ตอนที่ 737 ตบหน้าครั้งที่แปด (18) / ตอนที่ 738 ตบหน้าครั้งที่แปด (19)
ตอนที่ 737 ตบหน้าครั้งที่แปด (18)
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง มองไปยังอีกสามคนที่เหลือ ทั้งสามคนคงเป็นคนจากสามโลกชั้นกลางเหมือนกู่อิ่ง และนางรู้สึกได้ว่าถึงแม้คนทั้งสามจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับบุรุษชุดเทาที่เทือกเขาเมฆาซึ่งทำให้เยี่ยซาต้องระเบิดตัวเอง พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่ากู่อิ่งอยู่ดี
เยี่ยซาสามารถเอาชนะกู่อิ่งได้ แต่ถ้าต้องสู้กับสามคนนี้…
“ในที่สุดท่านผู้แทนก็มาทันเวลา!” เมื่อหนิงรุ่ยเห็นคนพวกนี้ปรากฏตัวขึ้น ในใจเขาก็สงบลง เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปหาบุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มแล้วด้วยความที่ยังไม่ได้สติกลับมาเต็มที่จากอาการตกใจ
บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มชำเลืองมองหนิงรุ่ยและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
หนิงรุ่ยรีบพูดว่า “นายท่านกู่อิ่งกับข้าเตรียมจะพาศิษย์ทุกคนไปที่ผาสุดขอบฟ้า แต่จวินเสียก็โผล่มาพร้อมคนพวกนี้ เข้ามาก้าวก่ายงานของเราและทำร้ายนายท่านกู่อิ่งจนบาดเจ็บ”
บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเขาย้ายไปมองจวินอู๋เสียที่มีสีหน้าเย็นชา กู่อิ่งแจ้งกับพวกเขาทางจดหมายไว้ก่อนแล้วเรื่องทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ คนสองคนที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ก็คือกู้หลีเซิงกับจวินอู๋เสีย และก่อนที่กู่อิ่งจะหมดสติไป เขาได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะต้องนำจวินอู๋เสียกลับไปด้วย
แต่นอกจากจวินอู๋เสียแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ฆ่าได้ทั้งหมด
“การที่เจ้าสามารถทำร้ายกู่อิ่งได้แสดงว่าเจ้าก็มีความสามารถอยู่บ้าง แต่ก็เท่านั้นแหละ” บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มหันมาเผชิญหน้ากับเยี่ยซา แสงสีม่วงจากพลังวิญญาณของเขาสว่างเรืองรองขึ้นทันที บุรุษสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังรีบปลดปล่อยพลังสีม่วงตามมา
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสามคน!
ในตอนที่แสงสีม่วงสว่างจ้าขึ้นมา ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนก็พากันปากอ้าตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
ไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงปรากฏตัวให้เห็นมานานนับศตวรรษแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาตั้งหลายคนในวันเดียว!
ทุกคนต่างตกตะลึง อยู่ๆ คนที่แข็งแกร่งขนาดที่มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้นก็มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาและยังมีหลายคนอีกด้วย! นั่นมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
เยี่ยซามายืนตั้งท่าอารักขาอยู่ด้านหน้าจวินอู๋เสีย เขาหรี่ตาลง มองบุรุษสามคนนั้นอย่างระมัดระวัง
“เทียบตัวเจ้ากับคนพวกนั้นแล้ว…เป็นอย่างไร” เสียงของจวินอู๋เสียดังขึ้นจากด้านหลัง
เยี่ยซาตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ถ้าตัวต่อตัว ไม่มีใครเป็นคู่มือข้าได้เลยขอรับ”
ก่อนที่เยี่ยซาจะพูดจบประโยค จวินอู๋เสียก็รู้ว่าถ้าทั้งสามคนรวมกำลังโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เยี่ยซาก็ไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้!
แผนของจวินอู๋เสียไม่ได้คำนวณไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงนี้
ทั้งสามคนมาจากสามโลกชั้นกลาง และแต่ละคนมีพลังที่แข็งแกร่งกว่ากู่อิ่ง เยี่ยซาจะถูกกดดันอย่างหนักในการรับมือกับพวกเขาทุกคน!
