บทที่ 377 อย่าประเมินกำลังเธอต่ำไปล่ะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 377 อย่าประเมินกำลังเธอต่ำไปล่ะ

บทที่ 377 อย่าประเมินกำลังเธอต่ำไปล่ะ

“นายชอบยัยจิ้งจอกนี่สินะ คิดว่าคนอื่นเขามองไม่ออกหรือ?”

ในที่สุดซ่งหลิงหลิงก็ทนไม่ไหว ก่อนจะเอ่ยด้วยแววตาแดงก่ำ ในขณะที่พูดเธอยังมองไปที่ตู้หย่งเฮ่อด้วย

เพราะเธอชอบเขา ชอบมานานมากแล้ว แต่หลายปีมานี้อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเธอเลย

เดิมทีคิดว่าเจ้าตัวไม่น่าจะชอบผู้หญิงคนไหนหรอก แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ยัยจิ้งจอกซูเสี่ยวเถียนปรากฏตัว ตู้หย่งเฮ่อก็เอาอกเอาใจตั้งแต่วันแรก กระตือรือร้นต่างจากปกติมาก

ถึงเสี่ยวเถียนจะสมัครใจไปนั่งหลังห้องสุด แต่ตู้หย่งเฮ่อก็พยายามเข้าหาอีกฝ่ายทุกวัน

ท่าทางแบบนั้นมันทำให้เธอจงเกลียดจงชังนัก

เสี่ยวเถียนหรี่ตามองซ่งหลิงหลิง เห็นการแสดงออกอย่างชัดเจน นอกจากไม่พอใจปัญหาที่ตู้หย่งเฮ่อเอามาให้ ก็ยังเกลียดซ่งหลิงหลิงอีกด้วย

ผู้หญิงคนนี้ป่วยทางสมองหรือเปล่า? ไม่แก้ปัญหาตัวเองไม่พอ ยังมาตามหาผู้บริสุทธิ์แบบเธอทำไม?

หน้าใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ?

หลังจากที่มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว เธอก็ยื่นมือออกไปตบหน้าซ่งหลิงหลิง

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก

ก่อนที่ทุกคนจะโต้ตอบ เสี่ยวเถียนมองมือตัวเอง

ไม่ได้ตบใครมานานแล้ว เจ็บมือจัง ทำอย่างไรดี?

เธอมองมันขึ้น ๆ ลง ๆ โชคดีที่ไม่แดงเท่าไร เอาเถอะ อีกพักก็หายแล้ว

เธอไม่สนใจสายตาตกใจของผู้คนรอบข้างเลย

ห้องเรียนในตอนนี้เงียบสงัดมาก พวกเขาไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะพุ่งเข้าไปตบแบบนั้น

เสียงตบอันดังฟังชัดน่าจะใช้แรงไม่น้อยเลย

แล้วคนโดนตบจะเจ็บขนาดไหนกัน?

พวกเขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงทำอย่างนั้น?

และไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะเป็นคนแบบนี้ด้วย!

ซ่งหลิงหลิงใช้เวลาหนึ่งนาทีถึงจะตอบสนองได้

เธอกุมใบหน้า ตกใจจนลืมร้องไห้ด้วยซ้ำ

“เธอกล้าดียังไงมาตบฉัน?” ซ่งหลิงหลิงพูดด้วยความเจ็บปวด

มือของเสี่ยวเถียนทำจากเหล็กหรือไง? หน้าเธอบวมหรือยัง? ฟันหลุดไหม?

ก่อนคนตบจะทรุดตัวลงนั่งอย่างสงบ แล้วมองซ่งหลิงหลิง

“ตบเธอไงล่ะ?” และน้ำเสียงก็เรียบนิ่งมาก

ทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอตบก่อนหน้านี้มันไม่ใช่คน แต่เป็นท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้นแหละ

“เธอตบฉัน เธอกล้าตบฉัน!” ซ่งหลิงหลิงพึมพำวนอยู่สองประโยค

“ถ้าตบเธอก็ไม่จำเป็นต้องคุยแล้ว อีกอย่างถึงจะคุยแล้วเธอจะยอมหรือ?”

เสี่ยวเถียนไม่ค่อยยินดีเท่าไร และเอ่ยต่อ

ต้องบอกเลยว่าการได้ตบคนมันสุดยอดจริง ๆ!

หลังจากนี้ต้องยึดหลักการเดิมแล้ว ลงแต่มือปากไม่ต้อง!

สุดท้ายคนข้าง ๆ ก็อดเอ่ยปากขึ้นไม่ได้

“ซูเสี่ยวเถียน ถึงซ่งหลิงหลิงจะทำอะไรผิดไป แต่เธอจะลงมือกันแบบนี้ไม่ได้นะ!”

คนที่เอ่ยเป็นนักเรียนหญิงที่ปกติมีความสัมพันธ์อันดีกับซ่งหลิงหลิงอยู่แล้ว มีชื่อว่าหลิวเสี่ยวหง

เด็กหญิงทั้งสองโตมาด้วยกัน ก่อนหน้านี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน

ได้ยินมาว่าพ่อของซ่งหลิงหลิงเป็นเจ้านายของพ่อหลิวเสี่ยวหง เพราะแบบนั้นเธอเลยประจบเพื่อนคนนี้เสมอ

เสี่ยวเถียนไม่ได้ตั้งใจจะไปถามมาหรอก แต่เธอความจำดีเฉย ๆ เพราะเพื่อนในห้องพูดกันมันก็เข้าหูเธอแล้ว

“เพื่อนคนนี้ไม่ได้ยินหรอกหรือ? เขาด่าฉันก่อนนะ?”

