ตอนที่ 745 จัดการกับปัญหาที่ตามมา (1) / ตอนที่ 746 จัดการกับปัญหาที่ตามมา (2)
ตอนที่ 745 จัดการกับปัญหาที่ตามมา (1)
“ข้าล่ะทึ่งกับหน้าตาของพี่ฮวาตอนนี้จริงๆ เขาดูเหมือนฟ่านจิ่นแทบทุกกระเบียดนิ้วเลย” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับดึงตัวฮวาเหยาให้มาอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย ไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิดว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าเปลี่ยนไป และกระทั่งไม่สังเกตเห็นด้วยว่าเยี่ยซากับเยี่ยเม่ยกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าพวกเขากำลังไว้อาลัยให้เขาอย่างเงียบๆ
ฟ่านจิ่นที่ปรากฏตัวขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวในวันนี้ก็คือฮวาเหยาที่ปลอมตัวมานั่นเอง ฟ่านจิ่นตัวจริงยังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงเตี๊ยมโดยมีเวินซินหันคอยเฝ้าจับตาดูอยู่
เพื่อบีบหนิงรุ่ยให้จนมุม ฟ่านจิ่นกับฟ่านจัวจำเป็นต้องปรากฏตัวพร้อมกัน นั่นคือเหตุผลที่จวินอู๋เสียขอให้ฮวาเหยาไปพบพวกเขาที่ตำบลชานหลิน
ฮวาเหยามีความสามารถในวิชาเคลื่อนกระดูกสูงมาก และด้วยความช่วยเหลือของจวินอู๋เสีย พวกเขาจึงสามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้ที่พวกเขาต้องการโดยไม่ถูกจับได้
กระทั่งในความฝัน หนิงรุ่ยก็คงคาดไม่ถึงว่าฟ่านจิ่นที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาแท้จริงแล้วเป็นตัวปลอม
“เจ้าได้แผนที่มาหรือไม่” จวินอู๋เสียถามพลางมองเฉียวฉู่
เฉียวฉู่ยิ้ม ดูยินดีเป็นอย่างมาก เขาหยิบเอากล่องปักไหมทองกล่องหนึ่งออกมา และเปิดมันออกเผยให้เห็นแผนที่ที่ทำขึ้นจากหนังมนุษย์
จวินอู๋เสียชักมือของนางกลับจาก ‘กรงเล็บ’ ของจวินอู๋เย่าเพื่อรับแผนที่มาตรวจสอบอย่างละเอียด
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นขณะมองจวินอู๋เสียที่กำลังจดจ่อกับแผนที่ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเฉียวฉู่อย่างช้าๆ เฉียวฉู่ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขมาตลอด แต่เมื่อเห็นจวินอู๋เย่าจ้องมาที่เขา ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย เขาหดคอลงตามสัญชาตญาณพลางกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว้างของจวินอู๋เย่า
“พี่ใหญ่จวิน” เฉียวฉู่เรียกจวินอู๋เย่าอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ
จวินอู๋เย่าพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย
“ฟ่านจัวอยู่ที่ไหน” จวินอู๋เสียศึกษาแผนที่เสร็จก็ส่งมันคืนให้เฉียวฉู่
เฉียวฉู่ตอบว่า “ฟ่านจัวยังอยู่ที่นั่น ดูเหมือนเขามีเรื่องที่อยากถามหนิงรุ่ย เราก็เลยมาที่นี่กันก่อน ว่าแต่…น้องเสียเจ้ามั่นใจจริงๆ หรือว่าสามารถรักษาอาการของฟ่านจิ่นได้น่ะ” เมื่อเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ มาถึงตำบลชานหลินและได้เห็นฟ่านจิ่น พวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจที่เห็นชายหนุ่มที่ร่าเริงมีชีวิตชีวาอยู่เสมอตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนั้น
