ตอนที่ 407 งานเลี้ยงในพระราชวัง (3)

หวนคืนชะตาแค้น

“​หรง​จิ​่น​?​”​ ​สีหน้า​ของ​มู่​ชิง​อีซีด​ขาว​ทันที

หรง​จิ​่น​สะบัด​มือ​ให้​นาง​ ​จับมือ​นาง​แล้ว​ยิ้ม​ ​“​ไม่เป็นไร​ ​ก็​แค่​ลมปราณ​ตีกลับ​”​ ​เห็น​มู่​ชิง​อี​ยัง​มอง​เขา​ด้วย​ความเป็นห่วง​ ​หรง​จิ​่​นก​็​ยิ้ม​บาง​ ​“​ชิง​ชิง​ไม่ต้อง​ห่วง​ ​ข้า​รู้​ ​ไม่เป็นไร​ ​ข้า​ไม่มีทาง​…​ทำให้​ตัวเอง​เป็น​อะไร​เพราะ​ช่วย​เนี่ย​อวิ​๋น​แน่นอน​ ​ข้า​ไม่ได้​โง่​ขนาด​นั้น​ ​“

มู่​ชิง​อี​ถอนหายใจ​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​ท่าทาง​สงบนิ่ง​ ​“​ท่าน​รู้​ก็ดี​นี่​เพ​คะ​ ​ประเดี๋ยว​เชิญ​ท่าน​หมอ​ที่​เชื่อใจได้​มาดู​เถิด​”

หรง​จิ​่น​ไม่สน​ใจ​ ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​คง​ต้อง​รักษาตัว​สัก​สอง​สาม​วัน​ ​หาก​สอง​สาม​วันนี้​มี​งานเลี้ยง​อะไร​ก็​ปฏิเสธ​ไป​เถิด​ ​บอกว่า​ข้า​ป่วย​ ​อีก​สอง​วัน​ยัง​ต้อง​เข้าไป​ร่วมงาน​เลี้ยง​ใน​พระราชวัง​ ​ถึง​ตอนนั้น​…​ก็​ปฏิเสธ​ไป​เถิด​”​ ​เพราะ​ใครๆ​ ​ต่าง​ก็​รู้​ว่า​สุขภาพ​ของ​องค์​ชาย​เก้า​ไม่​ค่อย​แข็งแรง​ ​บางครั้ง​แม้แต่​พิธี​บวงสรวง​สวรรค์​เขา​ก็​ยัง​ไม่​ไปร​่วม​ ​นับประสา​อะไร​กับ​งานเลี้ยง​ปีใหม่

มู่​ชิง​อี​พยักหน้า​เอ่ย​ ​“​ท่าน​รักษาตัว​ให้​สบายใจ​เถิด​ ​หาก​มีเรื่อง​อัน​ใด​หม่อมฉัน​จัดการ​เอง​”

ท่าน​อ๋อง​เข้าไป​ใน​ลาน​ของ​ผู้ดูแล​กู้​แล้ว​ไม่​ออกมา​ ​คนใน​จวน​อวี​้​อ๋อง​ล้วน​ไม่มีใคร​สนใจ​ ​ผ่าน​การฝึกฝน​มาส​อง​สาม​เดือน​ ​ในที่สุด​บ่าว​รับใช้​ของ​จวน​อวี​้​อ๋อง​ก็​รู้ความ​ขึ้น​ไม่น้อย​ นายท่าน​จะ​ทำ​อะไร​พวกเขา​ไม่มี​สิทธิ์​เอ่ย​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ท่าน​อ๋อง​กับ​ผู้ดูแล​กู้​สนิทสนม​กัน​อยู่​แล้ว​ ​เรือน​ชิง​หนิง​ยัง​ซ่อมแซม​ตกแต่ง​เหมือน​เรือน​ของ​อวี​้​อ๋อง​ ​ท่าน​อ๋อง​จะ​อยู่​ที่นั่น​สัก​สอง​วัน​ก็​ไม่มีปัญหา​