เสี่ยวเถียนดูโง่เขลามาก ตอนที่พุ่งเข้าไปเนี่ยคิดว่าเธอหน้าใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ?

“แค่ด่ามันไม่เจ็บนี่นา แต่การที่เธอตบคนมันไม่ถูกต้องนะ เธอดูสิว่าหน้าหลิงหลิงเป็นยังไง?” หลิวเสี่ยวหงยังยืนกรานอยู่

เสี่ยวเถียนหัวเราะคิกคัก

ดูเป็นทฤษฎีใหม่อยู่นะเนี่ย

เธอต้องแสดงพลังออกมาสิ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็ต้องโทษที่เธอสปิริตแรงขนาดนี้แล้วล่ะ!

ด่าได้แต่ตบไม่ได้?

งั้นลองหน่อยแล้วกันว่า คนนี้จะทนที่เธอด่าได้หรือเปล่า!

“ในยุคที่มีคนสมองพิการอยู่เต็มไปหมดก็มักจะมีพวกประสาทคอยมาสั่งสอนและด่าฉันอยู่เสมอ อันที่จริงฉันก็คิดนะว่าไอ้พวกสมองมีปัญหาไม่น่าจะกระจายไปทั่วได้ถึงขนาดนี้ เป็นคนดี ๆ ไม่ชอบ เลยอยากจะเป็นหมาแบบนี้หรือ? มันดีขนาดนั้นเลยสินะ?

“ฉันไม่เข้าใจเลยสหาย เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าก็พอแล้ว เพราะนั่นมันก็เรื่องของเธอ แต่ตัวเองกลับชอบเสนอหน้าโง่ ๆ มาได้ทุกวี่ทุกวัน กลัวคนเข้าไม่รู้หรือว่าตัวเองไร้ค่าน่ะ? เธอรู้ไหมว่าการที่เธอเป็นแบบนี้มันทำให้ฉันไม่สบายใจมากเลยนะ?”

“ฉันคิดว่าเธอน่าจะจบชั้นประถมนะ แต่ไม่คิดว่าระดับเชาวน์ปัญญาจะเทียบกับเด็กสามขวบไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำให้พ่อแม่อับอายแล้วล่ะ ไม่งั้นก็กลับไปปรึกษากับพ่อแม่ให้ช่วยหาคนมาสอนพิเศษเพิ่มหน่อยไหม เผื่อว่าจะมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเสียหน่อยน่ะ! ถ้าฉันเป็นพ่อแม่เธอก็คงเสียใจตายแน่เลย จิ๊ ๆ…”

เด็กคนอื่น ๆ แตกตื่นที่จู่ ๆ เสี่ยวเถียนก็ทำแบบนี้

เธอทำอะไรเนี่ย?

ดีจริง ๆ ทำไมถึงเริ่มด่าคนอื่นแบบนั้น?

หลิวเสี่ยวหงไม่คิดว่า จู่ ๆ ซูเสี่ยวเถียนจะด่าเธอแรงขนาดนี้

เป็นพวกไร้ค่าจากบ้านนอกจริง ๆ ด้วย ซ่งหลิงหลิงพูดถูก

ไม่รู้จริง ๆ ว่าสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้อย่างไร

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนจากแดงกลายเป็นดำมืด กระทั่งทนมองไม่ไหวอีกต่อไป!

“ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ? เพราะว่าเรียนเก่งถึงคิดจะแกล้งเพื่อนแบบนี้ก็ได้หรือ?” หลิวเสี่ยวหงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม

เสี่ยวเถียนผายมือ “เธอพูดเองนะว่าด่าคนมันไม่เจ็บน่ะ ฉันด่าเธอแล้วมันทำไมหรือ? ฉันเรียนดีมันก็เป็นผลจากความตั้งใจของฉันเอง ยอมรับไม่ได้หรือ? ถ้ายอมไม่ได้ก็สอบให้ได้คะแนนดี ๆ ให้ฉันเห็นสิ!”

อย่าประเมินกำลังเธอต่ำไปล่ะ!

ใครมันจะกล้ารังแกตัวเองกัน!

เสี่ยวเถียนตัดสินใจแล้วว่า จากนี้ไปจะอยู่อย่างสงบสุข ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ให้คนอื่นมารบกวน และวันนี้ต้องทำให้พวกเพื่อนร่วมห้องรู้ให้ได้ว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่ใครจะรังแกก็ได้

เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วก็ตกใจเหมือนกัน

สำหรับพี่ชายทั้งสองที่ได้ยินน้องด่าคนแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจ

น้องเล็กของบ้านที่แสนอ่อนโยนด่าคนอื่นได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงด่าคนอื่นแบบนี้ล่ะ? และทั้งสองก็ลืมไปเสียสนิทด้วยว่าน้องสาวที่แสนอ่อนโยนไม่ใช่พวกเอะอะก็ลงมือเสียหน่อย

แค่ตกใจที่เสี่ยวเถียนด่าคนอื่นเฉย ๆ แถมยังด่าได้เจ็บแสบมากเลยด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในเวลาที่ไม่เหมาะก็อยากจะถามจริง ๆ ว่า น้องเล็กมีความสามารถที่พวกเราไม่รู้อีกไหม?

หลิวเสี่ยวหงที่โดนด่าก็เอาแต่ชี้หน้าเสี่ยวเถียนอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ…