ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็เข้าใจแล้วว่า อะไรเรียกว่าทุนนิยม
เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ได้ คุณบอกจะจัดการยังไงก็จัดการอย่างนั้นเถอะ”
“จัดการตามที่คุณบอก ก็เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อน ไม่ทำให้คนได้บทเรียน กลับจะทำให้คนอื่นแย่ลงด้วย” เฟิงหานชวนกล่าวเตือน
เฉินฮวนฮวนรู้ดีว่า เขาหมายถึงเรื่องของหลี่เหมยและอันฉี
“อืม ฉันรู้แล้ว ทำตามที่คุณบอกแล้วกัน” เธอพยักหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนเห็นด้วยจริงๆ เฟิงหานชวนเอ่ยบอกเสียงเย็น “ซย่าฉิง ไปบอกซูเฉียงว่าจัดการตามนี้”
ซูเฉียง คือหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์
“ค่ะ ประธานเฟิง” ซย่าฉิงรับคำสั่ง เธอเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เธอยืนอยู่ด้านนอกประตู เดิมทีเธอตั้งใจจะเดินไป ทว่าเธอกลับหยุดฝีเท้าลง
เดิมทีความคิดของเธอที่มีต่อประธานเฟิงนั้นเปลี่ยนไปน้อยมาก เมื่อวานหลังจากรู้ว่าเฟิงหานชวนแต่งงานแล้ว เธอเกือบจะปล่อยเฟิงหานชวนไปแล้ว
เพราะเธอคิดว่า บางทีชีวิตนี้ประธานเฟิงอาจจะไม่มองมาที่เธอแล้ว
เมื่อสักครู่เธอพบว่าประธานเฟิงเปลี่ยนไป หรือเธออาจจะพบอีกด้านหนึ่งของประธานเฟิง เดิมทีเขาไม่ใช่คนเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาก็เอาใจใส่ผู้หญิงเป็นเหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะยังดูเย็นชา ทว่าเธอมองออกว่าเขาเอาอกเอาใจคุณหนูเฟิงตัวปลอมคนนั้นมาก
ทว่า เมื่อคิดว่าคุณหนูเฟิงตัวปลอมคนนั้นเป็นผู้หญิงในความลับเพียงคนเดียวของประธานเฟิง และภรรยาตัวจริงของเขากลับอยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ทันใดนั้น ซย่าฉิงก็รู้สึกว่า แท้จริงแล้วผู้ชายก็เหมือนกันหมด
เดิมทีเธอคิดว่าประธานเฟิงจะไม่เป็นเช่นนั้น
ในใจซย่าฉิงรู้สึกแย่มาก และรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม คนเจ้าชู้อย่างประธานเฟิงกลับไม่สนใจตัวเองเลย ตัวเองไม่มีเสน่ห์เลยเหรอ
หรือบางที เธอจะไม่ใช่สเปกของประธานเฟิงจริงๆ
……
ด้านนอกห้องทำงาน ซย่าฉิงรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
ด้านในห้องทำงาน เฉินฮวนฮวนกลับเลิกเสื้อของตัวเองขึ้นต่อหน้าเฟิงหานชวน
แน่นอนว่าเธอหันหลังให้เฟิงหานชวน ไม่ได้เผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน
“คุณช่วยฉันติดกระดุมหน่อย!” เฉินฮวนฮวนสั่งชายหนุ่มด้านหลัง
จู่ๆ แผ่นหลังขาวเนียนสวยปรากฏตรงหน้าตัวเองเช่นนี้ เฟิงหานชวนเพียงลอบกลืนน้ำลายลงคอ
ผู้หญิงสมควรตาย ไม่รู้อะไรเรียกว่า “ยั่วแบบไม่รู้ตัว” เหรอ
“เอาเสื้อลง” เขาเก็บไว้ในใจไม่ได้เอ่ยออกไป ก่อนจะตะคอกเสียงดัง
เดิมทีความคิดที่แวบเข้ามาเมื่อสักครู่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยอกเย้าเฉินฮวนฮวน อย่างไรห้องทำงานก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดี เรื่องดีๆ ค่อยทำค่อยไปในห้องนอนตอนกลางคืนจะดีกว่า
ทว่าตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะเลิกเสื้อขึ้นต่อหน้าตัวเอง เขาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
เสียงตะคอกของเขา ทำให้หญิงสาวที่อยู่ด้านนอกตกใจ
เฉินฮวนฮวนก็ตกใจเช่นเดียวกัน เธอรีบปล่อยเสื้อลงแล้วหันกลับมา ดวงตาทั้งสองข้างกระพริบปริบๆ เธอถามด้วยสีหน้าหมองหม่น “ทำไมคุณต้องดุขนาดนี้ด้วย”
เธอน้อยใจ!
“คุณไม่รู้เหรอ เมื่อกี้คุณกำลังปลุกไฟ” สายตาของเฟิงหานชวนมองลงไป เขาเพียงรู้สึกว่าเส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกขึ้นมา
“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออกทันที ไม่รู้จะพูดอย่างไร “ฉันแค่จะให้คุณช่วยติดกระดุม ฉันไม่ได้ให้คุณมองด้านหน้าของฉัน จะเรียกว่าปลุก…ไฟ…ได้ยังไง”
เธอกลุ้มใจ!
“คราวหน้า ห้ามเลิกเสื้อขึ้นง่ายๆ ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้น บอกให้ผมรู้ก่อน!” เฟิงหานชวนกล่าวอบรมอย่างจริงจัง
เฉินฮวนฮวน “…”
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะพูดแล้ว!
