ตอนที่ 427 หนังสือเรื่องใหม่ซ่อนอยู่ในบทเพลง

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ด้วยการเปิดตัวเพลงแดนนิทาน ทุกคนก็เกิดความสงสัยจากก้นบึ้นของจิตใจ

พลังของความสงสัยในครั้งนี้มีมากพอให้ฆ่าแมวได้นับไม่ถ้วน

ผู้ฟังเพลงนี้หลายคนรู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ นี่คือความร้อนรนและความคาดหวังซึ่งเกิดขึ้นจากความกระตือรือร้นในการหาคำตอบ

ปีเตอร์แพนคือใคร

แฮร์รี พ็อตเตอร์คือใคร

ซูเค่อเป้ยถ่าหมายความว่าอะไร

แมดแฮ็ตเตอร์กับอลิซคืออะไร

เจ้าชายน้อยหลงรักดอกกุหลาบ

ชาวเน็ตปรากฏตัวพร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มสมอง กลืนกินพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของฉู่ขวง พื้นที่แสดงความคิดเห็นของเซี่ยนอวี๋ก็เช่นกัน แม้แต่พื้นที่แสดงความคิดเห็นของอิ่งจือเองก็มีชาวเน็ตนับไม่ถ้วนมาคาดคั้นว่าเพลงนี้หมายความว่าอย่างไร

‘คงไม่ใช่ทีเซอร์ของหนังสือเล่มใหม่หรอกใช่ไหม?’

มีคนตั้งสมมติฐานเช่นนี้ แต่เนื่องจากความเห็นนี้ฟังดูบ้าบิ่นเกินไป แม้แต่คนที่เสนอความคิดเห็นนี้ยังรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยด้วยซ้ำ ‘ฉู่ขวงเขียนนิทานออกมาเก้าเรื่องติดต่อกันยังไม่พออีกเหรอ แม้แต่ผลงานนิทานในอนาคตก็ยังตัดสินใจแล้ว?’

‘คงไม่ใช่มั้ง?’

‘สมองของเขาทำด้วยอะไรเนี่ย’

‘งั้นหนึ่งชื่อเท่ากับหนึ่งหลุมพราง?’

‘ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เจ้าแก่ฉู่ขวงก็น่ากลัวมากเลยเลยนะ ในแดนนิทานมีนิทานทั้งหมดสิบเรื่อง ทุกเรื่องเป็นผลงานคลาสสิก ขนาดนี้ฉู่ขวงยังมีนิทานที่งัดออกมาได้อีกเหรอ ยังไม่เกลี้ยงสมองอีก?’

‘พระเจ้าช่วย!’

‘บ้าไปแล้ว!’

‘ผมถึงขั้นสงสัยเลยนะว่าเขาอาจยังมีต้นฉบับสำรองไว้ ตัวอย่างเช่นแฮร์รี พ็อตเตอร์ ปีเตอร์แพนอะไรนั่น และเซี่ยนอวี๋ก็ได้อ่านต้นฉบับมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาสองคนเลยทำเพลงนี้ออกมา ใช้รูปแบบของเนื้อเพลงทำออกมาเป็นทีเซอร์รูปแบบนี้ เป้าหมายก็เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเรา ประเด็นคือฟังเพลงนี้จบแล้ว ก็ถูกเจ้าแก่ฉู่ขวงกระตุ้นอยากรู้อยากเห็นได้จริง!’

‘คงไม่ถึงขั้นมีสำรองมั้ง’

‘ผมเชื่อว่าฉู่ขวงมีโครงเรื่องอยู่ นิทานพวกนี้ที่พวกเราไม่เข้าใจความหมาย เขาอาจยังสร้างไม่เสร็จ แต่เขามีทิศทางคร่าวๆ แล้ว แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ก็เหนือมนุษย์เกินไปหน่อย โครงเรื่องของคนคนนี้คงไม่ได้ซ่อนจักรวาลนิทานไว้ทั้งหมดหรอกนะ!’

