บทที่ 341 สงสัยเหมยเฟย

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 341 สงสัยเหมยเฟย

ทันทีที่ฮูหยินผิงหยวนได้ยินสีหน้าดำมืดทันที จ้องมองหนานเทียนหลินด้วยความโกรธ“ไอ้สารเลว อย่าถือว่าเมื่อคืนข้าโปรดปรานเจ้า ก็จะมาล้ำเส้น ข้าเล่นผู้ชายมาแล้วนับไม่ถ้วน ชอบแบบที่ไม่เชื่อฟังอย่างเจ้านี่แหละ เช่นนี้ถึงจะมีความหมาย จัดการเจ้า ข้ามีวิธีเยอะแยะ ยังกล้าดูถูกข้าอีก ดูสิว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร เด็กๆ!”

ทันทีที่เสียงเย็นชาออกมา องครักษ์ที่กำยำล่ำสันสองคนเดินเข้ามา

“ฮูหยิน มีอะไรให้รับใช้?”

“เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักชั่วดี พูดจาฉีกหน้าข้า จับเขาขังเอาไว้ในห้องเก็บฟืน สั่งสอนให้ดี เขาไม่สำนึกผิดต่อข้า ห้ามให้เขากินข้าว!” ฮูหยินผิงหยวนคำรามด้วยความโกรธ

“ขอรับ” องครักษ์สองคนเข้ามาหิ้วตัวหนานเทียนหลินจากไป

“นังอ้วนที่สมควรตาย ถึงแม้จะตายข้าก็จะไม่ยอมรับผิดต่อเจ้า ทางที่ดีเจ้าก็ฆ่าข้าซะ มิเช่นนั้นข้าจะต้องทำให้เจ้าตายทั้งเป็นแน่นอน!” หนานเทียนหลินกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เสือออกจากถิ่นฐานถูกสุนัขรังแกจริงๆ ดีร้ายเขาก็เป็นถึงเจ้าสำนักแห่งสำนักราตรี ถึงกับตกอับจนถูกผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งหลับนอนด้วย แถมยังถูกจัดการสั่งสอน หนานเทียนหลินน่าสังเวชอย่างยิ่ง

เขาเกลียดชังหยุนถิงมากยิ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะตัวเองประหม่า คงไม่มีทางตกหลุมพรางหยุนถิงเด็ดขาด หนานเทียนหลินสาบานว่าช้าเร็วจะแล่เนื้อเฉือนหนังหยุนถิงเป็นหมื่นๆชิ้นอย่างแน่นอน

ฮูหยินผิงหยวนเห็นคนถูกลากออกไปแล้ว จึงรีบล้างหน้าหวีผมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน ไม่ได้กินอาหาร ก็ให้พ่อบ้านเตรียมรถม้าไปที่จวนซื่อจื่อทันที

จวนซื่อจื่อในเวลานี้

หยุนถิงกำลังนั่งตากแดดกับจวินหย่วนโยวในลาน บ่าวรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่าฮูหยินผิงหยวนขอพบ มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นมาอย่างเข้าใจความหมายเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผิงหยวนเข้ามาในจวนซื่อจื่อ มองดูจวนซื่อจื่อที่กว้างใหญ่ ศาลาและระเบียง คานโค้งแกะสลัก ต้นไม้หายากนับไม่ถ้วน แม้แต่ทางเดินบนพื้นก็ยังปูด้วยหินหยกขาวชั้นดี อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจว่าจวนซื่อจื่อช่างร่ำรวยจริงๆ

จากระยะไกล ฮูหยินผิงหยวนก็มองเห็นหยุนถิงที่อยู่ในลานกำลังพิงอยู่บนตั่งนอน จวินซื่อจื่อที่อยู่ด้านข้างกำลังอ่านบทละครพื้นบ้าน มีเสียงหัวเราะของหยุนถิงดังมาเป็นระยะ เรียบง่ายแต่กลับอบอุ่น

เบ้าตาของฮูหยินผิงหยวนแดงก่ำทันที ช่วงไม่กี่ปีแรกที่นางเพิ่งแต่งงานกับผิงหยวนโหว ผิงหยวนโหวก็เคยอ่านบทกวีให้ตัวเองฟังอย่างอ่อนโยนเช่นนี้เหมือนกัน

เพียงแต่ว่าต่อมาเกิดเรื่องขึ้นกับผิงหยวนโหว ฮูหยินผิงหยวนเป็นหม้ายมาหลายปี ต่อมาทนต่อความเหงาไม่ได้จริงๆ ก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจไป

เวลานี้เห็นภาพจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงรักใคร่สนิทสนมกันเช่นนี้ ฮูหยินผิงหยวนรู้สึกอิจฉาจริงๆ

“ข้าคำนับจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย” ฮูหยินผิงหยวนคำนับทันที

เรื่องที่หยุนถิงเป็นซื่อจื่อเฟยของจวินซื่อจื่อได้แพร่กระจายไปทุกตรอกซอกซอยของแคว้นต้าเยียนแล้ว เมื่อก่อนตอนที่หยุนถิงเป็นนางสนมไม่จำเป็นต้องทำความเคารพ ตอนนี้นางเป็นซื่อจื่อเฟย พิธีการที่ควรมีย่อมขาดไม่ได้อยู่แล้ว

หยุนถิงรีบมองไปทางนาง“ฮูหยินผิงหยวนเกรงใจไปแล้ว ไม่ทราบว่าฮูหยินมาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”

“ซื่อจื่อเฟย ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นคนส่งผู้ชายคนนั้นไป ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ เขามีที่มาที่ไปอย่างไร หลังจากที่ตื่นมาแล้วก็บอกว่าจะแล่เนื้อท่านเป็นหมื่นๆชิ้น?” ฮูหยินผิงหยวนตอบไปตามความจริง

“เขาคือหนานเทียนหลิน เจ้าสำนักของสำนักราตรี เพราะว่าล่วงเกินข้า ดังนั้นจึงถูกข้าตีจนสลบและโยนไปบนถนน คิดไม่ถึงว่าจะถูกฮูหยินพบเข้า บางทีนี่อาจจะเป็นบัญชาแห่งสวรรค์ก็เป็นได้

ตอนนี้ก็เป็นแค่สุนัขไม่มีเจ้าของตัวหนึ่งเท่านั้น ก่อนหน้านี้สำนักราตรีถูกซื่อจื่อทำลายล้างในคราวเดียวแล้ว ดังนั้นหากฮูหยินถูกใจเขาจริงๆ นั่นก็เป็นวาสนาของเขา

หากฮูหยินชอบ ข้าจะให้ซื่อจื่อไว้ชีวิตเขา ต่อไปเขาก็คือคนของท่าน ท่านจัดการได้ตามใจ แต่หากฮูหยินไม่ชอบ เช่นนั้นข้าก็จะส่งคนไปประหารเขาด้วยวิธีห้าอาชาแยกร่าง จะได้ไม่ทิ้งความหายนะเอาไว้” หยุนถิงอธิบาย

ฮูหยินผิงหยวนตกตะลึงอย่างยิ่ง“สำนักราตรีที่ถูกไฟเผาทำลายก่อนหน้านี้ไม่นานนั่นหรือ?”

“ถูกต้อง” หยุนถิงกล่าวตอบ

“จวินซื่อจื่อช่างเก่งกาจจริงๆ แต่ว่าซื่อจื่อเฟย ในเมื่อเขาเป็นเจ้าสำนักของสำนักราตรีต้องเก่งกาจมากแน่ๆใช่ไหม ข้ากลัวว่าเมื่อเขากลับมาเป็นปกติแล้วจะฆ่าข้า เช่นนั้นข้าก็จะได้ไม่คุ้มเสีย” ฮูหยินผิงหยวนพูดสิ่งที่ตัวเองกังวลออกมา

“วางใจ ข้าปิดผนึกกำลังภายในกับวรยุทธของเขาเอาไว้แล้ว นอกเสียจากว่าข้าเป็นคนแก้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ ตอนนี้เขาเทียบไม่ได้แม้แต่คนทั่วไปด้วยซ้ำ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก นี่คือน้ำใจเล็กๆน้อยๆของข้า ขอซื่อจื่อเฟยโปรดรับเอาไว้ด้วย” ขณะที่ฮูหยินผิงหยวนกล่าวไปก็ให้คนไปอุ้มกล่องมาหนึ่งใบทันที ข้างในคือเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวหนึ่งองค์

“ในเมื่อฮูหยินทำเช่นนี้ หากข้าปฏิเสธก็เป็นการไม่เคารพแล้ว” หยุนถิงให้คนไปรับเอาไว้

“ซื่อจื่อเฟยเกรงใจไปแล้ว”

มองดูฮูหยินผิงหยวนจากไป เดินด้วยท่าทางทะยานไปข้างหน้าดั่งพยัคฆ์ รอยยิ้มตรงมุมปากของหยุนถิงยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ต้องกลับไปทรมานหนานเทียนหลินอย่างแน่นอน ทีนี้มีละครดีๆดูแล้ว

