ตอนที่ 410 เรื่องใดสมควรทนก็ต้องทนไว้ก่อน

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 410 เรื่องใดสมควรทนก็ต้องทนไว้ก่อน

“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา” ปากลิ่งหูชิวกล่าวไปเช่นนี้ ทว่าสายตาของสามนายบ่าวยังคงมองถุงผ้าบนโต๊ะใบนั้น

ต้วนหู่เอ่ยว่า “เหตุใดท่านไม่ลองเปิดดูก่อนล่ะขอรับ?”

ลิ่งหูชิวถาม “มันคืออะไร?”

ต้วนหู่ตอบว่า “ก่อนพวกเราสี่คนจะมาติดตามเต้าเหยี่ย ก็เคยใช้ชีวิตเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักมาก่อน เคยคิดอยากก่อตั้งสำนักขึ้น ดังนั้นจึงทำภารกิจบนทำเนียบครบถ้วนแล้ว หลักฐานการเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดอยู่ด้านใน”

ภารกิจเหล่านี้ ปีนั้นหลังจากพวกเขามาติดตามหนิวโหย่วเต้า เดิมทีเตรียมจะนำไปขายแล้ว ทว่าหนิวโหย่วเต้าห้ามไว้

เจตนาของหนิวโหย่วเต้าคือในเมื่อไม่ได้ร้อนเงินก็ไม่จำเป็นต้องขายภารกิจที่แลกมาด้วยชีวิตทิ้งง่ายๆ ให้เก็บเอาไว้ก่อน ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะได้นำออกมาใช้งาน

ทางสามสำนักก็มีร้านค้าของตนอยู่ที่หอไร้ขอบเขต ลิ่งหูชิวคือพี่ชายร่วมสาบานของหนิวโหย่วเต้า ทั่วโลกบำเพ็ญเพียรต่างทราบดี พอลิ่งหูชิวไปถึงหอไร้ขอบเขต ข่าวก็แว่วไปถึงหูทางร้านค้าสามสำนักแล้ว หลังจากหนิวโหย่วเต้าทราบเรื่องก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวดูว่าพวกเขากำลังทำอะไร ผลคือสังเกตเห็นว่าพวกเขานายบ่าวทั้งสามเข้าไปติดต่อกับผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก คนของสามสำนักจึงเข้าไปสอบถามผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักเหล่านั้นดู หนิวโหย่วเต้าเดาเจตนาของลิ่งหูชิวออกทันที นี่คงคิดจะเปิดสำนักตั้งต้นใหม่

ด้วยเหตุนี้หนิวโหย่วเต้าจึงให้ต้วนหู่นำหลักฐานยืนยันภารกิจเหล่านั้นมาส่งมอบให้ลิ่งหูชิว ก็ง่ายๆ เพียงเท่านี้

หงซิ่วและหงฝูสบตากันเล็กน้อย ลิ่งหูชิวใคร่ครวญเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยไปว่า “น้ำใจของเขา ข้าขอรับไว้ด้วยใจก็พอ เจ้านำกลับไปเถอะ”

ต้วนหู่กล่าวว่า “เต้าเหยี่ยบอกว่า ของสิ่งนี้หากท่านใคร่เก็บก็เก็บไว้ หากไม่อยากได้ก็โยนทิ้งไปได้เลย อีกอย่างเต้าเหยี่ยได้ฝากคำพูดมาว่า หากต้องการสำนักสำหรับออกจดหมายแนะนำให้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่อง สำนักคีรีพิลาศ สำนักเบญจคีรีรวมถึงสำนักหยกสวรรค์ล้วนยอมให้ความช่วยเหลือด้วยเห็นแก่หน้าเต้าเหยี่ย ท่านไม่จำเป็นต้องยุ่งยากไปติดค้างน้ำใจผู้อื่น เต้าเหยี่ยได้ติดต่อกับร้านค้าของสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาศไว้แล้ว หากท่านต้องการความช่วยเหลือก็สามารถไปถอนเงินสนับสนุนสำหรับกรณีฉุกเฉินหนึ่งแสนเหรียญทองจากร้านค้าสาขาต่างๆ ได้ตลอดเวลา”