‘…’

ถึงแม้สมมติฐานจะบ้าบิ่นเสียเหลือเกิน ทว่าชาวเน็ตซึ่งสนับสนุนความคิดนี้มีมากจริงๆ

เพราะถ้าหากตัดความเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดออกไป คำตอบที่เหลือไม่ว่าจะเหลือเชื่อแค่ไหนก็ถูกลิขิตมาให้เป็นความจริง

ยิ่งไปกว่านั้น ชาวเน็ตไม่คิดว่าเนื้อเพลงที่อ่านไม่เข้าใจเหล่านี้ในเพลงแดนนิทานจะเป็นสิ่งที่ฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋เขียนขึ้นมาเล่นๆ ความเป็นไปได้เดียวที่ทุกคนนึกออกคือ ตัวละครแปลกใหม่เหล่านี้จะต้องเกี่ยวข้องกับผลงานนิทานซึ่งฉู่ขวงจะปล่อยออกมาในอนาคตอย่างแน่นอน!

ขณะเดียวกัน

อุตสาหกรรมนิทานมีหลายคนไปกดฟังเพลงแดนนิทานพร้อมกับความสงสัย ปรากฏว่าเมื่อฟังจบพลันรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็นึกถึงความเป็นไปได้ที่เหลือเชื่อที่สุดเช่นเดียวกัน

ในตอนนั้นเอง

ในที่สุดปู้ลั่วของฉู่ขวงก็มีความเคลื่อนไหว

เขารีโพสต์โพสต์โปรโมตเพลงของเซี่ยนอวี๋ แนบข้อความประกอบว่า ‘ตัวละครแปลกใหม่ในเพลงซึ่งมีชื่อเดียวกับหนังสือแดนนิทานจะทยอยปรากฏในผลงานเรื่องอื่นๆ ของผม’

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ!

หลังจากที่ฉู่ขวงอธิบาย ทั้งโลกออนไลน์ก็คึกคักขึ้นมา

การคาดเดาอันเหลือเชื่อนั้นเป็นจริง ฉู่ขวงยังมีไอเดียเกี่ยวกับผลงานนิทานที่ยังไม่ได้งัดออกมาอีก แดนนิทานซึ่งรวบรวมเรื่องราวสุดคลาสสิกสิบเรื่องนั้นยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา!

ชาวเน็ตตกตะลึง!

ในวงการก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน!

เช่นเดียวกับชาวเน็ตซึ่งกำลังสะท้อนใจ ในยามนี้นักเขียนนิทานหลายคนก็เริ่มสงสัยเช่นกันว่าอาจมีจักรวาลนิทานอันกว้างใหญ่ไพศาลซ่อนอยู่ในสมองของฉู่ขวงจริงๆ แม้ว่าหลังจากเขียนนิทานเรื่องเยี่ยมออกมาสิบเรื่องแล้ว ยังมีพลังเหลือเพื่อสร้างผลงานชิ้นต่อไปอีก?

‘คงไม่ได้เกินจริงขนาดนั้นล่ะมั้ง’

มีคนขบคิด เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจหลายส่วน ‘มีไอเดียสำหรับผลงานในอนาคต เป็นเพียงข้อพิสูจน์ว่าพลังในความคิดสร้างสรรค์ของฉู่ขวงนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ได้หมายความว่านิทานเรื่องอื่นๆ ในอนาคตของฉู่ขวงจะแตะถึงระดับที่สูงเช่นนี้ได้ มาตรฐานโดยภาพรวมของแดนนิทานนับว่าถึงจุดสูงสุดของนิทานสั้นแล้ว!’