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มีชะตากรรมเดียวกัน แต่ฟ่านจิ่นก็เป็นสหายที่มีคุณธรรมคนหนึ่ง ต่อให้เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับฟ่านจัว พวกเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะเห็นฟ่านจิ่นตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนั้น
จวินอู๋เสียพยักหน้า “ข้าทำได้ แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ก่อนที่ฟ่านจิ่นจะหายดี เราต้องให้พี่ฮวาปรากฏตัวในฐานะฟ่านจิ่นต่อไปก่อน”
สำนักศึกษาเฟิงหัวเพิ่งจะผ่านเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่มา จึงจำเป็นต้องมีคนนำพาพวกเขากลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเร่งด่วน ถ้าเรื่องที่ฟ่านจิ่นยังไม่หายจากอาการป่วยเปิดเผยออกไปละก็ ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงในฐานะสำนักศึกษาชั้นยอดและความมั่นคงของสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างแน่นอน
ถึงแม้จวินอู๋เสียไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นนัก แต่สำนักศึกษาเฟิงหัวก็เกี่ยวข้องกับฟ่านจิ่นและฟ่านจัวอย่างลึกซึ้ง นางจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ปล่อยให้สำนักศึกษาเฟิงหัวพังพินาศไปอย่างเด็ดขาด
เฉียวฉู่ตกใจ เขามองฮวาเหยาที่ปลอมเป็นฟ่านจิ่นแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่ฮวาต้องอยู่แบบนี้ไปสักพักเลยน่ะสิ”
เฉียวฉู่สนิทสนมกับฮวาเหยามากที่สุด เนื่องจากพวกเขามักจะออกทำภารกิจด้วยกันอยู่เสมอ จู่ๆ มาบอกให้มองหน้าฟ่านจิ่นทุกวันนี่มันก็…
ไม่ชินเลยจริงๆ
ตอนที่ 746 จัดการกับปัญหาที่ตามมา (2)
กู้หลีเซิงพาศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณกลับมาที่สำนักศึกษาเฟิงหัว การพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายทำให้ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนว่านอนสอนง่ายมากขึ้น ไม่มีใครกล้าพูดถึงเหตุการณ์วันนั้นเลย ทุกคนต่างอยู่กันอย่างเชื่อฟัง ทำให้ลดปัญหาปวดหัวของฮวาเหยาลงไปได้มาก
จวินอู๋เสียพาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมาที่ลานป่าไผ่เพื่อคอยดูแล นางใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาฟ่านจิ่นและใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ครั้งนี้จวินอู๋เย่าไม่ได้ไปไหนเลย เขานั่งอยู่ข้างห้อง เฝ้ามองจวินอู๋เสียวิ่งวุ่นทำนู่นทำนี่ทุกวันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเยี่ยซาและเยี่ยเม่ย นอกจากฟ่านจิ่นที่หมดสติอยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยให้คนอื่นที่เป็น ‘เพศชาย’ ย่างเท้าเข้ามาในลานป่าไผ่เลย ดังนั้นงานทุกอย่างตั้งแต่ทำความสะอาดจนถึงทำอาหารจึงตกเป็นหน้าที่ของพวกเขา เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไปยังผลงานอันยอดเยี่ยมในอดีตของพวกเขา จากนั้นก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่หน้ากองหม้อและกระทะ รวมถึงจานชามสกปรกมากมาย เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยได้แต่ฝืนกลั้นน้ำตาอย่างเงียบๆ และขัดถูหม้อต่อไปอย่างขะมักเขม้น!
