บทที่ 374 ทำโคมม้าวิ่ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 374 ทำโคมม้าวิ่ง

บทที่ 374 ทำโคมม้าวิ่ง

ด้วยทักษะที่คุ้นเคยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าสวีเฉิงเจ๋อจะทำโคมไฟอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ สวีเฉิงเจ๋อก็กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย “เมื่อก่อนข้าเคยทำโคมไฟเล่นในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าน่ะ”

ทุกคนเชื่ออย่างนั้น มีเพียงแต่เสี่ยวลู่ที่อยู่ด้านข้างเท่านั้นที่สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นงานฝีมือที่นายน้อยไปเรียนรู้ที่ร้านไม่ใช่หรือ?

ปีที่แล้วไปนายน้อยได้ไปเทศกาลโคมไฟที่ไหนกัน? ในเทศกาลหยวนเซียว นายน้อยไม่ได้ตั้งใจอ่านหนังสือที่บ้านอย่างนั้นหรือ? ตอนนั้นเสี่ยวลู่ผู้นี้อยากจะไปดูโคมไฟ แต่นายน้อยกลับไม่ให้เขาไป!

เสี่ยวลู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยกันแน่ เหตุใดเขาถึงเริ่มหัดโกหกเช่นนี้!

กู้เสี่ยวอี้ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อสวีเฉิงเจ๋อเห็นว่านางชอบมาก เขาจึงมอบให้กู้เสี่ยวอี้ก่อน

“เสี่ยวหวาน เจ้ารอก่อน ข้าจะทำอย่างอื่นให้เจ้า” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ชอบมันมากขนาดนั้น สวีเฉิงเจ๋อก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและตั้งหน้าตั้งตารอ

“โคมมังกรธรรมดา ๆ จะมีดีอะไร เสี่ยวหวาน ข้าจะทำอันที่ดีกว่านี้ให้เจ้า!” ฉินเย่จือกล่าวอย่างเย็นชาเมื่อเห็นสิ่งนี้

สวีเฉิงเจ๋อเหลือบมองที่ฉินเย่จือ และฉินเย่จือก็มองมาที่เขา ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ทำเพียงหยิบวัสดุขึ้นมาและลงมือทำอย่างรวดเร็ว ไม่นานทั้งคู่ก็ทำโคมไฟเสร็จ

เมื่อเห็นวิธีที่พวกเขาทั้งสองกำลังแข่งขันกัน กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มออกมาราวกับว่ากำลังเห็นเด็กสองคนท้าทายซึ่งกันและกัน และต้องการชนะการแข่งขัน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกคันไม้คันมือเมื่อเห็นพวกเขาทำโคมไฟ นางอยากทำโคมม้าวิ่งที่คุณปู่เคยสอนไว้ก่อนหน้านี้

เมื่ออยากทำนางก็จะทำให้ได้ กู้เสี่ยวหวานหยิบกระดาษสีแดงมาแผ่นหนึ่ง ก่อนตัดกระดาษสีแดงเป็นสี่เหลี่ยมและวงกลม กระดาษรูปสี่เหลี่ยมพับเป็นทรงกระบอก และกระดาษรูปวงกลมถูกใช้เป็นวงล้อลม เจาะรูเล็ก ๆ ตรงกลางกระดาษวงกลมเพื่อให้สะดวกในการติดตั้งไฟ จากนั้นแบ่งกระดาษวงกลมเป็นแปดส่วนเท่า ๆ กัน แล้วทากาวเข้ากับกระดาษทรงกระบอก

กู้เสี่ยวหวานเรียกเสี่ยวอี้ และขอให้นางทำตามวิธีที่ตนเองทำเมื่อครู่ และตัดกระดาษเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม นางฟ้าอวยพร เป็นต้น เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้ตัดออกมาเหมือนจริง กู้เสี่ยวหวานถึงกับยกย่องความสามารถของกู้เสี่ยวอี้

ต่อมา กู้เสี่ยวหวานได้สร้างฐานโคมไฟทรงกลมแปดด้านด้วยแถบไม้ไผ่ และใช้มีดกรีดรูปที่กู้เสี่ยวอี้ตัดมาเพื่อให้มีช่องว่าง แล้วทำเป็นลวดลายด้านนอกที่สวยงาม จากนั้นตกแต่งด้วยด้ายหลากสีบนวงล้อ โดยเหลือที่ด้านหลังครึ่งฉื่อไว้ใส่พู่ และขั้นตอนสุดท้ายก็ใส่เทียนสีแดงเล่มเล็ก ๆ ไว้ที่ฐานของโคมไฟ

กู้เสี่ยวอี้เฝ้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก สวีเฉิงเจ๋อและฉินเย่จือก็สร้างโคมไฟออกมาได้เช่นกัน โคมไฟของฉินเย่จือดีกว่าของสวีเฉิงเจ๋อเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็นอันที่กู้เสี่ยวหวานสร้างขึ้น เขาก็มองไปที่อันที่อยู่ในมือของพวกเขาทันทีและมองไปโคมไฟในมือของกู้เสี่ยวหวาน มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

พวกเขาทั้งหมดมาดูจึงโคมไฟที่กู้เสี่ยวหวานทำ

กู้เสี่ยวหวานจุดเทียนสีแดง และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวอี้ก็อุทานออกมา “ท่านพี่โคมไฟนี้กำลังเคลื่อนไหว ดูมันสิ ภาพวาดบนนั้นดูเหมือนจะมีชีวิต”

“เสี่ยวหวาน โคมไฟนี้มันอะไรกัน โคมไฟมันหมุนได้จริง ๆ!” สวีเฉิงเจ๋อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นโคมไฟเช่นนี้มาก่อน!