การคาดการณ์นี้สมเหตุสมผล

แต่ถึงกระนั้น นับตั้งแต่การต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวง คนคนนี้เต็มไปด้วยความไร้เหตุผลบางอย่าง เพราะฉะนั้นทุกคนจึงไม่กล้าด่วนสรุป ทำได้เพียงรอฉู่ขวงเปิดตัวนิทานเรื่องใหม่ในอนาคต ทุกคนจึงจะเข้าใจว่าผลงานใหม่ซึ่งเผยแพร่ในอนาคตเหล่านี้จะแตะถึงมาตรฐานที่สูงของทั้งสิบเรื่องแรกได้หรือไม่

อีกด้านหนึ่ง

ในห้องทำงาน

หลินเยวียนผ่อนลมหายใจ

หลังจากปล่อยเพลงแดนนิทานออกไป ทันทีที่เขาล็อกอินเข้าบัญชีปู้ลั่วก็พบว่ากล่องข้อความส่วนตัวของเขาแทบระเบิด พื้นที่แสดงความคิดเห็นเต็มไปด้วยข้อสงสัยจากชาวเน็ต แม้จะอยากแกล้งกระตุ้นความหิวกระหายของชาวเน็ตต่อไป แต่หลินเยวียนก็กลัวว่าตนจะจมอยู่ในฟองน้ำลายของแฟนคลับ ดังนั้นเขาเข้าไปอธิบายให้ทุกคนฟังสักหน่อยน่าจะดีกว่า

สีหน้าของจินมู่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นับตั้งแต่หลินเยวียนเริ่มต่อสู้หนึ่งต่อเก้า จินมู่ก็รู้สึกตกตะลึงกับหัวหน้าของตนซ้ำแล้วซ้ำอีก และที่ในตอนนี้รู้สึกตกตะลึง ความจริงแล้วก็เป็นเพราะเขารู้สึกตกตะลึงบ่อยเกินไปจนสมองชาเสียแล้ว และเรื่องนี้ได้ยกระดับความเข้าใจที่จินมู่มีต่อหลินเยวียนขึ้นไปอีกครั้ง

ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาวอะไรทำนองนั้น

เสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย “หลายประโยคในเนื้อเพลงแดนนิทานดาร์กเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ โฉมตรูสโนว์ไวท์หนีจากวังออกเที่ยวเล่น หนูน้อยหมวกแดงที่จริงแล้วเป็นหมาป่า เจ้าหญิงนิทราหลีกหนีชีวิตอันทนทุกข์”

‘ก็ไม่แน่ครับ’

หลินเยวียนยิ้มพลางเอ่ยตอบ

นิทานเหล่านี้ที่เขาสั่งผลิต อันที่จริงมีเวอร์ชันดาร์ก ระบบเองก็แนบมาให้หลินเยวียนด้วย แต่นิทานเวอร์ชันดาร์กเหล่านี้หลินเยวียนไม่คิดจะเผยแพร่ออกมา เพราะเป็นไปได้มากว่าสมาคมวรรณกรรมจะนำนิทานจากแดนนิทานบรรจุลงในหนังสือนอกเวลาซึ่งเด็กๆ จำเป็นต้องอ่าน เนื้อหาย่อมต้องชี้นำไปในทิศทางบวกและไม่เป็นพิษ

คุณสมบัติของนิทานเด็กควรเป็นเช่นนั้น

หลินเยวียนคิดว่าบทบาทของนิทานคือการถักทอความฝันของเด็กๆ เขาไม่อยากทำลายความฝันของเด็กๆ ด้วยความมืดมนของนิทาน

เนื้อเพลงบางส่วนในแดนนิทานเวอร์ชันเพลงพอจะชี้นำทิศทางของความเป็นจริงได้มากพอแล้ว

อันที่จริง

ไม่มีใครกล้ารับประกันว่านิทานเวอร์ชันดาร์กนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ บางทีอาจถูกสร้างขึ้นโดยคนรุ่นหลังก็ได้?

เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนแรกที่แปลงเนื้อเพลงเด็กให้เป็น ‘นกน้อยร้องทักอรุณสวัสดิ์ ทำไมเธอถึงได้สะพายถุงดินปืน[1]’

“น่าเสียดายที่ปล่อยเพลงออกมาช้าไปหน่อย”

จินมู่จ้องมองการจัดอันดับเพลง เพลงแดนนิทานเพิ่งปล่อยออกมาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ทะยานขึ้นไปถึงอันดับแปด

เร็วจนน่าขนลุก!

