บทที่ 378 ความโง่เขลาของชาวชางลี่

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 378 ความโง่เขลาของชาวชางลี่

บทที่ 378 ความโง่เขลาของชาวชางลี่

“โอ้ ตาเฒ่า เจ้าจะกล่าวคำไร้สาระเช่นนี้ไม่ได้!”

นักเล่าเรื่องยกมือขึ้นพร้อมกล่าวว่า

“เท่าที่ทราบ เทพกระบี่ชางลี่นั่นออกจะทื่อและเงียบขรึมไปสักหน่อย แต่ความจริงแล้วเขาไม่เป็นดั่งเช่นคำที่เจ้ากล่าว ย่อมไม่กระทำเรื่องหยาบโลนเหมือนกับชาวชางลี่คนอื่น ๆ เป็นเรื่องหยาบคายอย่างแท้จริงที่ตาเฒ่าเช่นเจ้าจะดุด่าเขาเช่นนั้น”

“หยาบคายอะไรกัน เขาเป็นคนโง่เขลาและงี่เง่าจริง ๆ!”

ชายชราพึมพำ

“ข้อมูลที่ข้าได้รับนั้นถูกส่งต่อมาเป็นมรดกเลือด ผ่านพ้นความลำบากมากมาย และทั้งหมดคือเรื่องจริง นอกจากนี้ อาจารย์ของข้ายังมีสัมพันธ์กับเทพกระบี่ชางลี่เป็นการส่วนตัว และบอกกล่าวเรื่องของเขาให้ข้ารับฟัง”

นักเล่าเรื่องเผยสีหน้าขุ่นเคือง

“แต่ตรงกันข้าม ตาเฒ่า เจ้าเพียงกล่าวออกมาพล่อย ๆ ไม่มีมูล…”

“ข้าเคยพบเขา แล้วเจ้าเคยพบหรือไม่?”

ชายชราสวนกลับอย่างเกรี้ยวกราด

นักเล่าเรื่องถึงกับพูดไม่ออก…

เขาอยากจะแก้ตัว แต่หลังจากเห็นแขนข้างเดียวของชายชราตรงหน้าแล้วจึงหยุดนิ่ง และไม่กล่าวอะไรตอบโต้

“ข้าไม่มีสิ่งใดจะกล่าวกับเจ้า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็งี่เง่า โง่เขลา”

ชายชราพ่นควันยาสูบก่อนจะลุกขึ้น แบกตะกร้าฟืน ข้าว น้ำมัน และเกลือขึ้นหลังอยากทุลักทุเล ก่อนจะเดินตรงออกจากหมู่บ้าน

ไป๋ชิวหราน ไป๋ลี่ และนักเล่าเรื่องเฝ้ามองดูแผ่นหลังของเขาจนกระทั่งลับสายตาไป

“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพกระบี่ชางลี่จะอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ …เพียงแค่เอื้อม”

ไป๋ลี่มองนักเล่าเรื่อง ก่อนจะโพล่งขึ้น

“เป็นจริงหรือ? นักเล่าเรื่อง”

“ข้ากล่าวไปแล้ว เจ้าคิดอย่างไรล่ะ?”

นักเล่าเรื่องไม่ตอบคำ ทว่าถามกลับ

“ข้าเข้าใจท่าทีของเจ้า เจ้าไม่ได้คิดจะต่อสู้ เพราะอย่างไรแล้วเจ้าก็ไม่สามารถ”

ไป๋ลี่มองไป๋ชิวหราน

“ข้าคิดว่า… ท่านอาจารย์คงจะมองเห็นแล้ว”

“ครั้งที่จิ่นเหยากับข้าพบชายชราครั้งแรก เราทั้งสองเห็นว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนที่ใช้กระบี่ มันง่ายมากที่เราจะเห็นมัน แต่เหมือนว่ามือข้างที่ยอดเยี่ยมของเขาคงจะเป็นข้างที่ถูกตัดเส้นเอ็นไป”

ไป๋ชิวหรานกล่าวว่า

“ครั้งแรกที่ข้าได้ยินเขาต่อว่าเทพกระบี่ชางลี่ ข้าคิดว่าเขาเป็นนักกระบี่ที่ถูกทุบตีในสมาคมกระบี่ ซึ่งวันนั้นนักกระบี่ต้าเซียเป็นผู้ตัดแขนของเขา ดูเหมือนว่าข้าจะคาดเดาถูกต้อง”

เขามองไป๋ลี่

“ชายชราผู้นั้นน่าจะอาศัยอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้าน บิดาของเจ้าทราบเรื่องนี้หรือไม่?”