ฟ่านจัวพาอาจิ้งกลับมาที่สำนักศึกษาเฟิงหัว บาดแผลบนร่างของเขาเกือบหายดีแล้ว เขาผ่านประสบการณ์ที่ทำให้จิตใจบอบช้ำมาอย่างหนัก ทำให้อาจิ้งกลายเป็นคนเคร่งขรึมและเงียบเป็นพิเศษ
เฟยเยียนเดินทางออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อไปรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรัฐเหยียน พวกเขาเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการออกเดินทางไปยังรัฐเหยียนได้ทันทีเมื่อฟ่านจิ่นได้สติคืนมา พวกเขาจะได้หาที่ซ่อนแผนที่ทั้งหมดและรวบรวมให้ครบสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วันเวลาผ่านไป ร่างกายของฟ่านจิ่นค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การดูแลรักษาอย่างระมัดระวังของจวินอู๋เสีย แต่สมองของเขายังคงมีปัญหา บางครั้งก็มีอาการตื่นตัวในช่วงสั้นๆ แต่ก็กลับไปไม่รับรู้อะไรอย่างรวดเร็ว อาการของเขายังไม่คงที่เป็นอย่างมาก
ฟ่านจัวจะมาอยู่เป็นเพื่อนฟ่านจิ่นทุกวัน เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แค่นั่งอยู่กับฟ่านจิ่นเงียบๆ ป้อนข้าวเขา ทำความสะอาดเช็ดตัวให้เขา ราวกับกำลังดูแลสิ่งจำเป็นต่างๆ ให้แก่เด็กน้อยที่ไม่รู้ประสาอะไร
ในช่วงที่ฟ่านจิ่นได้สติขึ้นมาเป็นพักๆ เขาจะจำฟ่านจัวได้ แต่หลังจากพูดขึ้นมาแค่สองสามคำ เขาก็จะกลับไปอยู่ในสภาพไม่ตอบสนองและไร้ชีวิตชีวาอย่างรวดเร็ว
และทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น มันรู้สึกเหมือนมีมีดเฉือนเข้าในหัวใจของฟ่านจัวอย่างช้าๆ
เขานิ่งเงียบตลอดเวลา พยายามซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ภายใน
เขาคิดเหมือนเดิมทุกๆ วันว่าเมื่อไรฟ่านจิ่นจะได้สติกลับมาเต็มที่สักที แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็กังวลถึงการได้สติกลับมาของฟ่านจิ่น
ตอนที่ฟ่านจิ่นหายดีแล้ว เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
ฟ่านจัวไม่แน่ใจ
มันใกล้สิ้นปีแล้ว การคัดเลือกเพื่อเลื่อนระดับศิษย์ของตึกรองให้เข้ามาศึกษาต่อยังตึกหลักสิ้นสุดลงด้วยดี ซึ่งจำนวนของศิษย์ที่ผ่านก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก มีแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตึกหลักและมาที่นี่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย จึงสงสัยว่าทำไมอาจารย์ใหญ่คนปัจจุบันจึงเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในวัยเดียวกับพวกเขา
ไม่มีใครเล่าเรื่องที่สำนักศึกษาเฟิงหัวเพิ่งประสบมาให้พวกเขาฟัง ความทรงจำพวกนั้นเป็นเหมือนฝันร้ายที่น่าหวาดกลัว ไม่มีใครอยากนึกถึงมันอีก
หลังจากรับศิษย์ใหม่เข้ามาไม่นาน ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวก็ได้เวลากลับบ้าน และพวกเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในเดือนหน้า
หลังจากศิษย์ส่วนใหญ่จากไป พวกอาจารย์ก็พากันหาข้ออ้างลากลับบ้านด้วยเช่นกัน สำนักศึกษาเฟิงหัวอันกว้างใหญ่จึงเงียบเหงาและว่างเปล่า เสียงเอะอะวุ่นวายตามปกติหายไปจนหมด
ฮวาเหยาไม่จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นฟ่านจิ่นอีกต่อไป เขาสามารถปรากฏตัวในฐานะตัวเขาเองได้แล้ว เขานั่งอยู่กับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ที่เรือนหลังเล็กในลานป่าไผ่ มองดูฟ่านจัวช่วยประคองฟ่านจิ่นออกมารับแสงแดดข้างนอก
“ปีหน้าข้าคิดว่าคงมีคนไม่กลับมาที่นี่มากพอสมควร” ฟ่านจิ่นที่ค่อยๆ ฟื้นตัวเงยหน้าขึ้นมองใบไม้ร่วงที่กำลังปลิวว่อนอยู่ในอากาศ รอยยิ้มขมขื่นปรากฏอยู่บนริมฝีปากของเขา
เขาได้สติกลับมาเมื่อสามวันก่อน และจำต้องเผชิญกับฝันร้ายเมื่อรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น จากตกใจสุดขีดและเคียดแค้นเกลียดชังในตอนแรก มาตอนนี้เขายอมรับอย่างสงบนิ่ง ทุกคนได้เห็นชายหนุ่มที่เคยร่าเริงแจ่มใสเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความเปิดเผยเถรตรงหายไปเล็กน้อยและมีวุฒิภาวะมากขึ้น