ใน​เมืองหลวง​ ​ยัง​มี​คน​ตื่นตระหนก​เพราะ​เรื่อง​การลอบสังหาร​ใน​จวน​อาน​ซุ่นจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ ​จวน​ฉิน​อ๋อง​และ​จวน​จวง​อ๋อง​ก็​ยังคง​ต่อสู้​กัน​อย่าง​ลับ​ๆ​ ​ตลอดเวลา​ ​ฤดูหนาว​นี้​แคว้น​เย​่ว​์​ภายนอก​นั้น​ดู​สงบสุข​ ​แต่​จริงๆ​ ​แล้ว​ค่อนข้าง​คึกคัก​ไม่น้อย​เลย

ไม่นาน​ก็​มาถึง​วัน​ส่งท้าย​ปี​เก่า​ ​วัน​ส่งท้าย​ปี​เก่า​ของ​ทุกปี​ฮ่องเต้เ​เคว​้น​เย​่ว​์​จะ​จัดงาน​เลี้ยง​ใน​พระราชวัง​ ​และ​คนที​่​สามารถ​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​ได้​ก็​คือ​บรรดา​องค์​ชาย​ ​เชื้อพระวงศ์​ ​ขุนนาง​ที่​มีตำ​แหน่ง​บรรดาศักดิ์​ระดับ​สี่​ขึ้นไป​และ​ขุนนาง​ที่​มีชื่อเสียง​เท่านั้น

เมื่อ​หรง​จิ​่​นกั​บมู​่​ชิง​อี​ไป​ถึง​ ​ทั้ง​วัง​ก็​ครึกครื้น​เป็นอย่างมาก​ ​คนที​่​สามารถ​มาร​่ว​มงาน​เลี้ยง​ก็​มาถึง​กัน​แล้ว​ ​งานเลี้ยง​เช่นนี้​ ​เดิมที​มู่​ชิง​อี​ไม่จำเป็น​ต้อง​มาด​้วย​ ​ใน​ฐานะ​ผู้ดูแล​จวน​ท่าน​อ๋อง​ ​แน่นอน​ว่านาง​ไม่มี​สิทธิ์​ที่จะ​มาร​่ว​มงาน​เลี้ยง​กับ​บรรดา​องค์​ชาย​ ​และ​หาก​มารับ​ใช้​อวี​้​อ๋อง​ ​หัวหน้า​ผู้ดูแล​มารับ​ใช้​ด้วยตัวเอง​ก็​ดู​ขี่ช้างจับตั๊กแตน​เกินไป​ ​

แต่​มู่​ชิง​อี​ไม่​เหมือน​ผู้ดูแล​จวน​ท่าน​อ๋อง​ทั่วไป​ ​นาง​ไม่เพียงแต่​เป็น​ผู้ดูแล​ที่​หรง​จิ​่น​เชิญ​มาด​้วย​ตัวเอง​ ​ซ้ำ​ยัง​เป็น​สหาย​ของ​อวี​้​อ๋อง​ ​ตอนนั้น​เขา​เอ่ย​ชัดเจน​ ​บอกว่า​แค่​รับ​ตำแหน่ง​หัวหน้า​ผู้ดูแล​ชั่วคราว​เท่านั้น​ ​สหาย​คนสนิท​ของ​องค์​ชาย​เก้า​ก็​คือ​แขก​ ​ขอ​แค่​เป็น​คนที​่​อวี​้​อ๋อง​เชิญ​มา​ ​พวกเขา​ล้วน​มีสิทธิ์​มาร​่ว​มงาน​เลี้ยง

ดังนั้น​ ​อวี​้​อ๋อง​จึง​พามู​่​ชิง​อี​เข้ามา​ใน​วัง​อย่าง​ไม่สน​ใจ​อะไร​ทั้งสิ้น

