บทที่ 510 ในที่สุดก็หาเจอ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 510 ในที่สุดก็หาเจอ

บทที่ 510 ในที่สุดก็หาเจอ

จากการโจมตีเมื่อครู่ หลิวฮุ่ยก็รู้ได้ทันทีว่านี้ไม่ได้ศาสตร์วิชาลึกลับและก็ไม่ใช่ค่ายกล หากแต่เป็นพลังจิต ต้องเข้าใจว่าวิชาพลังจิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ! ซึ่งคนที่ใช้พลังจิตได้ก็มีแต่ผู้มีพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิดเท่านั้น !!!

เขาเคยได้ยินเรื่องคนที่มีพลังจิตขั้นอัจฉริยะก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในตำนานเท่านั้น เคยแต่ได้ยิน ทว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้พอได้เห็นพลังจิตจริง ๆ มันก็ทำให้หลิวฮุ่ยรู้ได้ทันทีถึงความต่างชั้นของวิชายุทธ์และพลังจิต ! ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว พลังจิตนั้นเปรียบเหมือนกับต้นไม้ที่สูงเทียมฟ้า ส่วนวิชายุทธ์ที่พวกเขาฝึก ๆ กันก็เหมือนกับหญ้าข้างทาง !

เมื่อเทียบกันแล้ว วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเทียบได้กับพลังจิตที่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น แต่แม้ว่าพลังจิตของฉู่เหินจะดูน่ากลัวและแข็งแกร่ง ทว่าถ้าไปเจอกับยอดฝีมือจริง ๆ สักคน มันก็ไม่อาจสร้างความได้เปรียบให้กับชายหนุ่มอยู่ดี !

แต่ไม่ว่าจะยังไง พลังจิตนั้นก็ถือได้ว่าไร้เทียมทาน ! ใคร ๆ ต่างก็อิจฉาและอย่างมีเป็นของตัวเองบ้าง ทว่าพลังจิตนั้นไม่สามารถช่วงชิงกันได้ ถ้าสามารถช่วงชิงได้ล่ะก็ น่ากลัวว่าจะมีคนอยากได้มากทีเดียว !

“ลูกพี่ ต่อไปพยายามอย่าใช้พลังจิตแบบนี้อีกนะ ถ้าจะใช้ก็ต้องฆ่าปิดปากคนที่รู้ให้หมด ! ถ้าไม่สามารถฆ่าปิดปากได้หมด อาจถูกคนอื่นรู้เข้าได้ ! ซึ่งถ้าพวกเขารู้ ถ้างั้นลูกพี่ก็ต้องบอกพวกเขาไปว่ามันเป็นพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิดนะ ! ” ที่หลิวฮุ่ยพูดแบบนั้นก็เพราะก่อนหน้านี้ตนนั้นได้พูดคุยกับฉู่ตงแล้วก็ได้รู้ว่าพลังจิตพวกนี้ฉู่เหินเรียนรู้มันด้วยตัวเอง !

อันที่จริงแล้วนั้น เรื่องที่หลิวฮุ่ยพูดก็มีเหตุผล ! เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าต่อไปมีคนสามารถเรียนรู้พลังจิตแบบนี้ขึ้นมาได้อีก จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ !

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญก็คือถ้าทำให้คนอื่นรู้ว่าวิชาพลังจิตนั้นสามารถเรียนรู้ได้ในภายหลัง ! ฉู่เหินได้ดับอนาถแน่ ! ถ้าคนแก่ประหลาด ๆ พวกนั้นรู้เข้า คนพวกนั้นจะต้องจับชายหนุ่มกลับไปทดลองอย่างละเอียดแน่ ! อีกทั้งยังจะบังคับให้ฉู่เหินถ่ายทอดวิชาพลังจิตให้พวกเขาอีกด้วย !

ถ้าถึงตอนนั้นชีวิตฉู่เหินก็คงออกจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว ! เพราะแบบนี้เมื่อหลิวฮุ่ยเตือนฉู่เหิน เขาถึงได้พยักหน้ารับคำ และจดจำมันจนขึ้นใจ ! เป็นเพราะเขาเองก็รู้ดีว่าพลังจิตนั้นไร้เทียมทานมากแค่ไหน

จากคำพูดเมื่อครู่ มันก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกดีกับหลิวฮุ่ยมากยิ่งขึ้น เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะได้เพื่อนที่ดีแบบหลิวฮุ่ย ! ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ถ้าหลิวฮุ่ยไม่พูดเขาก็คงไม่รู้ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาไม่ระวังหลุดปากออกไป ก็แน่ใจได้เลยว่าชีวิตของเขาต่อจากนั้นจะต้องน่าสงสารเป็นอย่างมาก !