ถ้าหากปล่อยออกมาตั้งแต่ต้นเดือน ยืมกระแสนิทานต้นฉบับของฉู่ขวง กอปรกับชื่อเสียงของเซี่ยนอวี๋ จะต้องคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน

แต่วันนี้ดันเป็นวันสุดท้ายของเดือน

บลูสตาร์ไม่มีใครปล่อยเพลงในวันสุดท้ายของเดือนแล้วสามารถขึ้นไปคว้าแชมป์ได้ พ่อเพลงและราชาราชินีเพลงออกโรงเองยังทำไม่ได้

ต่อให้อ่อนแอขนาดไหนก็ยังต้องรวบรวมสถิติหนึ่งเดือน มีที่ไหนบอกว่าจะชนะก็ชนะได้ทันที

หลินเยวียนกลับไม่สนใจ

เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดจะขึ้นติดชาร์ตเพลงในเดือนนี้อยู่แล้ว เขาปล่อยเพลงแดนนิทานออกมาทั้งหมดก็เพื่อการร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นหลินเยวียนไม่แปลงเนื้อเพลงให้เป็นทีเซอร์หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงหรอก

“ติ๊งต่อง”

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลินเยวียนก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ที่แท้ก็เป็นคนจากปู้ลั่วเมนชันบัญชีผู้ใช้ของฉู่ขวง

‘หลานเมิ่ง@ฉู่ขวง: วันนี้ลืมกินข้าว’

‘เป่าเส่า@ฉู่ขวง: เหมือนว่าจะลืมกินข้าวเหมือนกัน’

‘โอวเทียนหมิง@ฉู่ขวง: ข้าก็เช่นกัน’

‘เทียนจี้ไป๋@ฉู่ขวง: ข้าก็เช่นกัน’

‘…’

นักเขียนทั้งเก้าคนผลัดกันเมนชันถึงฉู่ขวง

หลินเยวียนมองไปทางจินมู่อย่างไม่เข้าใจ

“หมายความว่ายังไงครับ”

จินมู่กดเข้าเว็บไซต์ไปดู ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาดังลั่น

“คนเยี่ยนทำการบ้านมาดีนะเนี่ย พวกเขาเลียนแบบเหลิ่งกวงในตอนนั้น หลังจากที่เหลิ่งกวงประชันวรรณกรรมแพ้หัวหน้า เขาก็บอกว่าตัวเองอ่านเรื่องฆาตกรรมบนขบวนรถด่วนโอเรียนท์เอ็กเพรสจนลืมกินข้าว…”

หลินเยวียนประหลาดใจ “นักเขียนทั้งเก้ายอมแพ้แล้ว?”

จินมู่พยักหน้า “ถึงวิธียอมแพ้จะอ้อมค้อมไปหน่อยก็เถอะ”

เหลิ่งกวงนับว่าเป็นแบบอย่างให้กับนักเขียนทั้งเก้า วิธียอมแพ้ในลักษณะนี้ไม่เพียงแสดงความชื่นชมที่พวกเขามีต่อฉู่ขวงเท่านั้น แต่ยังรักษาศักดิ์ศรีของแต่ละคนไว้ด้วย

ลมพายุสงบลงชั่วคราว

และเมื่อนักเขียนชื่อดังทั้งเก้ายอมจำนนต่อฉู่ขวง สำหรับวงการนิทานสั้นแล้ว ฉู่ขวงจึงกลายเป็นเทพสงครามในทันที!

……………………………………………………….

[1] นกน้อยร้องทักอรุณสวัสดิ์ ทำไมเธอถึงได้สะพายถุงดินปืน เป็นเนื้อเพลงซึ่งแปลงมาจากเพลงเด็กภาษาจีน ‘แสงอรุณเบิกฟ้า’ ภายหลังถูกแปลงเป็นเพลง ‘ระเบิดโรงเรียน’ โดยต้นฉบับของท่อนนี้มีใจความว่า ‘นกน้อยร้องทักอรุณสวัสดิ์ ทำไมเธอถึงได้สะพายกระเป๋าเป้’