กู้เสี่ยวหวานสวมโป๊ะโคมไฟ เมื่อเส้นด้ายที่มีสีสันถูกแสงส่องกระทบ แสงหลากสีก็ส่องออกมาจากพื้นผิวของโคมไฟ ดึงดูดสายตาของทุกคนในห้อง ทำให้พวกเขาตื่นตาตื่นใจ

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อเห็นสิ่งที่น่าตกใจก็พูดไม่ออก

“ท่านพี่ โคมไฟอะไรกัน? สวยจริง ๆ!”

“ข้าเคยเห็นโคมไฟมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นโคมไฟเช่นนี้มาก่อน มันละเอียดอ่อนและพิเศษกว่าของข้ามาก เสี่ยวหวาน นี่มันโคมไฟอะไรหรือ?” ฉินเย่จื่อก็เอ่ยถามเช่นกัน

เขาเคยเห็นโลกใบใหญ่มาแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นโคมไฟเช่นนี้มาก่อน โคมไฟหมุนได้ และรูปต่าง ๆ บนกระดาษก็เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะคิกคัก “มันเรียกว่าโคมม้าวิ่ง ท่านพ่อของข้าเคยสอนข้ามาก่อน” ความจริงแล้วไม่มีใครรู้ว่ากู้ฉวนฟู่ทำเป็นหรือไม่ แม้ว่าคนอื่นจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปถามกู้ฉวนฟู่ได้

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีความกล้ามากขึ้น เมื่อนางทำสิ่งที่แปลกประหลาด นางก็จะบอกว่าเรื่องทั้งหมดมาจากกู้ฉวนฟู่

กู้เสี่ยวอี้อุทาน “ท่านพ่อน่าทึ่งมากที่สามารถสร้างโคมไฟที่สวยงามเช่นนี้ได้!”

ความทรงจำของกู้เสี่ยวอี้ไม่มีกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่ออยู่เลย เมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนบอกว่าพ่อของพวกนางสอนทำโคมไฟที่สวยงามเช่นนี้ นางจึงยกย่องเขาเป็นอย่างมาก

กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงก็ประหลาดใจเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและโกหกต่อ “ท่านพ่อของเรารู้หลายสิ่งหลายอย่าง โชคดีที่ข้ายังมีความทรงจำที่ดีและจำได้ทั้งหมด เมื่อพวกเจ้าโตขึ้น ข้าจะค่อย ๆ สอนพวกเจ้าเอง!”

กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่น่าเศร้าเหล่านั้นอีก ดังนั้นนางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ

สวีเฉิงเจ๋อมองที่โคมไฟในมืออย่างเขินอายเล็กน้อย ตอนนี้เขาคุยโวว่าจะทำโคมไฟที่สวยงามให้กู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานก็สามารถสร้างโคมไฟเองได้ และโคมไฟที่นางทำนั้นสวยงามกว่าของเขาเสียอีก

สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางของสวีเฉิงเจ๋อ นางก็กลัวว่าจะทำให้สวีเฉิงเจ๋อต้องอับอาย

ขณะที่นางกำลังจะกล่าวอะไรออกไป ก็ได้ยินสวีเฉิงเจ๋อกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวหวาน รีบสอนวิธีทำให้ข้าเร็ว โคมไฟนี้สวยงามมาก พวกเรามาทำคนละอันกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ไม่มีโคมไฟข้างทางดูดีกว่าของเรา”

แม้แต่กู้หนิงอันผู้ซึ่งสงบนิ่งอยู่เสมอก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และอยากเรียนทำโคมไฟด้วยกัน

กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือก ดังนั้นนางจึงต้องทำอีกครั้ง สวีเฉิงเจ๋อและคนอื่น ๆ เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ดูเพียงครั้งเดียว พวกเขาจะทำมันได้ในทันที และเพื่อไม่ให้พ่ายแพ้คนอื่น ๆ ฉินเย่จือก็ทำโคมไฟออกมาเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสารกู้เสี่ยวอี้ หลังจากตัดโคมมาเจ็ดหรือแปดโคมติดต่อกัน มือของนางก็แทบจะจับกรรไกรไม่ได้

เมื่อโคมไฟทั้งหมดพร้อมแล้ว สวีเฉิงเจ๋อก็วางโคมไฟเหล่านี้ไว้ในรถม้าและเชิญกู้เสี่ยวหวานไปที่บ้านของเขา เพื่อจะได้ร่วมฉลองเทศกาลหยวนเซียวที่บ้านของเขาในตอนเช้า

หากแต่กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธอย่างสุภาพ นางยังไม่ชินกับการไปฉลองเทศกาลที่บ้านคนอื่น แม้ว่าอาจารย์สวีและฮูหยินสวีจะดีต่อพวกเขามาก แต่พวกเขาก็ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว

เมื่อเห็นการปฏิเสธของกู้เสี่ยวหวาน สวีเฉิงเจ๋อก็ไม่รบเร้าอีกต่อไปและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้พวกเจ้าก็รีบมา ข้าจะรอนะ”

จากนั้นเขาก็เหลือบมองกู้เสี่ยวหวานอย่างมีความหมาย กู้เสี่ยวหวานโบกมือและส่งสวีเฉิงเจ๋อกลับไป