ฉู่เหินบอกวิธีฝึกฝนพลังจิตนี้ให้ทั้ง 2 คนฟัง ชายหนุ่มบอกไปว่าเขานั้นฝึกพลังจิตจากการสังเกตค่ายกลธรรมชาติจนได้วิชาพลังจิตมา ! อย่างไรก็ตาม พอหลิงฮุ่ยได้ยินแบบนั้น เขาก็พลันตาเหลือกจนเห็นตาขาวในทันที เพราะถ้าเป็นตัวเขานั้นคงไม่สามารถฝึกมันได้เพียงแค่จากการมองแน่ ๆ

สามารถมองค่ายกลธรรมชาติอย่างทะลุปรุโปร่งได้เนี่ยนะ ล้อเล่นหรือไง กระทั่งผู้เชี่ยวชาญค่ายกลจริง ๆ ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้หรือเปล่า ! แต่เมื่อเขาลองคิดกลับกัน แม้แต่ค่ายกลที่ซับซ้อนแบบนั้นยังถูกฉู่เหินมองทะลุปรุโปร่งได้ ถ้าแบบนี้ก็รู้แล้วว่าเขาคืออัจฉริยะ !

ขณะที่พวกเขากำลังนั่งพักผ่อนพูดคุยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีคน 10 คนพุ่งมาทางนี้ พวกเขานับสิบต่างก็ดูกำยำล่ำสัน ตอนเดินก็จะได้ยินเสียงกุ๊งกิ๊งที่บ่งบอกว่าพวกเขาได้ตราประจำตัวมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าลมอะไรหอบพวกเขามาที่นี่

คนหน้าตาโฉดชั่วเดินพวกนั้นพากันเป็นกลุ่มพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข ! อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ชายอ้วน ๆ คนหนึ่งก็หันมามองพวกเขา 3 คนที่นั่งอยู่ไกลออกไป

สำหรับอีก 2 คนนั้นเขาไม่รู้จัก แต่เขาจำได้ว่า 1 ใน 3 คนนั้นคือฉู่เหิน แท้จริงแล้วคนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหลายชายของหลิวซานพีนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่เข้าหุบเขาแห่งนี้มาได้ เขาก็ออกตามหาอีกฝ่ายไปทั่ว แต่จนแล้วจนรอดเขาก็หาฉู่เหินไม่เจอแม้แต่ร่องรอย จนเขานึกว่าฉู่เหินถูกคัดออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงว่าตอนที่การแข่งขันใกล้จะสิ้นสุดนั่น เขาจะได้เจอกับอีกฝ่าย !

ว่าแล้วเขาก็เรียกลูกน้องของตัวเองให้เดินไปหาพวกฉู่เหิน ขณะที่เดินริมฝีปากก็สบถคำด่าออกมาอย่างต่อเนื่อง พอคนพวกนี้เดินเข้ามาใกล้ ๆ ฉู่เหินก็จำชายคนนั้นได้ในทันที ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกถึงปัญญาที่กำลังตามมา !

ทว่าฉู่เหินก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหลายชายของหลิวซานพีแม้แต่น้อย ตอนแรกที่เขาเป็นเพียงปราชญ์ระดับต้นขั้นต้นก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว ! และยิ่งตอนนี้พลังวรยุทธ์ของเขามันก็ได้เพิ่มขึ้นอีก ! ดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ฉู่เหินนั้นไม่อยากวุ่นวาย ดังนั้นเขาจึงคิดจะหลบฉากไป ไม่เข้าปะทะ

ชายหนุ่มนั้นรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนนอก ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถ้าเขาเกิดมีปัญญากับคนใหญ่คนโตในนี้เข้า ก็ไม่รู้ว่าจุดจบของตัวเองจะเป็นยังไง แม้ว่าคนอื่นฟังแล้วจะไม่รู้สึกถูกต้อง แต่ถ้าในสถานการณ์แบบนี้แล้วคุณยังคิดอยากทำตัวเป็นฮีโร่ ถ้างั้นก็เข้าไปหาที่ตายเองเถอะ !

