อมเป็นเล่มที่อยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ นี่คือหนังสือที่เจ้าของร้านหลินเขียนด้วยตัวเอง

พวกเขากระทั่งคิดว่าในการประมูลนี้จะไม่มีใครคู่ควรกับหนังสือเล่มนี้ได้ด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ หนังสือเล่มสุดท้ายนี้ดูจะพบที่ไปของมันแล้ว

แน่นอน จี้ป๋อหนงเห็นแก่ตัวเล็กน้อย เขาหวังว่าหนังสือฝีมือเจ้าของร้านหลินเล่มนี้จะขายไม่ออก ซึ่งหมายถึงตกเป็นของพวกเขาพ่อลูก

แต่ว่าเจ้าของร้านหลินกลับต้องการให้หนังสือเล่มนี้กับสำนักงานกลาง? ทำไมล่ะ? มีความหมายอะไรหรือเปล่า?

หาสายสืบเจอแล้วแท้ ๆ แต่กลับต้องปล่อยอีกฝ่ายถือหนังสือเล่มนี้เดินจากไป…จี้จือซู่ไม่แน่ใจว่าความสามารถการร่วมอาศัยเชิงวิญญาณที่เธอใช้จะถูกสำนักงานกลางมองออกแล้วหรือเปล่า?

จี้ป๋อหนงเองก็คิดไม่ออก แต่เขาปฏิเสธไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น หนังสือเล่มนี้ก็เป็นของคุณค่ะ”

จี้จือซู่พูดอย่างสุขุม นี่คือเจตจำนงของเจ้าของร้านหลิน และเธอจะไม่มีวันขัดขวางมัน ต่อให้ต้องส่งหนังสือเล่มนี้ให้ศัตรูของพวกเธอก็ตาม

ได้ยินดังนั้น ฮัมฟรีย์ก็เดินขึ้นเวทีไปรับหนังสือ ก่อนจะถือกล่องเดินกลับที่ของเขาอย่างนอบน้อม ดวงตาของเขายังคงว่างเปล่า

แม้จะไม่เต็มใจ แต่จี้ป๋อหนงก็ต้องยอมรับในการเลือกของเจ้าของร้านหลินและหนังสือ อย่างน้อยแผนก็สำเร็จแล้ว…

“ทุกท่าน ขอบพระคุณที่เข้าร่วมงานประมูลนี้นะครับ ผมเชื่อว่าทุกท่านต่างได้รับบางสิ่งกลับไป”

จี้ป๋อหนงพูดกับตนเอง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดที่คุกเข่าตรงหน้าเขามีความคิดเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม

เป๊าะ!

เขาดีดนิ้ว บรรยากาศคลั่งไคล้อันน่ากลัวที่เคยปกคลุมทั้งงานประมูลพลันสลายหายไปในพริบตา

ผู้เข้าร่วมงานประมูลทุกคนตื่นจากภวังค์พร้อม ๆ กัน แม้พวกเขาจะได้สติคืนมา แต่ก็รู้สึกเสมอว่าเหมือนความทรงจำบางอย่างของพวกเขาหายไป

“งานประมูลจบลงแล้วครับ”

จี้ป๋อหนงยิ้มอย่างเมตตา กล่าวว่า “ทุกท่าน พวกคุณกลับบ้านได้แล้วครับ ไปกอดครอบครัวและทานอาหารอร่อย ๆ กันเถอะนะครับ”