บทที่ 376 กุ้ยซื่อโบกรถ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 376 กุ้ยซื่อโบกรถ

บทที่ 376 กุ้ยซื่อโบกรถ

กู้เสี่ยวหวานตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เห็นโคมไฟในอีกโลกหนึ่งและนางไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร

ในวันส่งท้ายปีเก่าเมื่อปีที่แล้ว พวกนางแค่กินข้าวที่บ้านและพูดคุยกันสักพัก จากนั้นก็ดับไฟและเข้านอน พวกนางไม่รู้จะออกไปดูอะไรข้างนอก แต่คราวนี้กู้เสี่ยวหวานจะไม่พลาดโอกาสที่ดีอย่างแน่นอน นางจะต้องไปดูโคมไฟให้ได้

กู้เสี่ยวหวานมีความสุข หากแต่ฉินเย่จินไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไร

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานยิ้มจนตาปิด หัวใจก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เมื่อตอนที่สวีเฉิงเจ๋อจากไปก็เห็นว่าเขามองมาที่ตนเองอย่างมีความหมาย นั่นทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ

เมื่อสักครู่ เด็กน้อยผู้นั้นกำลังข่มเขาอย่างนั้นหรือ?

ฉินเย่จือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ถึงเขาจะเรียกสวีเฉิงเจ๋อว่าเด็กน้อย แต่เขาลืมไปว่าเขาอายุน้อยกว่าสวีเฉิงเจ๋อหลายปี

ในวันเทศกาลหยวนเซียว ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานทานอาหารกันตั้งแต่เช้าตรู่ พักผ่อนอยู่สักครู่ แล้วขับเกวียนออกไป

แต่ระหว่างทางก็มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อย

ฉือโถวรับหน้าที่ขับรถเกวียนวัว กู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือ และคนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้านหลัง ระหว่างทางทุกคนพูดคุยและหัวเราะอย่างสนุกสนาน พวกเขาตั้งตารอเทศกาลโคมไฟที่กำลังจะมาถึงด้วยความคาดหวังอย่างมาก

“เฮ้ หยุด หยุด!” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหน้าของเกวียนวัว ฉือโถวก็ร้องเสียงดังและรีบดึงบังเหียนของวัวเพื่อให้มันหยุดเดิน

กู้เสี่ยวหวานหันหลังกลับไปมอง นางเห็นกุ้ยซื่อ กุ้ยชุนเจียว และกุ้ยตงเหมย อยู่ริมถนนและมาหยุดอยู่หน้าเกวียนวัวของนาง

กู้หนิงผิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยและกล่าวว่า “ท่านป้ากุ้ย เหตุใดท่านถึงมาหยุดเกวียนของข้า?”

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองและเห็นกุ้ยตงเหมยจ้องไปที่ใบหน้าของฉินเย่จืออย่างหลงไหล กุ้ยชุนเจียวที่อยู่ข้าง ๆ นางอาจจะไม่กล้าเหมือนกุ้ยตงเหมย หากแต่ใบหน้ากลับขึ้นสีแดงระเรื่อ

หญิงสองคนนี้ชอบฉินเย่จืออย่างนั้นหรือ?

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่พวกนางสลับกับมองไปที่ใบหน้าของฉินเย่จือ การกระทำนั้นฉินเย่จือก็เข้าใจในทันที และกระซิบอย่างรวดเร็วว่า “อย่ามองข้าเช่นนั้น!”

“หญิงสองคนนี้คงไม่ได้ชอบเจ้าหรอกใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาและมองเขาอย่างล้อเลียน

ฉินเย่จือโบกมือพัลวัน “หยุดเลย ข้าไม่ชอบผู้หญิงเช่นนี้หรอก!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและตอบรับ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าชอบคนที่ข้าไม่ชอบ เจ้าก็จะต้องออกเงินค่าสินสอดเอง!”

ฉินเย่จือได้ยินแล้วตกใจในทันที ผู้หญิงคนนี้กำลังกล่าวอะไรนะ!

เขาอายุเพียงเท่านี้ เหตุใดถึงต้องการให้เขาแต่งงานจังเลย!

ฉินเย่จือไม่รู้ว่าตนเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

จากนั้นก็ได้ยินกุ้ยซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน จะไปในเมืองหลิวเจียใช่หรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยต่อกุ้ยซื่อ วันนี้กุ้ยซื่อมาดีเพราะอาจมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงยังคงยิ้มและกล่าวว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน พวกข้าก็จะไปในเมืองด้วย เช่นนั้นก็ให้พวกเราติดไปด้วยนะ เจ้าดูสิว่าเกวียนของเจ้าใหญ่แค่ไหน ยังเหลือที่ว่างอีกมากเลยนี่!”