หงซิ่วและหงฝูต่างมองไปที่ลิ่งหูชิวอย่างเงียบๆ

ลิ่งหูชิวเม้มปากแน่น เอ่ยถามออกไป “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

ต้วนหู่ประสานมือกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยฝากข้ามาถ่ายทอดประโยคหนึ่งต่อท่านด้วยขอรับ”

ลิ่งหูชิวเอ่ยว่า “มีอะไรก็รีบพูดมา!”

“ข้อความจากเต้าเหยี่ยคือ ยามที่หลบหนีออกจากแคว้นฉี เฮยหมู่ตานสิ้นชีพด้วยน้ำมือหอจันทร์กระจ่าง!” ต้วนหู้เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ สุดท้ายก็ประสานมือเอ่ยว่า “ไม่กล้าอยู่รบกวนนาน ขอตัวก่อน!”

เฮยหมู่ตานตายแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกลิ่งหูชิวสามนายบ่าวต่างมองไปที่ต้วนหู่ ในสายตาคนนอกหรือในสายตาพวกเขา เฮยหมู่ตานพักอาศัยร่วมกับหนิวโหย่วเต้า ย่อมเป็นสตรีของหนิวโหย่วเต้าแน่นอน

ต้วนหู่หันหลังจากไปแล้ว ยามที่ออกไปได้ปิดประตูให้ด้วย

ภายในห้องเงียบสงัดไปพักใหญ่ ลิ่งหูชิวยื่นมือไปหยิบถุงผ้าบนโต๊ะมาเปิด เทป้ายโลหะขนาดเท่าเหรียญกษาปณ์กองหนึ่งออกมา

อำนาจการตีพิมพ์ตั๋วแลกเงินทั่วหล้านี้อยู่ในมือของยอดคนทั้งเก้า โรงฝากเงินทั้งหมดก็อยู่ในการควบคุมของยอดคนทั้งเก้า ผู้ที่ทำภารกิจบนทำเนียบมารนอกรีตสำเร็จสามารถไปให้เจ้าหน้าที่โรงฝากเงินที่อยู่ในละแวกนั้นออกหลักฐานยืนยันได้ หลังจากโรงฝากเงินตรวจสอบยืนยันแล้วจะมอบแผ่นป้ายโลหะให้หนึ่งเหรียญ เมื่อสะสมป้ายโลหะได้ครบจำนวนแล้วก็ให้นำไปส่งมอบต่อสถานที่สำคัญอย่างเช่นโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์ในเมืองไจซิง ก็จะแปลว่าทำภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

หลังจากตรวจนับดูแล้ว มีป้ายโลหะทั้งหมดสามสิบเหรียญ ไม่ขาดตกไปเลยสักเหรียญ สำหรับสามนายบ่าวแล้วแปลว่าภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

เรื่องที่เหลือคือหาสำนักออกจดหมายแนะนำให้ ด้วยเส้นสายของลิ่งหูชิวแล้ว ไม่นับว่าเป็นปัญหาเลย

เรื่องที่ทำให้ลิ่งหูชิวพูดไม่ออกอย่างแท้จริงคือข่าวการตายของเฮยหมู่ตาน เฮยหมู่ตานเป็นสตรีของหนิวโหย่วเต้า สิ้นชีพด้วยน้ำมือหอจันทร์กระจ่างระหว่างที่หลบหนีออกจากแคว้นฉี จะบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยได้หรือ? อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็ยังเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างอยู่ ซ้ำยังตั้งใจวางแผนเอาชีวิตด้วย

การที่มาแจ้งข่าวการตายของเฮยหมู่ตานให้พวกเขาทราบ ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด แต่ทั้งสามล้วนเข้าใจเจตนาของหนิวโหย่วเต้าดี หากยังยึดติดกับเรื่องที่หงซิ่วหงฝูได้รับความอัปยศเพราะแผนของตัวเองอยู่ แล้วตัวเขาหนิวโหย่วเต้าต้องคิดบัญชีเรื่องเฮยหมู่ตานกับพวกเขาด้วยหรือไม่?