“ต้องดีใจขนาดนี้เชียวหรือ?” จวินหย่วนโยวถามอย่างราบเรียบ

“แน่นอนอยู่แล้ว ดีร้ายหนานเทียนหลินก็เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักราตรี ตอนนี้กลับกลายเป็นข้ารับใช้ของฮูหยินผิงหยวน หรือไม่ควรค่าแก่การดีใจ?” หยุนถิงถามกลับ

เห็นนางยิ้มราวกับจิ้งจอก นัยน์ตาของจวินหย่วนโยวมีการตามใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย

นังหนูคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด วิธีการแก้แค้นของนางไม่ธรรมดาจริงๆ

ด้านนอกลาน สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยืยกราวกับน้ำแข็ง เดินเข้ามาด้วยความมืดมน

“เจ้ามาทำอะไร?” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วมองมา

“ข้ามาเพื่อบอกกับพวกเจ้าว่า ซ่างกวนเจิ้นกับซ่างกวนหรูหายตัวไปแล้ว!” น้ำเสียงของโม่เหลิ่งเหยียนแฝงไปด้วยความอดกลั้นและโกรธเคืองเล็กน้อย

หยุนถิงตัวแข็งทื่อทันที“หนีไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น?”

“วันแรกของการล่าสัตว์ ข้าตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลซ่างกวน และส่งมอบหลักฐานทั้งหมดให้กับฝ่าบาท ฝ่าบาทตรัสว่าค่อยจัดการกับตระกูลซ่างกวนหลังจากที่กลับวังในอีกสองวันให้หลัง แต่แล้ววันนี้ฝ่าบาทประกาศราชโองการ ให้ข้าค้นบ้านและยึดทรัพย์สินตระกูลซ่างกวน กลับพบว่าพ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้นไม่อยู่แล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบายโดยสังเขป

“หรือว่าพวกเขาได้รับข่าว?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

อันคำว่าตัดหญ้าไม่ถอนรากถอนโคน เมื่อลมพัดผ่านก็จะงอกขึ้นมาใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมอย่างพ่อและลูกสาวตระกูลซ่างกวนอีก ต้องเป็นปัญหาในภายหลังอย่างแน่นอน

สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนไม่น่าดูอย่างยิ่ง“ตอนนั้นข้ารายงานต่อฝ่าบาท มีเพียงเหมยเฟยที่อยู่ด้วย คนอื่นๆไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะจัดการตระกูลซ่างกวน”

สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมลงมาทันที“เหมยเฟย?”

ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา ตัวเองเคยช่วยชีวิตของนาง และก่อนหน้านี้นางก็ช่วยตัวเองอยู่ตลอด ถึงแม้จะไม่ได้เปิดเผยอย่างหลิ่วเฟย ดูเหมือนจะพูดจาเย็นชาแล้งน้ำใจ แต่ความจริงคือช่วยตัวเองทางอ้อม

“ข้าสั่งให้คนไปสืบหาแล้ว ฝ่าบาทก็ออกหมายจับแล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่าพวกเขาสามารถหนีไปได้โดยที่ฝ่าบาทไม่ทันได้สังเกต แสดงให้เห็นว่าเตรียมการมาอย่างดี” โม่เหลิ่งเหยียนทอดถอนใจ

“เช่นนี้ ก็ลำบากซวนอ๋องแล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจ”

“หลงยี!” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

หลงยีที่อยู่ในที่ลับปรากฏตัวทันที“ซื่อจื่อ มีอะไรให้รับใช้?”

“ส่งคนทั้งหมดออกไป ค้นหาเบาะแสของพ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้น ทันทีที่พบให้สังหารทันที!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่งอย่างแข็งกร้าว

“ขอรับ” หลงยีรีบไปแจ้งต่อทุกคนทันที

“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ขอตัวกลับก่อน” โม่เหลิ่งเหยียนหันหลังก็จากไปเลย เดินออกไปสองก้าวก็หยุดลงมา หันกลับมามองหยุนถิง“ตอนนั้นตอนที่ข้าเสนอแนะให้ฝ่าบาทจับกุมตระกูลซ่างกวนทันที เหมยเฟยบอกว่าไม่ต้องรีบร้อนในวันสองวันนี้ เสนอแนะให้ฝ่าบาทกลับมาแล้วค่อยประกาศราชโองการ เพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขามของฝ่าบาท”

สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ถ้าหากเหมยเฟยเป็นคนของซ่างกวนเจิ้นจริงๆ แล้วพรรควิหค?