“ถ้าเราตรึงเอาไว้ได้สองคน เจ้าจะจัดการอีกคนหนึ่งได้หรือไม่” จวินอู๋เสียถามทันที
เยี่ยซาประหลาดใจอยู่แวบหนึ่ง เขารีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “ได้ขอรับ”
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรอีก นางเพียงส่งสายตาไปยังฟ่านจิ่นกับฟ่านจัวและนิ่งเงียบ
มีศัตรูที่ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสามคนตรงหน้าพวกเขา และทันใดนั้นพวกนั้นก็พุ่งตรงเข้าใส่พวกเขา!
แต่ในตอนที่คนพวกนั้นกำลังจะถึงตัวเยี่ยซา แสงสีม่วงสดใสสามจุดก็สว่างวาบขึ้นที่ด้านหลัง!
ตอนนั้นเองทั้งสำนักศึกษาเฟิงหัวก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันที ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้เยาว์ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยซา!
ร่างของจวินอู๋เสีย ฟ่านจิ่น และฟ่านจัวถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงสว่างสดใสจากการปลดปล่อยพลังวิญญาณของพวกเขา! นั่นเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ!
“เป็นไปได้อย่างไร…” หนิงรุ่ยเอ่ยเสียงเบาหวิว เมื่อเห็นแสงสีม่วงที่ถูกปลดปล่อยออกจากร่างของจวินอู๋เสียและสองพี่น้องสกุลฟ่าน เหงื่อเม็ดโตก็ไหลโชกเปียกชุ่มไปทั้งเสื้อผ้าของเขา เขาเฝ้ามองฟ่านจิ่นกับฟ่านจัวเติบโตตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฟ่านจัวนั้นอ่อนแอมาตั้งแต่เล็กเลยไม่ได้บ่มเพาะพลังวิญญาณเลย และถึงแม้ฟ่านจิ่นจะมีพรสวรรค์ แต่เขาก็ยังอยู่ห่างไกลจากขั้นสีม่วงมากนัก!
ตอนที่ 738 ตบหน้าครั้งที่แปด (19)
พวกเขามีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างไร!
หนิงรุ่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่แสงสีม่วงที่เปล่งออกมาจากร่างของฟ่านจิ่นกับฟ่านจัวก็เจิดจ้าเสียจนแสบตาเขา!
เมื่อบุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำของคนกลุ่มนั้นเห็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แผ่ออกมาจากร่างของจวินอู๋เสียกับพรรคพวก สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความกังขา ผู้เยาว์กลุ่มนี้เป็นคนของสามโลกเบื้องล่างชัดๆ แล้วพวกเขารู้วิธีกระตุ้นระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียไม่ให้โอกาสบุรุษผู้นั้นได้มีเวลาใคร่ครวญสถานการณ์ นางร่วมมือกับฟ่านจัวเข้าโจมตีบุรุษคนที่อยู่ใกล้กับพวกเขา ขณะที่ฟ่านจิ่นเลือกบุรุษอีกคนและพุ่งเข้าใส่ทันที ทันใดนั้นบุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มก็พบว่าเหลือเพียงตัวเองเผชิญหน้ากับเยี่ยซาตามลำพัง พวกเขาพุ่งเข้าปะทะกันด้วยพลังมหาศาล!
ในชั่วพริบตา เส้นสายสีม่วงหกสายและสีดำสนิทหนึ่งสายเข้าพัวพันต่อสู้กัน คลื่นพลังวิญญาณที่พุ่งออกมาจากการปะทะกันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เยี่ยซาสู้กับกู่อิ่งเสียอีก!
