บทที่ 503 ฆ่า
บทที่ 503 ฆ่า
ทันทีที่ฉู่ตงได้ยินเสียงนั้นเขาก็พลันตัวสั่นเทา เขาฟังออกว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เหิน ! คิดไม่ถึงว่าบนความโชคร้ายของตัวเองจะยังมีความโชคดีอยู่ การได้พบฉู่เหินทำให้เขาดีใจมาก !
แต่ถึงจะดีใจ ทว่าฉู่ตงก็ไม่ได้ส่งเสียงออกไป เขารู้ดีว่าถ้าฉู่เหินปรากฏตัวขึ้น ตัวเขาก็จะปลอดภัยแล้ว ! ในสายตาของเขา ฉู่เหินเป็นคนที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ แม้ว่าฉู่เหินกับเขาจะเป็นรุ่นเดียวกัน แต่ในสายตาของพวกเขา ฉู่เหินไม่ต่างอะไรกับเทพเซียน !
ชายหนุ่มในตอนนี้กำลังจ้องมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นเฉียบ มีคนกล้าไล่ล่าคนตระกูลฉู่ แล้วแบบนี้จะไม่ให้โกรธได้ยังไง ! ตอนแรกเขากะจะเก็บจิตสังหารกลับไป แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ฉู่เหินก็พลันส่งจิตสังหารนั่นออกไปไกลกว่าเดิม !
เมื่อพลังจิตของเขาไม่ได้ครอบคลุมค่ายกลนี้แล้ว มันจึงสามารถพุ่งออกไปได้ไกลมาก ! เหมือนตอนนี้ที่พลังจิตสังหารของชายหนุ่มได้พุ่งออกไปคลุมร่างของฉู่ตงเอาไว้
“จำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็อย่ากลัว เพราะทั้งหมดเป็นการโจมตีของฉันเอง มันจะไม่เป็นอันตรายกับนาย !” ฉู่ตงที่กำลังวิ่งอยู่ เมื่อได้ยินชายหนุ่มว่าแบบนั้นเขาก็พลันพยักหน้า !
แต่เมื่อวิ่งต่อไปไม่ทันไร จู่ ๆ ฉู่ตงก็รู้สึกว่าทัศนียภาพเปลี่ยนไป เดิมที่ตรงหน้าเขาเคยเป็นเขาสูง มาตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นเนินเขาที่แห้งแล้ง อีกทั้งทุกที่ของเนินเขาก็จะมีภูเขาเล็ก ๆ คล้ายกับเนินฝังศพ ! หลังจากฉู่เหินกระซิบบอกบางอย่าง เขาก็ได้เดินมาที่จุด ๆ หนึ่ง ก่อนจะนั่งขัดสมาดตรงนั้นและเริ่มทำการรักษาตัวเองในทันที !
ในเวลาเดียวกันนั้นฉู่เหินได้ส่งเอายาไปให้เขาผ่านทางพลังจิตด้วย ! หลังจากเขารับยามาจากฉู่เหินแล้ว ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแบบนั้นฉู่ตงจึงได้นั่งขัดสมาดอย่างสบายใจ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีก เพราะฉู่ตงเชื่อว่าถ้ามีฉู่เหินอยู่ ยังไงเขาก็ปลอดภัยแล้ว !
คนนับสิบที่วิ่งตามฉู่ตงมา อยู่ ๆ พวกเขาก็เห็นเป้าหมายที่ไล่ตามมานั่งขัดสมาดเสียอย่างนั้น ! ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้น พวกเขาก็พลันยิ้มเยาะออกมา !
“แกคงคิดได้แล้วสินะว่าต่อให้หนียังไงก็ไม่พ้น ! อันที่จริงแกควรจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้วนะ ให้ข้าเสียเวลาวิ่งตามอยู่ได้ตั้งครึ่งวัน ! ไม่ต้องห่วง อีกเดี๋ยวพวกข้าจะทำให้แกไปสบายเอง ! ” พอพูดจบพวกที่ยิ้มเยาะอยู่ก็พุ่งไปทางฉู่ตงในทันที
แต่เมื่อวิ่งเข้าไป คนพวกนี้ก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เป็นเพราะสภาพแวดล้อมในตอนนี้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกนั้นรอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี ทว่ามาตอนนี้มันกลับกลายเป็นเนินเขาแห้ง ๆ เสียอย่างงั้น ! อีกทั้งแต่ละเนินเขาเล็ก ๆ นั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นยะเยือกไปหมด
เมื่อมองไปที่ฉู่ตงที่นั่งอยู่อีกครั้ง พวกเขาก็พลันเกิดความลังเล ถ้าไม่จัดการชายหนุ่มนี้แล้วแย่งชิงตราประจำตัวมา พวกเขาก็คงไม่ให้อภัยตัวเอง ! เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว พวกเขาทั้ง 10 ก็หันมองหน้ากันไปมา ก่อนจะกัดฟันเดินต่อไป !
ยิ่งเดินเข้าหาฉู่ตง พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าระยะทางมันไกลขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ฉู่ตงนั่งห่างไม่ถึง 10 เมตรแท้ ๆ แต่พวกเขานั้นกลับเดินไปไม่ถึงอีกฝ่ายเสียที !