“ผู้ใดรู้จักเขาบ้าง”

ไป๋ลี่กางมือพร้อมกล่าวว่า

“แต่ข้าคิดว่าท่านพ่อจะไม่ทำสิ่งใดเลยหากเขาทราบ ในช่วงปีแรกของความโกลาหล ไม่มีใครในอาณาจักรชางลี่ไม่อยากใช้โอกาสนี้เพื่อคว้าเอาโชคลาภและหลบหนี บิดาของข้าได้ต่อสู้กับกองโจรเหล่านั้นด้วย และพวกเขาเกลียดนักสู้จากอาณาจักรชางลี่และอาณาจักรยามากุจิ”

“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับแขนของเขา…”

ไป๋ชิวหรานถามด้วยความสงสัย

“อย่างไรก็ตาม เขาคือเทพกระบี่อันดับหนึ่งของโลก คนประเภทนี้คือชื่อเสียงของอาณาจักรชางลี่ อาณาจักรชางลี่ย่อมไม่ปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บ แล้วเรื่องราวของเขาจบลงเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“เป็นคนจากอาณาจักรของเขาเองที่ทำเช่นนั้น”

นักเล่าเรื่องหยิบสมุดออกจากกระเป๋าย่าม ขณะกำลังพลิกดู เขาก็กล่าวว่า

“คนทั่วไปย่อมไม่มีทางทำได้แน่นอน แต่ชาวชางลี่จะทำอย่างไร? หลังจากเทพกระบี่มีชื่อเสียง เขาไม่เข้าร่วมกิจใด ๆ ของราชสำนัก และไม่ยอมมีสัมพันธ์กับเหล่าเศรษฐีมั่งคั่ง แม้แต่เจ้าหญิงยังถูกปฏิเสธที่จะสมรสด้วย ดังนั้นชาวชางลี่จึงคิดว่าเทพกระบี่ชางลี่ผู้นี้เป็นคนจากอาณาจักรอื่นปะปนเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงแยกออกจากกัน”

“หืม? ฝูงไก่อ่อนสามารถขับไล่ผู้แข็งแกร่ง? เรื่องเป็นเช่นไร?”

ไป๋ชิวหรานรู้สึกสับสน

“คนทั่วไปยังรู้สึกขุ่นเคือง นับประสาอะไรกับเทพกระบี่ ไก่ที่อ่อนแอเหล่านั้นไม่เกรงกลัวความแข็งแกร่งของเทพกระบี่ และพวกเขายังใช้กระบี่ของตนเองไล่ฟาดฟันเทพกระบี่ชางลี่ไปตลอดทางหรือ?”

“ข้าไม่ทราบว่าพวกเขาคิดอย่างไร… และเทพกระบี่ผู้นั้นกลับเป็นคนสัตย์ซื่อ คราวแรกที่ถูกตัดขาดกับอาณาจักร เขาก็ยังอดทน บางทีในสายตาของเขาแล้ว สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงก้อนหิน ก้อนเมฆ เป็นสิ่งที่ไร้ตัวตน และมีเพียงกระบี่เท่านั้นที่สำคัญที่สุด”

นักเล่าเรื่องพลิกหน้าสมุดพร้อมกับกล่าวเสียงเหยียดหยาม

“แต่บางที เทพกระบี่ผู้นี้อาจได้รับชัยชนะมามากมาย ซึ่งมันสร้างภาพลวงตาให้กับนักกระบี่คนอื่น ๆ ในอาณาจักรชางลี่ ทำให้พวกเขาคิดว่าตนเองคือนักกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอาณาจักรต้าเซีย ดังนั้นนักกระบี่บางคนในชางลี่จึงคิดว่าเทพกระบี่ผู้นี้นั่งอยู่ในตำแหน่งเทพกระบี่ชางลี่นานเกินไป และต้องการให้เขาหลุดจากที่นั่งนี้เสียที”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น”

ไป๋ลี่กล่าวว่า

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะเทพกระบี่ได้หากต่อสู้ระยะประชิด”

“ย่อมไม่มีทางเอาชนะได้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาคือชาวชางลี่ ย่อมไม่เล่นตามกฎกติกา”

นักเล่าเรื่องกล่าวเย้ยหยัน

“ในค่ำคืนอันมืดมิดและสายลมกระโชก เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนที่พวกขยะเหล่านั้นรวบรวมคนทั้งห้าในอาณาจักรเพื่อขับไล่เทพกระบี่ออกไป พวกเขาวางโอสถพิษในอาหาร แล้วใช้วิธีไร้ยางอายลอบโจมตี ในท้ายที่สุดจึงมีสี่คนตายตกและอีกหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็ทำสำเร็จในการตัดแขนของเทพกระบี่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ให้กับนักกระบี่แห่งอาณาจักรชางลี่ในวันรุ่งขึ้น”

“แล้วเทพกระบี่อันดับหนึ่งคนใหม่ของอาณาจักรชางลี่ล่ะ?”

“หากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญกระบี่อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าเซียแล้ว นับว่าเขายังด้อยกว่า”

นักเล่าเรื่องส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวว่า

“คราวนี้ในการประชุมของสมาคมกระบี่ คาดว่าอาณาจักรต้าเซียจะทำให้อาณาจักรชางลี่ตระหนักถึงความจริง น่าเสียดายที่เส้นเอ็นข้อมือของเทพกระบี่ถูกคนเหล่านั้นตัดขาด และตอนนี้ แม้ต้องการมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และต้องการเห็นความล่มสลายของชาวชางลี่ผู้โง่เขลา

“น่าเสียดายฝีมือของเทพกระบี่ชางลี่ มันคงจะดีหากเขาเกิดในอาณาจักรต้าเซีย”

นักเล่าเรื่องดูเหมือนจะชื่นชอบเทพกระบี่ชางลี่มาก หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วถามขึ้น

“ท่านพี่ไป๋ สหายตัวน้อยหวยลี่ เจ้าคิดจะจัดการอย่างไรกับเทพกระบี่ผู้นั้น?”

“จัดการอะไรล่ะ อย่าไปยุ่งเลย”

ไป๋ลี่กางมือ

“เราจะขับไล่เขาออกไปได้อย่างนั้นหรือ? แม้ว่าเขาจะเป็นคนจากอาณาจักรชางลี่ แต่ก็เป็นนักสู้และมือกระบี่ที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้เขาทั้งแก่ชราและอ่อนแรง ให้อาศัยอยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้านนี้เพื่อเลี้ยงดูตนเองไปจะดีกว่า วันข้างหน้าข้าคงจะบอกกล่าวให้ผู้อาวุโสในหมู่บ้านช่วยดูแลชายชราอีกแรง”

“ประเสริฐนัก”

นักเล่าเรื่องเห็นด้วย

“แต่ข้ากลับคิดอีกอย่าง”

แววตาของไป๋ชิวหรานเป็นประกาย เขาลูบคางพร้อมอธิบายว่า

“สำหรับวิธีการเผยแพร่ความศรัทธาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในงานประชุมสมาคมกระบี่ เทพกระบี่นี้ได้สร้างแรงบันดาลใจใหม่แก่ข้าแล้ว”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านพี่ไป๋ต้องการเผยแพร่ความศรัทธาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้กับเทพกระบี่ชางลี่?”

นักเล่าเรื่องกล่าวอย่างลังเล

“แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะสามารถทำให้เส้นเอ็นที่ถูกตัดขาดงอกออกมาใหม่ได้…”

“อย่าใช้ความคิดของตนเองตัดสินพลังเซียน เข้าใจหรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานตอบพร้อมกับคิดในใจ

เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานของข้าน่ะทำไม่ได้ แต่กลับเป็นข้าที่ทำได้

“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานช่างมีพลังล้นเหลือ”

นักเล่าเรื่องเผยสีหน้าชื่นชมยินดี และเขาก็มีศรัทธาที่แรงกล้าให้กับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน

ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเพ้อฝัน ไป๋ลี่ก็ขยับตัวเข้าหาชายหนุ่ม ก่อนจะกระซิบออกมาว่า

“ท่านอาจารย์คิดจะทำสิ่งใดขอรับ?”

“เพราะเขาคือเทพกระบี่ตัวจริง ข้ามีวิธีที่จะทำให้เขาขอร้องให้ข้าช่วยฟื้นฟูเส้นเอ็นที่ถูกตัดขาด”

ไป๋ชิวหรานเองก็กล่าวกระซิบเช่นกัน

“หลังจากร่วงหล่นสู่ใต้ภิภพ ก็ได้ทะยานกลับขึ้นมาอีกครั้ง ช่างเป็นละครน่ารับชม แม้แต่เทพกระบี่ชางลี่ยังต้องรู้สึกยินดี… ในโลกใบนี้ การแก้แค้นคือลูกกวาดอันหอมหวานที่สุด!”