แต่อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะไม่คิดบัญชีกับพวกเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยพวกเขาออกมาจากคุกในเมืองหลวงแคว้นฉีด้วน จากนั้นก็ช่วยตัดปัญหาเรื่องหอจันทร์กระจ่างให้พวกเขา ยามนี้ยังช่วยสนับสนุนได้ตรงจุดอีก

อันที่จริงอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ สามารถสังหารพวกเขาให้ตายได้ตั้งแต่อยู่ในคุกหลวงแคว้นฉีเพื่อตัดปัญหาที่จะตามมาได้เลย!

นึกถึงครั้งนั้นที่หนิวโหย่วเต้าส่งจดหมายให้ทางนี้ จากนั้นก็แผ่นโลหะเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า ภายในใจหงซิ่วและหงฝูเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน ต่างเงียบงันไม่พูดจา

“น้องสามมีคุณธรรมเช่นนี้ ข้าเทียบเขาไม่ติดเลย!” ลิ่งหูชิวเงยหน้าทอดถอนใจออกมา

อยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรมานานขนาดนี้ เพิ่งเคยพบคนที่ตอบแทนความแค้นด้วยเมตตาเช่นนี้เป็นครั้งแรก เรื่องที่เขาทำไม่อาจหาข้ออ้างอะไรมาตำหนิได้เลย แล้วก็ยากจะกระตุ้นให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังต่อไปได้ ทำให้เขายอมรับจากใจจริงแล้ว

หงซิ่วหงฝูรู้ดี เมื่อนายท่านเอ่ยคำว่า ‘น้องสาม’ ออกมาอีกครั้ง เช่นนี้แปลว่ายอมรับเต้าเหยี่ยคนนั้นเป็นน้องชายจากใจ ปล่อยวางเรื่องในอดีตได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว…

….

จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว ขบวนส่งตัวเจ้าสาวสองขบวนออกเดินทางในวันเดียวกัน ขบวนหนึ่งไปอย่างโจ่งแจ้ง อีกขบวนไปอย่างลับๆ艾琳小說

วันต่อมา ณ หุบเขานอกเมือง วิหคยักษ์สามตัวโฉบลงมา

เขาขจีเงียบสงัด ใต้ร่มพฤกษาเก่าแก่ เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเซ่าเติงอวิ๋น คุกเข่าโขกศีรษะให้

เซ่าเติงอวิ๋นน้ำตาไหล

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ถูกพยุงขึ้นวิหคยักษ์ไม่ปรายตามองเซ่าผิงปอที่ตามมาส่งอยู่ข้างต้นไม้เลยแม้แต่น้อย นั่งวิหคยักษ์เดินทางจากไป

วิหคยักษ์ทั้งสามเป็นพาหนะที่ทางแคว้นฉีส่งมารับตัวเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ ขบวนส่งตัวเจ้าสาวแบบลับๆ และโจ่งแจ้งเมื่อวานเป็นการอำพรางตบตาเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกคนขัดขวางทำลายขบวน

ไม่ว่าจะทางแคว้นฉีหรือทางนี้ ล้วนทราบดีว่าคนที่ต้องการทำลายสมรสเชื่อมสัมพันธ์ครานี้มีอยู่มากมาย

เซ่าผิงปอเฝ้ามองวิหคยักษ์บินหายลับไปในหมู่เมฆ เขาค่อยๆ หลับตาลง สองมือกำแน่น สั่นเทาเล็กน้อย