สถานที่​ที่​จัดงาน​เลี้ยง​คือ​พระตำหนัก​ชิง​เหอ​ที่​มี​ไว้​เพื่อ​จัดงาน​เลี้ยง​ใน​วัง​โดยเฉพาะ​ ​ตำหนัก​สีทอง​ที่​งดงาม​ ​ข้างใน​กว้างขวาง​และ​โอ่โถง​ ​พื้น​ปูด​้ว​ยพ​รม​หนา​ ​เผา​สมุนไพร​ทำให้​พระตำหนัก​อบอุ่น​ ​ใน​ตำหนัก​อบอุ่น​ราวกับ​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ทำให้​ผู้คน​ไม่รู้​สึก​ถึง​ความ​หนาวเย็น​ของ​หิมะ​ข้างนอก​ ​อีกทั้ง​ยัง​ทำให้​ผู้คน​อิจฉา​ใน​อำนาจ​เงินทอง​ของ​ราชวงศ์​ ​เลี้ยง​คน​คนเดียว​ด้วย​คน​ทั้งโลก​ ​ยัง​มี​อะไร​ที่​ทำไม​ได้​ ​ไม่​แปลกที่​มี​ผู้คน​มากมาย​ต้องการ​เก้าอี้​ตัว​นั้น

“​อวี​้​อ๋อง​เสด็จ​!​”

หรง​จิ​่น​สวม​ชุด​แพร​สีม่วง​ปัก​ลาย​มังกร​สี่​กรงเล็บ​ ​ข้างนอก​ชุด​แพร​คลุม​ด้วย​ผ้าไหม​สีม่วง​อ่อน​บาง​ๆ​ ​แตกต่าง​จาก​ชุด​ที่​หรง​จิ​่​นมัก​จะ​สวมใส่​บ่อยๆ​ ​มัน​คือ​ชุด​ทางการ​ที่​บรรดา​องค์​ชาย​และ​ท่าน​อ๋อง​ต้อง​สวมใส่​ใน​โอกาส​ทางการ

ผม​ยาว​ที่​เดิมที​มัก​มวย​ขึ้น​ธรรมดา​กลับ​มวย​อย่างประณีต​ด้วย​กวาน​หยก​ไพลิน​ ​พัน​เอว​ด้วย​เข็มขัด​หยก​ที่​งดงาม​ ​ทำให้​เขา​ดู​เป็นมิตร​ ​และ​มีท​่า​ที​สูงส่ง​ของ​องค์​ชาย​มากขึ้น​

มู่​ชิง​อี​ที่​เดิน​อยู่​ข้าง​หรง​จิ​่น​ยังคง​สวม​ชุด​แพร​สีขาว​ธรรมดา​ ​เดิมที​นาง​เป็น​แค่​ราษฎร​ทั่วไป​ ​มาร​่ว​มงาน​ใน​ฐานะ​สหาย​คนสนิท​ของ​อวี​้​อ๋อง​จึง​ไม่จำเป็น​ต้อง​สวม​ชุด​ทางการ​ ​ชุด​สีขาว​ที่​ดู​จืดจาง​…​ถึงแม้​จะ​อยู่​ใน​ฝูงชน​ของ​บรรดา​ขุนนาง​ร่ำรวย​ ​แต่​ก็​ไม่​ดูด​้อย​ไป​กว่า​พวกเขา​เลย

มู่​ชิง​อี​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ ​มี​คน​หนึ่ง​คนที​่​เหมือน​ตัวเอง​ ​เขา​คือ​เว​่​ยอู​๋​จี้​

เห็นได้ชัด​ว่า​เว​่​ยอู​๋​จี้​มาถึง​นาน​แล้ว​ ​นั่ง​อยู่​ถัดจาก​จวง​อ๋อง​ ​พอ​เห็น​พวกเขา​เดิน​เข้ามา​เขา​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ยกแก้ว​ทักทาย​มู่​ชิง​อี​ ​เว​่​ยอู​๋​จี้​สวม​ชุด​แพร​สีขาว​พระจันทร์​ลาย​ก้อน​เมฆ​ธรรมดา​ ​เข้ากับ​เชียน​หลิง​ที่​สวม​ชุด​สีแดง​อ่อน​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​ช่าง​เหมาะสม​กัน​เสีย​จริง

