ตอนที่ 380 เข้าสู่สนามสอบ
เมิ่งจิ่งหงที่ยืนต่อแถวท่ามกลางลมหนาวก็ทั้งหิวทั้งหนาวเหน็บ หลังจากที่เขาเห็นบะหมี่ผัดในมือของหลินเว่ยเว่ยแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา สวรรค์ ! ในที่สุดนางก็แบ่งให้ข้าด้วย !
ทั้งสามกินบะหมี่อย่างตะกละราวกับไม่ได้กินอะไรมานานหลายวัน กลิ่นหอมของบะหมี่ผัดลอยเตะจมูกเกินไป เหล่าบัณฑิตที่รู้จักทั้งสามคนคิดว่าหลินเว่ยเว่ยเป็นสาวใช้ในบ้านของเมิ่งจิ่งหง พวกเขาจึงกล่าวว่า “น้องจิ่งหง เหตุใดเจ้าไม่จริงใจต่อพวกข้าเลย ? ทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมสำนักเดียวกัน เหตุใดไม่ให้สาวใช้ที่บ้านทำบะหมี่มาเพิ่มหลาย ๆ ห่อกันเล่า ? ”
“พวกเจ้าพูดเกินไปแล้ว ! สาวใช้อะไรกัน ? นี่คือน้องสาวของข้า ! น้องสาวของข้า เข้าใจหรือไม่ ! ” เมิ่งจิ่งหงถลึงตาใส่พวกเขาด้วยความไม่พอใจ เจ้าเป็นใครกัน ? ข้าเคยสนทนากับเจ้ามาก่อนหรือ ? เหตุใดข้าต้องไว้หน้าด้วย เจ้าเป็นใครมาจากไหน ?
บัณฑิตอีกคนได้ยินเขาพูดแบบนี้จึงเอ่ยด้วยความสงสัย “เจ้ามีน้องสาวตั้งแต่เมื่อใด ? ครอบครัวของเจ้ามีแต่พี่น้องผู้ชายไม่ใช่หรือ ? ”
“อย่ามายุ่งกับข้า ! ” เมิ่งจิ่งหงรีบกินบะหมี่ในห่อราวกับหมาป่าหิวโซ จากนั้นจึงยื่นห่อกระดาษน้ำมันและตะเกียบคืนหลินเว่ยเว่ย “ค่อยมีแรงขึ้นมาหน่อย ! บุญคุณครานี้ใหญ่หลวงเกินกว่าจะเอ่ยคำขอบคุณได้ หลินกู่เหนียง วันหน้าข้าจะต้องตอบแทนเจ้าแน่นอน ! ”
“เอาล่ะ เลิกพูดมากได้แล้ว ! ด้านหน้าเริ่มทำการตรวจสอบแล้ว…ขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จ สอบผ่านกันทุกคน ! ” หลินเว่ยเว่ยเก็บห่อบะหมี่คืนมาแล้วหันหลังเดินจากไปท่ามกลางความสงสัยของบัณฑิตคนอื่น
เพื่อนร่วมห้องของเมิ่งจิ่งหงดึงเขามาถามว่า “วันหน้าหากน้องสาวของเจ้ามาส่งอาหารอีกก็บอกให้นางทำมาเผื่ออีกสักห่อได้ไหม ? ข้า…ข้าจ่ายเงินได้ ! ”
เมิ่งจิ่งหงมองเขาอย่างดูแคลน จากนั้นก็ชี้หน้าตนเองพลางกล่าว “เจ้ามองข้า…น้องสาวของข้าดูเหมือนคนที่ขาดแคลนเงินทองอย่างนั้นหรือ ? เจ้าดูถูกใครอยู่ ? ”
หลิ่วจงเทียนก็หันไปขึ้นเสียงใส่บัณฑิตคนนั้นเช่นกัน “ถึงคราเจ้าแล้ว สรุปเจ้าจะเข้าสอบหรือไม่ ? ถ้าไม่เข้าไปก็หลีกไปอยู่ตรงโน้น อย่าขวางทางคนอื่น ! ” สุนัขดีไม่ขวางทางคน1 เข้าใจหรือไม่ !
เห็นหลินกู่เหนียงเป็นอะไร ? คิดว่าจ่ายเงินแล้วซื้อตัวได้ง่าย ๆ หรือ ! หากไม่ใช่เพราะมีกฎห้ามทะเลาะวิวาทก่อนเข้าสอบ ป่านนี้เขาชกหน้าบัณฑิตคนนั้นไปแล้ว ประเดี๋ยวก็มาบอกว่าหลินกู่เหนียงเป็นสาวใช้ ประเดี๋ยวก็บอกให้นางทำอาหารขาย ตาสุนัขมองคนต่ำ2 ! มันน่าโมโหยิ่งนัก !
ถึงคราวตรวจสอบข้อมูลของเมิ่งจิ่งหงแล้ว เจ้าหน้าที่ศาลเปิดกระบุงที่เขานำเข้าสนามสอบด้วย หลังจากตรวจสอบของในนั้นทีละชิ้น เมื่อเห็นว่ามีขนมแห้งอยู่ในนั้นด้วยเจ้าหน้าที่ก็หัวเราะออกมา นี่คือบัณฑิตที่นำขนมเข้าสนามสอบคนที่เท่าไหร่แล้ว ?