เมื่อไม่กี่วันก่อน กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยเรียกร้องจะไปดูโคมไฟ เสียงของพวกนางดังเอะอะจนทำให้กุ้ยซื่อปวดหัว ในท้ายที่สุดนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าเห็นด้วย หมู่บ้านอู๋ซีอยู่ห่างจากเมืองหลิวเจียหนึ่งชั่วยาม หลังจากอาหารกลางวัน พวกนางก็รีบออกเดินทางทันที

เดิน ๆ หยุด ๆ ไปตลอดทาง หากไม่ใช่กุ้ยชุนเจียวบอกว่าเจ็บเท้าก็จะเป็นกุ้ยตงเหมยที่บอกว่าเหนื่อย เดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุดพัก หากเป็นเช่นนี้ นางกลัวว่าแม้แต่ท้ายเทศกาลก็คงจะไปไม่ทัน

กุ้ยซื่อพลางเดินพลางหยุดพัก เฝ้ารอเกวียนที่จะผ่านมาที่นี่และให้พวกนางติดไปด้วยอย่างมีความหวัง

ราวกับเป็นพรจากสวรรค์ นางเห็นเกวียนวัวขับมาแต่ไกล และเมื่อมองใกล้ ๆ ก็พบว่าคือกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังมา

เช่นเดียวกับการได้เห็นผู้กอบกู้ให้รอดจากความลำบาก กุ้ยซื่อก็รีบกระโดดออกไปหยุดรถทันทีอย่างไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัวไม่หยุดและเหยียบตัวนางขึ้นมา

กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยอ้อนวอน “เสี่ยวหวาน เท้าของพวกเราเจ็บมาก ให้พวกเราติดได้ด้วยเถอะ!”

รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและอ่อนแอ ทำให้กู้เสี่ยวหวานที่เห็นก็ขนลุกไปทั่วร่างกาย ถนนเส้นนี้ตนเองเดินมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไม่เคยบ่นออกมา สายตามองดูพี่น้องกุ้ย พวกเขาเดินมาแค่นี้แต่กลับบ่นว่าเหนื่อย ดูเหมือนว่าจะต่างคนต่างชะตากรรมจริง ๆ!

สองพี่น้องกุ้ยตรงหน้ามีใบหน้าแดงก่ำ และท่าทางที่ดูอ่อนแอของพวกนางทำให้คนเอ็นดูเสียจริง

อย่างไรก็ตาม เจ้าของเกวียนเล่มนี้ไม่ใช่คนที่จะแสดงความสงสารต่อพวกนาง และคนตรงหน้าก็เคยทำให้นางขุ่นเคือง กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ขอโทษด้วย วัวของข้ารับคนได้เท่านี้ ถ้าพวกเจ้าทั้งหมดขึ้นมาแล้วทำให้วัวของข้าหมดแรงจะทำอย่างไร!”

แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้กุ้ยซื่อโกรธลมแทบจับ!

สาวน้อยผู้นี้กำลังด่านาง!

นี่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสามคนยังไม่เทียบเท่าวัวหรอกหรือ!

กุ้ยซื่อรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่เพื่อที่จะสามารถเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว และทนทุกข์น้อยลง นางจึงต้องยอมอดทน

ในตอนแรกที่กู้เสี่ยวหวานเห็นสีหน้าที่โกรธเคืองของกุ้ยซื่อ เดิมคิดว่ากุ้ยซื่อจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว แต่หลังจากรอเป็นเวลานาน กุ้ยซื่อกลับไม่ด่านางและยังคงยิ้มและกล่าวว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ดูเจ้าพูดเข้าสิ พวกเราเป็นคนนะ ไม่ได้เป็นสัตว์เสียหน่อย!”

“โอ้ แต่ในสายตาของวัวตัวนี้สนิทกับข้ามากกว่าท่านเสียอีก ข้าใช้เงินซื้อมันมาและมันก็ทำงานให้ข้า แต่พวกท่านเป็นแค่คนนอก ถ้าจะมาทำให้วัวข้าเหนื่อยเช่นนี้ พวกท่านจะจ่ายค่าเหนื่อยให้มันหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา

“เจ้าพูดมาว่าต้องการอะไร?” กุ้ยชุนเจียวทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงรีบถาม ถ้าทำตัวนางงี่เง่าที่นี่แล้วทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมพาพวกนางไปด้วย เช่นนั้นการเดินทางก็คงล่าช้า

“ง่ายมาก ท่านก็จ่ายเงินสิ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวโดยไม่ลังเล “ห้าสิบเหรียญต่อคน ทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ เนื่องจากพวกเราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ข้าจะเก็บเงินพวกท่านหนึ่งร้อยสี่สิบเหรียญเท่านั้น!”

ห้าสิบเหรียญ? ในวันธรรมดาไปกลับหนึ่งรอบแค่ยี่สิบเหรียญเอง กู้เสี่ยวหวานคนนี้กำลังเก็บเงินเกินราคาอยู่หรือ? แค่เปิดปากมาก็ห้าสิบเหรียญแล้ว!

“กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังปล้นข้าอยู่หรือ?” กุ้ยซื่อตะโกนเสียงดัง

“ถ้าพวกท่านป้าไม่อยากนั่งก็ไม่เป็นไร เพราะข้าไม่ได้ขอให้พวกท่านมานั่ง! พี่ฉือโถว ไปกันเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานแสดงท่าทีไม่ต้อนรับพวกนางอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม กุ้ยซื่อเป็นคนตระหนี่ นางคงไม่ยอมจ่ายเงินให้ตนหรอก

ฉินเย่จือเข้าใจคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้เฉียบแหลมจริง ๆ และนางด่าคนเหล่านั้นได้โดยไม่ใช้คำหยาบ แค่คิดก็อยากจะหัวเราะจริง ๆ แต่เขาต้องกลั้นไว้ และทำได้แค่เอามือปิดปากแล้วแกล้งไอออกมา