การ​จัด​ที่นั่ง​ของ​งานเลี้ยง​ช่าง​น่าสนใจ​ ​หรง​เซ​วี​ยน​ ​องค์​ชาย​ที่​อายุ​มาก​ที่สุด​นั่ง​อยู่​ทางขวา​ ​แต่​คน​แรก​ทางซ้าย​ที่นั่ง​ตรงข้าม​กับ​เขา​กลับ​ไม่ใช่​หรง​จัง​ ​องค์​ชาย​สาม​ ​แต่กลับ​เป็น​หรง​ไหว​ที่​เป็น​หลาน​ของ​ฮ่องเต้​ ​เว​่​ยอู​๋​จี้​นั่ง​อยู่​ข้างหลัง​หรง​เซ​วี​ยน​ ​และ​ข้างล่าง​หรง​ไหว​คือ​ที่นั่ง​ของ​หรง​จิ​่น​ ​ข้างหลัง​ออก​ไป​อีก​คือ​หรง​เหยี​่​ยน​ ​หรง​จัง​และ​องค์​ชาย​คนอื่นๆ​ ​นั่งลง​ตามลำดับ​ ​มู่​ชิง​อี​และ​หรง​จิ​่​นนั​่ง​ตรงข้าม​เว​่​ยอู​๋​จี้​ ​ข้าง​ซ้าย​และ​ข้าง​ขวา​ของ​เว​่​ยอู​๋​จี้​คือ​หรง​เซ​วี​ยน​และ​หรง​จัง​ ​ข้าง​ซ้าย​และ​ข้าง​ขวา​ของ​มู่​ชิง​อี​และ​หรง​จิ​่​นคือ​หรง​ไหว​และ​หรง​เหยี​่​ยน​ ​

สำหรับ​เรื่อง​ที่​น้องชาย​ที่​อายุ​น้อยกว่า​ตัวเอง​ครึ่งหนึ่ง​และ​หลานชาย​ของ​ตัวเอง​นั่ง​ข้างหน้า​ตัวเอง​ ​ดูเหมือน​หรง​เหยี​่​ยน​จะ​ไม่ได้​ไม่พอใจ​อะไร​ ​เขา​มีท​่า​ที​ไม่สน​ใจ​ ​แล้วยัง​ไม่ลืม​ที่จะ​ยิ้ม​ทักทาย​มู่​ชิง​อี​ ​แต่​สีหน้า​ของ​พระ​ชายาต​วน​ดู​ไม่มีชีวิตชีวา​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​ที่​ไร้มารยาท​

มู่​ชิง​อีนั​่​งม​อง​ดู​ผู้คน​ใน​ห้องโถง​ด้วย​ความสนใจ​อยู่​ข้าง​หรง​จิ​่น​ ​ตั้งแต่​มา​แคว้น​เย​่ว​์​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่นาง​ได้​เห็น​ทุกคน​ใน​ราชวงศ์​แคว้น​เย​่ว​์​ ​หรง​จิ​่​นที​่​อยู่​ข้างๆ​ ​ฟุบ​หน้า​ลง​บน​โต๊ะ​ด้วย​ท่าที​ง่วงนอน​ ​สีหน้า​ที่​ดู​ซีดเซียว​ของ​เขา​สอดคล้อง​กับ​ข่าวลือ​ที่ว่า​เขา​เพิ่งจะ​ไม่สบาย

“​จื่อ​ชิง​…​”​ ​ไม่รู้​ว่า​เรื่อง​อัน​ใด​ ​ตง​ฟังซ​วี่​ที่นั่ง​อยู่​ข้างหลัง​มองเห็น​พวกเขา​สอง​คน​ ​มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​เอ่ย​ ​“​คุณชาย​ตง​ฟัง​มา​แล้ว​หรือ​”