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาคิดได้ว่าพวกตนนั้นน่าจะเผลอเข้ามาในค่ายของใครสักคนแน่ ๆ ซึ่งเมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกละก็ พวกเขาคงไม่เข้ามาแย่งตราประจำตัวเพียงอันเดียว จนต้องทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายแบบนี้ ! และเมื่อรู้แบบนั้น พวกเขาก็พากันเดินถอยกลับด้วยท่าทางระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้เองก็เห็นเพียงเพื่อนร่วมทางของพวกเขาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ดวงตาเหม่อลอยและน้ำตาหลั่งไหลออกมา อีกทั้งยังอ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง ! ถ้าเพียงเท่านี้ทุกคนคงจะนึกว่าเขาเพ้อเจ้อไปเอง ทว่าต่อมาพวกเขาก็ต้องตกตะลึง
เห็นเพียงชายคนนั้นร้องไห้ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนที่จะมีเลือดนับไม่ถ้วนไหลออกมาเป็นสาย และไม่เพียงเลือดที่ตา เพราะแม้แต่จมูก กระทั่งทวารทั้งเจ็ดมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด !
ตอนนี้พวกเขาเริ่มที่จะอยู่ไม่สุขแล้ว ต่างพากันมองซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ! ทว่ามันก็เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้เห็นเข้ากับฉากอันน่าสยดสยอง พวกเขาเห็นชายคนเดิมผิวหนังบนใบหน้าค่อยหลุดลอก และเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นร่างกายของอีกฝ่ายก็สั่นสะท้านไม่หยุด ก่อนที่เสื้อผ้าจะเน่าเปื่อยจนหายไปหมด จนเผยให้เห็นผิวหนังที่ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็เหลือเพียงหัวกะโหลก และที่น่ากลัวก็คือ การที่กะโหลกนั้นอ้าปากราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง
พวกเขาถูกฉากนี้โจมตีเข้าอย่างจัง จนทำให้พวกเขาใจเต้นระรัวไม่หยุด ! และก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง แต่เมื่อได้ยินเสียงนั้น พวกเขาก็พากันออกวิ่งทันที ! ซึ่งมันก็ช้าไปเสียแล้ว….
ระหว่างที่วิ่ง พวกเขาก็รู้สึกว่าอยู่ ๆ ด้านหลังของพวกเขามีอะไรเพิ่มขึ้นมา พอหันหัวกลับไปก็มองเห็นเพียงหัวกะโหลกลอยอยู่ด้านหลังของตัวเอง อีกทั้งเจ้ากะโหลกนั่นก็ยังทำท่าอ้าปากราวกับต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง !
เมื่อเห็นฉากนี้เข้าไป หนึ่งในนั้นก็พลันตกใจจนตาเหลือกและล้มลงไปนอนที่พื้น ! และในทันทีที่หลังของเขาติดพื้น เนื้อหนังของคนผู้นั้นก็ค่อย ๆ เน่าเปื่อย ก่อนที่สุดท้ายจะเหลือเพียงหัวกะโหลกอันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กะโหลกที่เหลือไว้นั้นก็พลันลอยขึ้นมาจากพื้นได้เองอย่างน่าประหลาด !
คนที่วิ่งหนีไปคนแรกนั้นได้หันกลับมามองพอดี ซึ่งมันก็ทำให้เขานั้นได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมด ! เขาได้แต่ตกใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ได้แต่วิ่งไปตะโกนไปด้วยความหวาดกลัว ! ก่อนที่จะหยุดลงอย่างกะทันหัน
ที่เขาหยุดลงก็เพราะด้านหน้าของเขานั้นมีดวงไฟสีเขียวลอยขวางอยู่ ! ซึ่งระหว่างที่ดวงไฟนี่ลอยอยู่ มันก็ได้ส่งเสียงหัวเราะประหลาด ๆ ออกมา ทำให้ผู้ที่ได้ยินพากันตกใจกลัว และร่างสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม !
เมื่อคนเราถูกบีบเข้ามาก ๆ อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ ! ชายคนแรกกัดฟันแน่น ก่อนที่จะกำหมัดต่อยออกไป ! พร้อมกับตะโกนไปด้วยซ้ำๆว่า “ออกไปนะ ออกไป ฉันบอกให้ไสหัวไปไงล่ะ ! ”
หมัดที่พุ่งต่อยดวงไฟไปเต็มแรงคล้ายกับจะใส่ลมปราณทั้งชีวิตของเขาลงไปด้วย แน่นอนว่าพลังย่อมไปอาจดูถูกได้ ! แต่ทันทีที่หมัดนี้พุ่งออกไป ดวงไฟก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน !
ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองอย่างโง่งม เพราะเขาดันเห็นดวงไฟกลายเป็นสาวน้อยนางหนึ่ง ซึ่งสาวน้อยคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือน้องสาวของเขา ! ตั้งแต่เด็กเขามีเพียงน้องสาวคนเดียว ดังนั้นการคัดเลือกเข้าพรรควายุอัสนี ก็เพื่อต้องการให้น้องสาวเขามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น !
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเห็นน้องสาวของตัวเองที่นี่ จึงทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ! ทำให้หมัดที่ถูกส่งออกไปหยุดกลางทาง !
“พี่ชาย ฉันคิดถึงพี่มากเลย พี่มากับฉันเถอะนะ ขอแค่มีเรา 2 คนอยู่ด้วยกัน แค่นั้นก็มีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ ?” เสียงของสาวน้อยนั้นช่างใสบริสุทธิ์ พอชายหนุ่มมองน้องสาวของตัวเอง เขาก็พลันยื่นมือออกไปจับมือของผู้เป็นน้องอย่างโง่งม ทว่าทันทีที่เขาจับมือน้องได้ เนื้อหนังของเขาก็เกิดการเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สุดท้ายจะเหลือเพียงหัวกะโหลกอันหนึ่งเท่านั้น