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วง นางยังไม่เข้าใจและควบคุมพลังใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์นัก ขณะที่ฟ่านจัวก็เพิ่งหายป่วยได้ไม่นาน ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันรุมสองต่อหนึ่ง เพื่อตรึงคู่ต่อสู้เอาไว้ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหามากนักถ้าใช้เวลาไม่นาน
และการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็อุบัติขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัว
เยี่ยซาตั้งสมาธิไปกับการต่อสู้ของเขากับบุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำของคนกลุ่มนั้น ครั้งนี้เขาไม่ออมมือเนื่องจากตระหนักดีถึงพลังวิญญาณของคุณหนูใหญ่และระยะเวลาที่นางจะคงสภาพพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเอาไว้ได้ก็สั้นมาก ถ้าเขาไม่เอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าให้เร็วที่สุดละก็ ไม่นานพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียจะหมดลงและนางก็จะพ่ายแพ้!
เยี่ยซาไม่กล้าประมาท ทุกการโจมตีเล็งไปที่จุดตายของคู่ต่อสู้ทั้งสิ้น
บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มรู้ว่าเยี่ยซาคือคนที่ทำร้ายกู่อิ่งจนบาดเจ็บสาหัส เขาจึงระมัดระวังเช่นกัน แต่เมื่อพลังของพวกเขาปะทะกัน เขาก็ได้รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้ และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือแสงสีดำจากพลังวิญญาณที่ปกคลุมร่างของเยี่ยซา!
ทั่วทั้งสามโลกเบื้องล่างและสามโลกชั้นกลาง เขาไม่เคยเห็นใครมีพลังวิญญาณเช่นนี้
บุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มถูกเยี่ยซาผลักดันกลับไปทีละก้าวๆ ฉับพลันนั้นเขาก็สะดุ้งพร้อมกับเบิกตากว้าง จ้องมองไปยังดวงตาที่เย็นชาของเยี่ยซา
“เจ้ามาจากดินแดนเทพมารอย่างนั้นรึ!”
นอกจากคนของดินแดนเทพมารแล้ว จะมีใครอีกที่มีพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดเช่นนี้
หลังจากเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเสด็จจากไป ดินแดนเทพมารก็เนรเทศตัวเองออกไปเป็นเวลานาน ตอนนี้การจะพบเห็นคนของดินแดนเทพมารในสามโลกชั้นกลางสักคนนั้นยากมาก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับกองกำลังที่เคยรวบรวมสามโลกชั้นกลางให้เป็นหนึ่งเดียวและปกครองพวกเขาทั้งหมด ถึงแม้เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะเสียชีวิตไปแล้ว พลังแปลกๆ ที่ดินแดนเทพมารฝึกฝนกันมาก็ยังคงทำให้ผู้คนในสามโลกชั้นกลางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
สายตาของเยี่ยซาทอประกายลึกลับหลังจากบุรุษผู้ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพูดจบ และโดยไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่นิดเดียว การโจมตีของเขาก็รวดเร็วขึ้นและกระแทกลงมาราวห่าฝน พยายามที่จะล้มบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง!
บุรุษผู้นั้นกัดฟันแน่น เขารู้สึกตกใจกับการคาดเดาของตัวเอง
ทำไมคนของดินแดนเทพมารถึงปรากฏตัวที่สามโลกเบื้องล่างได้
หรือว่าพวกเขาจะรู้ถึงการกระทำของสิบสองตำหนักแล้ว!
ในอีกด้านหนึ่ง จวินอู๋เสียเพิ่งค้นพบความจริงอันน่าตกใจของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของนางหมดไปรวดเร็วมาก! ความเร็วของพลังวิญญาณที่หมดไปนั้นเร็วกว่าตอนที่นางฝึกฝนหลายเท่า!
นางคิดว่านางจะสามารถคงสภาวะพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างน้อยก็สิบนาที แต่ในการต่อสู้อันดุเดือดเช่นนี้ หลังจากผ่านไปแค่ห้านาที นางก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างของนางกำลังจะหมดลง!
ในการต่อสู้ พลังวิญญาณจะถูกใช้ในการโจมตีทำให้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณของผู้ใช้ไปมาก และด้วยระดับพลังวิญญาณขั้นสีเหลืองของจวินอู๋เสียในตอนนี้ นางจึงไม่สามารถคงสภาพพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเอาไว้ได้นาน!