“เข้าใจไหม” เฟิงหานชวนถาม
เฉินฮวนฮวนไม่หันกลับมา เธอยังคงเงียบราวกับกำลังงอนเขา
แน่นอนว่าเธอกำลังงอนเขาจริงๆ
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้เธอเหมือนกับผู้หญิงไร้ยางอาย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คนที่ลามก คือเขา…เฟิงหานชวน!
หากไม่ใช่เขา ทำไมเธอถึงติดกระดุมไม่ได้
ตอนนี้เขาช่างดีเหลือเกิน กลับจะเอาความผิดมาลงที่เธอเสียอย่างนั้น
“ทำไมไม่พูด” เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนทำปากมุ่ย และยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอต้องโกรธเขาอย่างแน่นอน
ท่าทีของเขาอ่อนลง เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองรุนแรงเกินไป เขารีบเดินไปด้านหลังเฉินฮวนฮวน แล้วเอื้อมมือจะช่วยเธอติดกระดุมให้เรียบร้อย
จากนั้น เมื่อเขาบังเอิญสัมผัสโดนผิวกายของเธอ เธอดีดตัวออกทันที และรีบรักษาระยะห่างกับเขามากกว่าหนึ่งเมตร
“ฮวนฮวน ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมไม่ควรดุคุณขนาดนั้น แต่คุณทำแบบเมื่อกี้ไม่ได้จริงๆ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนอ่อนโยนขึ้นมาก เขาง้องอนเฉินฮวนฮวน และกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหาเขา
“ฉันไม่อยากสนใจคุณแล้ว ฉันจะกลับแล้ว ลาก่อน!” หลังจากที่เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด เธอก็รีบไปที่ประตู
เธอเปิดประตูห้องทำงานอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ราวกับบินไป ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ เธอหยุดฝีเท้าลงทันที
ซย่าฉิงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ ทว่าเวลานี้ เสื้อผ้าของเธอไม่เรียบร้อย และยังไม่ได้ติดกระดุมเม็ดนั้น
เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เธอพยายามส่งยิ้มน้อยๆ และกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ เลขาซย่า”
“สวัสดีค่ะ คุณหนูเฟิง” ซย่าฉิงยังคงแสดงท่าทีเคารพนบน้อม
ทว่า ในใจเธอกลับดูถูกเหยียดหยามเฉินฮวนฮวน และกำลังหัวเราะเย้ยหยันเฉินฮวนฮวนอยู่ในใจ
เมื่อสักครู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน เธอได้ยินเสียงตะคอกของเฟิงหานชวน ประโยคนั้นชัดเจนมาก นั่นคือ “เอาเสื้อลง”
และตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็ลนลานวิ่งออกมา เธอต้องถูกไล่ออกมาอย่างแน่นอน
ภาพเหตุการณ์โดยรวม ซย่าฉิงคาดเดาว่า เฉินฮวนฮวนยั่วยวนประธานเฟิงในห้องทำงาน เธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับประธานเฟิง แต่ประธานเฟิงกลับไม่พอใจ แถมยังโมโหอีกด้วย
เดิมทีเธอยากจะฟังต่อ ทว่าเธอไม่กล้ายืนแนบติดประตูอยู่อย่างนั้น เธอจึงเดินไปที่ลิฟต์ และแสร้งทำเป็นกำลังยืนรอลิฟต์ ความจริงแล้วเธอก็อยากดูว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรต่อไปหรือไม่
ผลออกมาตามคาด เฉินฮวนฮวนวิ่งกุลีกุจอออกมา
ตอนนี้ซย่าฉิงแอบลำพองใจ ขณะที่เธอกำลังคิดว่าเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พิเศษอะไรนัก เฟิงหานชวนกลับสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าซย่าฉิง และช้อนเฉินฮวนฮวนขึ้นอุ้มทันที
ตอนแรกเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ดีๆ ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างของเธอก็ลอยขึ้นกลางอากาศ เมื่อเธอหันมามอง ก็เห็นว่าตัวเองถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น แถมยังอยู่ตรงหน้าซย่าฉิงอีกด้วย
ขอร้องล่ะ!
เธอใกล้จะระเบิดแล้ว!
ตอนนี้สถานะของเธอคือหลานสาวของเฟิงหานชวน แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงต่อหน้าเลขาของเขา
“อาสาม เลขาของคุณยังอยู่นะ! ฉันโตขนาดนี้แล้ว คุณไม่ต้องอุ้มฉันแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยายามยกมุมปากยิ้ม ทำราวกับว่าเฟิงหานชวนเป็นคุณอาที่รักหลานสาวของเขามาก และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในตอนนี้ราวกับเป็นครอบครัวสุขสันต์
ทว่า เจตนาดีของเธอ ไม่ได้รับการยอมรับจากเฟิงหานชวน ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่ง เขาอุ้มเฉินฮวนฮวนเข้าห้องทำงานไปต่อหน้าต่อตาซย่าฉิง
“ปัง” เขาใช้เท้าถีบปิดประตูห้องทำงาน
เวลานี้ยังไม่จบสิ้น หลังจากเข้ามาในห้องทำงาน คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะไม่ปล่อยเธอลง แต่ยังคงเดินไปข้างหน้า
จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะทำงาน เฟิงหานชวนก็วางเธอลงบนโต๊ะทำงาน สองแขนค้ำยันไว้ข้างลำตัวเธอคล้ายกับกักขังเธอในอ้อมแขนของเขา