แต่แล้วเขาก็เริ่มลังเล หลายชายของหลิวซานพีคนนี้มองว่าตนเป็นศัตรูไปแล้ว ถ้าเข้าไปในพรรคแล้วมันจะไม่ยิ่งแย่กว่านี้อีกเหรอ ? ว่าแล้วฉู่เหินก็เริ่มคิดอยากที่จะให้คนพวกนี้ได้ลิ้มรสพลังจิตสังหารของตนดูสักหน่อยขึ้นมาบ้างแล้ว !

“แหม่ ไม่คิดว่าจะเจอแกที่นี่เลยนะเนี่ย แต่ก็เสียใจด้วยนะที่มาเจอฉัน ถือว่าแกโชคร้ายแล้วล่ะ วันนี้ฉันจะจัดการแกให้มันจบ ๆ ไป ! ” เมื่อพูดจบ หลายชายของหลิวซานพีก็เผลอลูบใบหน้าตัวเอง ต้องเข้าใจว่าฉู่เหินต่อยเขาไปชุดหนึ่ง ซึ่งเขาก็ยังจำมันได้ดี เพราะจนกระทั่งถึงตอนนี้มันก็ยังคงทิ้งรอยช้ำเอาไว้อยู่เลย !

ในเมื่อวันนี้ได้มาเจออีกฝ่ายแล้ว ถ้ายังงั้นเขาก็ต้องจัดการมันก่อนออกไปจากที่นี่ให้ได้ ! ต่อมาก็เห็นฉู่เหินโบกมืออย่างเกียจคร้านครั้งหนึ่ง ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะปรากฏแสงสว่างโปร่งแสงขึ้น ฉู่เหินกำลังคิดว่าจะทำให้คนพวกนี้เป็นปุ๋ยให้กับพลังจิตสังหารของตัวเองยังไงดี คิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็โบกปล่อยพลังจิตสังหารออกไป

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศดังกึกก้องขึ้นมาก่อน “การคัดเลือกสิ้นสุด ทุกคนโปรดหยุดการโจมตีทุกอย่าง ไม่งั้นจะถูกค่ายกลสังหารกลับ ! ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็คิดอย่างจนใจว่าหมอนี้ดวงดีเกินไปแล้ว ! ซึ่งมันก็พอดีกับที่หลายชายของหลิวซานพีคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง แบะปาก ก่อนจะพูดขึ้น “หึ ถือว่าวันนี้แกโชคดีไป ! ไม่ต้องห่วงไป วันข้างหน้าฉันจะหาโอกาสฆ่าแกใหม่ พวกเรากลับ ! ” เมื่อพูดจบ อีกฝ่ายก็เดินจากไปในทันที

ฉู่เหินมองเจ้าโง่ที่เดินจากไปอย่างเอือมระอา เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่าสรุปแล้วมันหรือเขากันแน่ที่โชคดี ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพาทั้งสองเดินไปยังทางออก

ก่อนหน้านี้ประตูทางออกถูกปิดเอาไว้ แต่หลังจากสิ้นเสียงประกาศ ด้านหน้าของพวกเขาในตอนนี้ก็ได้ปรากฏประตูทางออกขนาดใหญ่ขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนยังไงก็มองเห็น

เรียกได้ว่าเห็นประตูใหญ่ขนาดนี้แล้วยังจะมีเจ้าโง่ที่ไหนไม่รู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหนไม่ได้อีก ว่าแล้วทุกคนก็พากันเดินไปทางประตูนั่น ทำให้ฉู่เหินพบว่าจำนวนคนหายไปไม่น้อยเลย อย่างน้อยบนทางเดินก็มีไม่ถึง 2 พันคน

ระหว่างที่พวกเขาเดินมาทางออกมา ประตูทางออกตรงหน้าก็พลันขยายใหญ่ขึ้น และจากพื้นดินขึ้นไปอีกหลายสิบเมตรก็ได้ปรากฏแสงสว่างขึ้น เมื่อคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด พวกเขาพากันเดินไปยังแสงนั้นทันที

เพิ่งจะเดินเข้ามาภายในแสงสว่าง ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าถูกพลังมหาศาลดูดร่างกายเขาไป ต่อมาฉู่เหินก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองลอยขึ้นไปอย่างฉับพลัน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองและคนอื่น ๆ ได้มาอยู่บนลานกว้างแห่งหนึ่งแล้ว