หลังเจ้าหน้าที่วางกระบุงไว้ด้านข้าง เขาก็ให้เมิ่งจิ่งหงสยายผมและตรวจดูทุกจุด จากนั้นก็ให้ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วตรวจสอบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าโดยไม่ให้พลาดแม้แต่ปลายเล็บ
“เอาล่ะ ! เข้าไปได้ ! ”
เมิ่งจิ่งหงสวมชุดคลุมกลับเข้าไปอย่างทุลักทุเลเพราะในยามนี้อากาศหนาวจนฟันกระทบกันดังกึก ๆ
เจ้าหน้าที่ศาลใช้วิธีการนี้ตรวจสอบผู้เข้าสอบแต่ละคนอย่างละเอียด หลังผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดก็ถึงคราของหลินจื่อเหยียนและเผิงหยูเหยี่ยน เจ้าหน้าที่เปิดห่อใส่อาหารของพวกเขาออก หืม ? นี่คืออาหารอะไรกัน ? ดูคล้ายบะหมี่ที่นำมาผัด แต่เส้นใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย กลิ่นของมันช่างหอมยิ่งนัก ดูแล้วน่าอร่อยไม่เบา !
ในตอนตรวจสอบสิ่งของที่นำเข้าสนามสอบนั้น ขนมชิ้นใหญ่จะถูกทำเป็นชิ้นเล็ก แต่ขนมปังกรอบที่หลินเว่ยเว่ยทำให้บัณฑิตทั้งสองมีขนาดเล็กอยู่แล้ว ดังนั้นจึงผ่านการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย
เจ้าหน้าที่ศาลกลืนน้ำลายลงคอดังอึกแล้วพูดในใจว่า หรือว่าร้านขนมหวานหนิงจี้ได้ออกแบบขนมชนิดใหม่สำหรับผู้เข้าสอบโดยเฉพาะ ? ขนมนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกินหวาน ดูทั้งกรอบและหอมมาก…
หลินจื่อเหยียนผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงหันไปมองพี่รองที่อยู่ไม่ไกลออกไป หลินเว่ยเว่ยชูสองนิ้วบอกให้เขาสู้ ๆ หลินจื่อเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจแล้วเดินเข้าสู่สนามสอบ
บัณฑิตที่มีสิทธิ์เข้าสอบล้วนไปยืนรออย่างนอบน้อมอยู่ในโถงใหญ่ที่ทางอำเภอจัดไว้ให้ หลินจื่อเหยียนผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องยืนตากลมหนาวอยู่ด้านนอกสักครู่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นหากเป็นผู้ที่ร่างกายอ่อนแอก็อาจจะโดนความหนาวเย็นทำให้ไม่สบายเอาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเมื่อปีที่แล้ว หลังจากศิษย์พี่เจียงสอบเสร็จแล้วกลับบ้านก็ล้มป่วยอยู่พักใหญ่เลย
หากไม่ใช่เพราะช่วงครึ่งปีนี้ครอบครัวของเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นชนิดพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ อีกทั้งพี่รองยังทำอาหารอร่อยให้กินแบบไม่ซ้ำชนิดจึงทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นมาก เช่นนั้นเขาคงทนลมหนาวไม่ไหวและอาจหมดโอกาสเข้าสอบไปนานแล้ว
ก่อนเข้าสนามสอบ เขาได้สวมเสื้อหนังสัตว์ตัวหนา นอกจากนี้ยังสวมเสื้อคลุมขนกระต่ายไปอีกชั้น ไหนจะ กางเกงและถุงมือถุงเท้าที่พี่รองถักให้อีก แค่เขาขยับ เหงื่อก็ออกแล้ว !
หลังผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เมื่อบัณฑิตเข้ามาในสนามสอบครบทุกคน นายอำเภอหวางได้พาปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเอกสารคนอื่นเข้ามาในห้องโถง ขณะที่เบื้องหลังของพวกเขาคือเหล่าหลิ่นเซิงผู้ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้เข้าสอบ
นายอำเภอหวางได้เป็นประธานการสอบระดับเซี่ยนซื่ออยู่หลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงกล่าวเปิดงานได้อย่างชำนาญ “บัดนี้การทดสอบบัณฑิตถงเซิงรุ่นอายุสิบปีขึ้นไปสนามแรกแห่งต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นแล้ว บัณฑิตคนใดถูกขานชื่อก็ให้ออกมาหาหลิ่นเซิงผู้ค้ำประกันของตน”
พวกเขาจัดกลุ่มให้บัณฑิตกลุ่มละ 5 คน ไม่นานก็มาถึงคราวกลุ่มของหลินจื่อเหยียน
“หลินจื่อเหยียน จากหมู่บ้านฉือหลี่โกว เขตเริ่นอัน อำเภอเป่าชิง เข้าร่วมการทดสอบบัณฑิตถงเซิงรุ่นอายุสิบปีขึ้นไปเป็นครั้งแรก” นายอำเภอหวางเห็นรายชื่อนี้จึงอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
หลินจื่อเหยียนนึกถึงสิ่งที่เจียงโม่หานเคยกำชับเอาไว้ เขาตั้งสติเพื่อรอให้นายอำเภอหวางขานชื่อจบก่อน ถึงได้เดินก้าวไปตรงหน้าอย่างมั่นคงแล้วโค้งคารวะอย่างนอบน้อม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดว่า “บัณฑิตหลินจื่อเหยียนคารวะท่านนายอำเภอขอรับ”
นายอำเภอหวางมองเด็กหนุ่มตรงหน้า แม้ว่าใบหน้ายังอ่อนเยาว์ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยังสามารถรักษาจิตใจให้สงบนิ่งไว้ได้ ทำให้เขานึกถึงเด็กหนุ่มผู้สุขุมและเยือกเย็นผู้นั้นในการสอบเซี่ยนซื่อของปีที่แล้ว
หมู่บ้านฉือหลี่โกวมีตระกูลหลินเพียงครอบครัวเดียว เหมือนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นน้องชายของกู่เหนียงที่เฉลียวฉลาดผู้นั้น ? เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด พี่สาวเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด น้องชายย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน !
นายอำเภอหวางอ่านชื่อของเผิงหยูเหยี่ยนและอีกสามคนจบแล้ว จากนั้นก็ให้บัณฑิตซิ่วไฉแซ่หวงซึ่งเป็นหลิ่นเซิงที่พวกเขาเลือกไว้มาลงนามค้ำประกันให้…
สิบปีหลังจากการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ แดนเหนือมีบัณฑิตหลิ่นเซิงไม่มากนัก ดังนั้นกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จึงคลายลงโดยอนุญาตให้หลิ่นเซิง 1 คนสามารถค้ำประกันให้ผู้เข้าสอบ 5 คนได้
หลังจากยืนยันตัวตนแล้วผู้เข้าสอบก็ถูกพาไปที่ลานกว้างด้านหลังพร้อมตะกร้าสำหรับสอบข้อเขียน ภายในลานมีโต๊ะและตั่งไม้วางเรียงไว้เป็นแถว หลินจื่อเหยียนหาที่นั่งของตนตามหมายเลขที่ระบุไว้บนตั๋วเข้าสอบ ซึ่งเป็นที่นั่งค่อนมาด้านหน้า เรียกได้ว่าแทบจะอยู่ใต้จมูกของเหล่านายอำเภอเลยทีเดียว
ข้อดีเพียงข้อเดียวของที่นั่งบริเวณนี้คือเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เขายังพอสามารถรับแดดอุ่นได้ ไม่เหมือนที่นั่งของบางคนซึ่งหลบมุมและมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ทั้งวัน มีเมฆมากและหนาวด้วย !
หลินจื่อเหยียนมานั่งที่โต๊ะ เขานำแท่งหมึกออกมาฝน เมื่อบัณฑิตทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ศาลจำนวน 8 คนจะถือกระดานคำถามไว้แล้วยืนประจำตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งที่พวกเขายืนนั้นล้วนได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดีว่าจะทำให้บัณฑิตทุกคนมองเห็นกระดานคำถามได้ หากมีบัณฑิตคนใดสายตาไม่ดีก็สามารถขอให้เจ้าหน้าที่ของทางอำเภอมาช่วยอ่านคำถามได้
เจ้าหน้าที่ศาลคนหนึ่งยื่นอยู่ฝั่งซ้ายมือเยื้องกับหลินจื่อเหยียน ห่างออกไปประมาณสองก้าว เขาก็หันไปเห็นพี่เขยใหญ่ที่เข้าสอบพร้อมกัน แม้ว่าสายตาของพี่เขยใหญ่จะไม่ดี แต่ก็เป็นคนดวงดีมากเพราะกระดานคำถามอยู่ห่างจากตำแหน่งที่นั่งประมาณครึ่งหมี่ ( ครึ่งเมตร ) แค่เขาชะโงกศีรษะไปก็แทบจะติดกับเจ้าหน้าที่ศาลแล้ว ! หลินจื่อเหยียนผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอกแล้วรีบหันกลับมา
ผู้ดูแลเอกสารเดินเข้ามาส่งกระดาษคำตอบให้เหล่าบัณฑิต นายอำเภอหวางอธิบายกฎเกี่ยวกับการตอบคำถาม โดยทั่วไปให้เขียนคำตอบด้วยตัวอักษรแบบทางการและเนื้อหาในคำตอบไม่ควรอยู่ใกล้ชื่อแซ่และที่อยู่มากเกินไป เพราะเวลาตรวจคำตอบต้องมีการประทับตราชื่อผู้ตรวจลงไปบริเวณนั้น
[i]
1สุนัขดีไม่ขวางทางคน หมายถึง คนดีจะไม่ขวางทางหรือกีดกันผู้อื่น
2ตาสุนัขมองคนต่ำ หมายถึง คนที่ชอบเหยียดหยามผู้อื่น