เขานึกถึงคำฝากฝังของมารดาในปีนั้น เมื่อคิดถึงว่าต้องส่งน้องสาวออกเรือนไปอย่างลวกๆ เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดเข้าใจถึงความรู้สึกของเขา น้ำตาไหลอาบบนใบหน้าอย่างเงียบๆ

เขารู้ดีว่าน้องสาวเกลียงชังเขามากเพียงใด

ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดถึงจิตใจน้องสาวเรื่องที่จะให้น้องสาวออกเรือนไปกับถานเย่าเสียนที่นางชอบพอ มิเช่นนั้นถานเย่าเสียนคงได้ตายไปนานแล้ว

ก่อนที่ม้าศึกชุดนั้นจะตกไปอยู่ในมือของหนิวโหย่วเต้า เขาไม่เคยวางแผนเรื่องวิวาห์ของนางสาวเลย ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุกาณ์เช่นในวันนี้ แต่สถานกาณณ์บีบคั้นทำให้เขาหมดทางเลือก เขาจึงทำได้เพียงต้องทำตัวเหมือนคนขี้แพ้เช่นนี้

เขาเช็ดน้ำตา หันหลังเดินลงจากเขาไปทันที ไม่รอผู้เป็นบิดา

หลายวันต่อมา มีข่าวส่งมาจากขบวนส่งตัวเจ้าสาวทั้งแบบโจ่งแจ้งและแบบลับๆ ว่าเผชิญการโจมตีอย่างต่อเนื่อง บาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่ร่วมขบวนไปด้วยก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน

…..

ปฏิทินรัชศกแคว้นอู่ปีที่ห้าร้อยยี่สิบหก

อิงอ๋องเฮ่าเจินแห่งแคว้นฉีจัดงานวิวาห์ยิ่งใหญ่ แต่งเซ่าหลิ่วเอ๋อร์เป็นชายาองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ ญาติฝ่ายบ้านเจ้าสาวของเซ่าหลิ่วเอ๋อร์มิมีผู้ใดมาร่วมงาน เพียงส่งทูตตัวแทนมาร่วมพิธีเท่านั้น ทว่านี่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศมงคลในเมืองหลวงแคว้นฉีเลย

….

ช่วงกลางปี ณ แคว้นเยี่ยน

ในที่สุดการเจรจาระหว่าสำนักหยกสวรรค์และราชสำนักก็ได้ข้อสรุป สำนักหยกสวรรค์ได้แลกเปลี่ยนพื้นที่สามจังหวัดในสามเขตอื่นของแคว้นเยี่ยนกับพื้นที่สามจังหวัดของมณฑลหนานโจวที่อยู่ในการปกครองของราชสำนัก ทหารของทั้งสองฝ่ายเริ่มทยอยถอนกำลังออกไป กว่าการแลกเปลี่ยนจะเสร็จสมบูรณ์ก็ล่วงเข้าช่วงสิ้นปีแล้ว

ปัจจุบันนี้ ในเขตสิบเอ็ดจังหวัดของมณฑลหนานโจว จังหวัดชิงซาน จังหวัดกว่างอี้ จังหวัดหูซี จังหวัดอู่หยางและจังหวัดถู่อันได้ตกเป็นของสำนักหยกสวรรค์แล้ว สำนักหยกสวรรค์รวมกำลังสู่ศูนย์กลางได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งสำนักหยกสวรรค์ได้โยกย้ายที่ตั้งสำนักหลักไปอยู่ในพื้นที่ทำเลงามแห่งหนึ่งในจังหวัดหูซีซึ่งเดิมทีเป็นที่ตั้งของสำนักบำเพ็ญเพียรแห่งหนึ่ง ทว่าถูกสำนักหยกสวรรค์บังคับไล่ที่ไป ทำตัวประหนึ่งกาเหว่ายึดรัง!

ผู้ว่าการจังหวัดอีกสี่จังหวัดที่เหลือถือโอกาสที่สำนักหยกสวรรค์ย้ายฐานที่ตั้ง มุ่งหน้าไปร่วมแสดงความยินดีที่สำนักหยกสวรรค์ หนิวโหย่วเต้าและเจ้าสำนักทั้งสามก็ติดตามซางเฉาจงมุ่งหน้าไปแสดงความยินดีในการย้ายฐานที่ตั้งของสำนักหยกสวรรค์ด้วยเช่นกัน

ระหว่างที่พบหน้า หนิวโหย่วเต้ามองออกชัดเจนว่าเหมยหลินเซิ่งผู้ว่าการจังหวัดหูซี อู๋เทียนตั้งผู้ว่าการจังหวัดอู่หยางและจ้าวชิงเฟิงผู้ว่าการจังหวัดถู่อันมีเจตนาร่วมมือกันเพื่อคานอำนาจซางเฉาจง คาดว่าคงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซางเฉาจงครอบครองพื้นที่สองจังหวัดไว้คนเดียว

ขอเพียงมิใช่คนโง่ก็ล้วนมองออกทั้งสิ้นว่าสำนักหยกสวรรค์ชักใยวางแผนอยู่เบื้องหลัง ทันทีที่ตีชิงหนานโจวมาได้ ใครสักคนในบรรดาพวกเขาจะได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองมณฑลหนานโจว ซึ่งซางเฉางจงมีข้อได้เปรียบด้านพื้นที่และกำลังพลอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้ยึดมณฑลหนานโจวมาได้แล้ว หากสามจังหวัดไม่ร่วมมือกันคานอำนาจ อำนาจต่อรองก็สู้ซางเฉาจงไม่ได้

ในงานเลี้ยง สามผู้ว่าการจังหวัดร่วมมือกันสร้างความลำบากใจให้ซางเฉาจง ร้องขอม้าศึกจากซางเฉาจง พูดทำนองว่าล้วนเป็นพวกเดียวกันทั้งนั้น จะปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตยากลำบากโดยไม่ดูดายหรือ ทางฝ่ายซางเฉาจงย่อมพยายามโต้แย้งไปอย่างเต็มที่ สุดท้ายก็เป็นเผิงโย่วไจ้ออกหน้าไกล่เกลี่ย ให้ซางเฉาจงมอบม้าศึกออกมาสามพันตัว ยกให้สามจังหวัดไปจังหวัดละพันตัว

ด้วยการกดดันจากสำนักหยกสวรรค์ ซางเฉาจงทำได้เพียงฝืนใจตอบรับไป

พวกเฟ่ยฉางหลิวที่อยู่ในงานต่างหันมองท่าทีของหนิวโหย่วเต้าเป็นระยะ หนิวโหย่วเต้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

มีคนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นพวกเฟิ่งหลิงปอ

หลังจบงานเลี้ยง ฟ้ามืดลง แขกเหรื่อแยกย้ายไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย

ตอนออกจากงานเลี้ยง หนิวโหย่วเต้าจงใจเดินเข้าไปใกล้เฟิ่งรั่วหนาน เอ่ยถามไปเรื่อยว่า “เห็นใดไม่เห็นพระชายาช่วยพูดสนับสนุนสามีตนเลยพ่ะย่ะค่ะ?”

เฟิ่งรั่วหนานกัดริมฝีปาก ไม่ตอบอะไรและไม่สนใจเขาด้วย เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

มีการจัดที่พักแยกไว้สำหรับแขกที่มา พวกซางเฉาจงได้พักรวมในเรือนเดียวกัน หนิวโหย่วเต้าเพิ่งกลับถึงห้องพักตน ด้านนอกประตูก็มีเสียงล้อไม้เคลื่อนเข้ามา จากนั้นตามด้วยเสียงเคาะประตู

หนิวโหย่วเต้าได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร พอเปิดประตูออกไปก็เห็นว่าเป็นเหมิงซานหมิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น

หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญเข้ามา ทว่าเหมิงซานหมิงโบกมือปฏิเสธว่าไม่จำเป็น แต่ปากกลับเอ่ยถามไปว่า “เต้าเหยี่ย ในงานเลี้ยงวันนี้มองอันใดออกหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “อาจารย์เหมิงหมายถึงเรื่องม้าศึกสามพันตัวหรือ?”

เหมิงซานหมิงเอ่ยว่า “หากต้องการสร้างกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญ เกรงว่าจะมิใช่เพียงสามพันตัว อย่างน้อยก็ต้องเก้าพันตัว”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “สำนักหยกสวรรค์จ่ายเงินซื้อม้าศึกมา สำนักหยกสวรรค์ยินดีมอบให้ผู้ใดย่อมมีสิทธิ์ทำตามใจได้”

เหมิงซานหมิงเอ่ยว่า “เรื่องม้าศึกเป็นเรื่องเล็ก แต่เกรงว่าสำนักหยกสวรรค์จะมีความคิดเป็นอื่นเกี่ยวกับตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลหนานโจว เต้าเหยี่ยคิดเห็นเช่นไร?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ทุกคนต่างทำเพื่อผลประโยชน์ของตน ต่างมีแผนการซ่อนเร้น นับเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก ใครบ้างจะไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยสักนิด ท่านอ๋องต้องเปิดใจยอมรับ”

เหมิงซานหมิงกล่าวว่า “เห็นแก่ตัวก็ส่วนเห็นแก่ตัว หากว่าได้รางวัลตามผลงานนั้นกลับไม่กลัว กลัวก็แต่เหล่าทหารเบื้องล่างที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายลงแรงมากที่สุด แต่กลับไม่ได้รับรางวัลตอบแทน กลับต้องมองคนอื่นนั่งแท่นเสวยสุขแทน แล้วจะให้ท่านอ๋องอธิบายต่อเหล่าทหารเบื้องล่างอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เจตนาของอาจารย์เหมิงคืองานยังไม่ทันสำเร็จ ก็คิดจะสร้างความขัดแย้งภายในแล้วอย่างนั้นหรือ?”

เหมิงซานหมิงจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นขอฟังความเห็นจากเต้าเหยี่ยด้วยเถิด”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่ทราบเรื่องการศึก แต่อย่างน้อยก็พอจะเข้าใจหลักเหตุผล ความสามัคคีระหว่างห้าจังหวัดต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนงานจะสำเร็จห้ามเกิดความขัดแย้งภายในขึ้นเด็ดขาด หากไม่มีการสนับสนุนจากสำนักหยกสวรรค์ ลำพังท่านอ๋องไม่อาจตีชิงมณฑลหนานโจวมาได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่สามสำนักที่ครอบงำอยู่เหนือแคว้นเยี่ยน เราก็ยังต้องให้สำนักหยกสวรรค์ออกหน้าจัดการให้อยู่ หากสามสำนักนั้นไม่เห็นด้วย ผู้ใดก็อย่าหมายจะได้คาบเนื้อชิ้นใหญ่อย่างมณฑลหนานโจวไปกิน ดังนั้นเรื่องใดสมควรทนก็ต้องทนไว้ก่อน ส่วนหลังจบงานแล้ว หากว่าท่านอ๋องลงแรงมากที่สุดแล้วคนอื่นคิดจะเข้ามาปาดหน้าเอาเปรียบ คนแรกที่จะไม่ยอมก็คือข้า!”

คำพูดอื่นใดก่อนหน้าล้วนแต่ไม่สำคัญ สิ่งที่เหมิงซานหมิงต้องการจริงๆ คือประโยคสุดท้ายของเขา จึงพยักหน้ากล่าวไปว่า “วาจาของเต้าเหยี่ยมีเหตุผล ข้าจะนำความเห็นของเต้าเหยี่ยไปรายงานต่อท่านอ๋องแน่นอน!”

………………………………………………………..