ตง​ฟังซ​วี่​นั่งลง​ข้างๆ​ ​มู่​ชิง​อี​อย่าง​ไม่​เกรงใจ​ ​เดิมที​โต๊ะ​ของ​องค์​ชาย​และ​ท่าน​อ๋อง​ต้อง​เป็น​โต๊ะ​ยาว​ที่นั่ง​ได้​สาม​คน​ ​คน​ส่วนใหญ่​จะ​พาพระ​ชายา​และ​บุตรชายคนโต​มานั​่​งด​้วย​ ​โชคดี​ที่​มู่​ชิง​อี​ออกมา​กับ​หรง​จิ​่น​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​หรง​จิ​่​นคง​จะ​กลายเป็น​ท่าน​อ๋อง​ที่​โดดเดี่ยว​ใน​งาน​

“​…​ทำไม​เขา​ถึง​ดู​นอน​ไม่พอ​ขนาด​นี้​”​ ​ตง​ฟังซ​วี่​มองดู​เขา​ฟุบ​โต๊ะ​ด้วย​ความง่วง​ ​จับจ้อง​ใบหน้า​อัน​หล่อเหลา​ที่​กำลังจะ​หลับใหล​ ​หาก​คนที​่​อยู่​ตรงหน้า​ไม่ใช่​องค์​ชาย​เก้า​ที่​มีชื่อเสียง​ร้ายกาจ​ ​บางที​คุณชาย​ตง​ฟัง​อาจจะ​ยื่นมือ​ออก​ไป​ตบ​บน​ใบหน้า​ที่​ขาว​ราวกับ​หยก​สัก​สองครั​้ง

มู่​ชิง​อี​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​“​สอง​สาม​วันที่​ผ่าน​มาท​่า​นอ​๋​อง​ไม่​ค่อย​สบาย​ ​ทำไม​คุณชาย​ตง​ฟัง​ถึง​อยู่​ที่นี่​เล่า​”

ตง​ฟังซ​วี่​มุ่น​คิ้ว​เอ่ย​ ​“​เจ้า​ไม่รู้​หรือ​ ​งานเลี้ยง​ต้อง​ใช้เวลา​สักพัก​ถึง​จะ​เริ่ม​ ​ฝ่า​บาท​ไม่มีทาง​ออกมา​เร็ว​ขนาด​นี้​ ​หาก​เป็น​เทศกาล​ไหว้พระ​จันทร์​ยัง​สามารถ​ออก​ไป​เดินเล่น​ได้​ ​แต่​หิมะ​ตก​เช่นนี้​ใคร​จะ​ออก​ไป​ ​เดิมที​ข้า​คิด​ว่า​ประเดี๋ยว​ค่อย​มาก​็​คง​ไม่​มาสาย​ ​แต่​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​ไม่เห็นด้วย​ ​นั่นไง​ ​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​”

มองตาม​สายตา​ของ​ตง​ฟังซ​วี่​ ​จิ้ง​หย่วน​โหว​และ​องค์​หญิง​เซียง​เฉิง​นั่ง​อยู่​ข้างหน้า​ ​แน่นอน​ว่า​พวกเขา​นั้น​โดดเด่น​ ​จิ้ง​หย่วน​โหว​มาจาก​ตระกูล​แม่ทัพ​ ​อายุ​สี่​สิบ​กว่า​ปี​แต่​ยัง​ดูเหมือน​ชาย​วัยกลางคน​ที่​เพิ่งจะ​อายุ​สามสิบ​ปีก​็​ไม่​ปาน​ ​ส่วน​องค์​หญิง​เซียง​เฉิง​แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​เป็น​หญิง​งาม​ที่​ภายนอก​ดู​อ่อนโยน​แต่​ภายใน​กลับ​แข็งแกร่ง​ ​เมื่อ​สังเกตเห็น​สายตา​ที่​มอง​มา​ของ​พวกเขา​ ​นาง​ก็​ส่ง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ทักทาย​มู่​ชิง​อี​ ​จากนั้น​ก็​เบิกตา​กว้าง​ใส่​ตง​ฟังซ​วี่