มุมมองของเอเลนอร์ :
‘ฉันคิดสั้นเกินไป…’
เอเลนอร์ในช่วงที่กำลังใช้ชีวิตตามความฝันเกี่ยวกับความรักของเธอ ดูเหมือนว่าจะลืมไปว่าไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่ได้มาอย่างง่ายดาย เธอต้องต่อสู้มาตลอดชีวิตเพื่อมาถึงจุดที่เธออยู่ เธอเคยพ่ายแพ้มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอก็ชนะมาได้มากมาย
เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์และใช้มันเพื่อเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าใครในรุ่นของเธอ เธอเลือกใช้อาวุธหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจในยุคนั้น แต่เธอกลับเลือกมันขึ้นมา จิตวิญญาณของเธอโหยหามัน และเมื่อเธอได้ใช้มัน เธอก็พาอาวุธของเธอขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก หลังจากถึงจุดนั้น เธอก็หยุดไป ไม่สิ อาจจะถูกต้องกว่าที่จะบอกว่าความปรารถนาที่ผลักดันเธอนั้นได้ถูกทำให้ดับไปในเส้นทางที่เธอเดินมากกว่า
เธอได้รับตำแหน่งที่คนเป็นพันล้านไม่อาจฝันถึง ทั้งอำนาจ, ชื่อเสียงและทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้เท้าของเธอ บรรดาศัตรูที่พยายามจะทำลายเธอตอนนี้นอนอยู่ใต้ดิน บางคนแม้แต่โอกาสนั้นก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางแล้วและนั่นคือเวลาที่ความปรารถนาเล็กๆ ที่จะมีครอบครัวได้เบ่งบานขึ้นในใจของเธอ
แม้ว่าเธอปรารถนาที่จะมีครอบครัวจริงๆ แต่เธอก็ไม่พบว่าใครในบรรดาคู่ครองที่ไล่ตามเธอนั้นเหมาะสมสำหรับตัวเองเลย อีกทั้งประสบการณ์ของเธอได้ปิดกั้นใจของเธอต่อเส้นทางนี้ มันเป็นเวลานั้นที่ความปรารถนาที่จะมีศิษย์ได้เบ่งบานในใจของเธอ ส่วนหนึ่งมาจากความเหงา ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่จะมีใครสักคนในชีวิตที่เธอไว้ใจได้
ในตอนนั้นเองที่เธอได้พบกับคาร์เมลเป็นครั้งแรก บุคคลที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศ อาจจะด้อยกว่าเธอเพียงเล็กน้อยในเรื่องพรสวรรค์ แต่เธอสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เอเลนอร์วางแผนไว้ หลังจากที่เอเลนอร์พิจารณารับคาร์เมลเป็นศิษย์ มันกลับไม่ได้รับความรู้สึกเดียวกับที่เธอต้องการ
ดังนั้นการค้นหาของเธอจึงดำเนินต่อไปจนกระทั่งมันจบลงด้วยการพบเจอกับออสติน ในตอนแรกที่เจอกันเขาดูเป็นคนประหลาดโดยธรรมชาติ พรสวรรค์ของเขาเกินกว่าที่เอเลนอร์เคยเห็น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจรับเขาเป็นศิษย์ก็คือดวงตาของเขา ดวงตาที่บริสุทธิ์และมีความชื่นชมต่อเธออย่างเต็มที่ แม้ตั้งแต่ยังเด็ก ออสตินก็แตกต่างจากคนอื่นในรุ่นของเขา
เอเลนอร์รู้อยู่ในใจว่าเขาจะเติบโตขึ้นและทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และความคาดเดาของเธอก็ไม่ผิด เขาเติบโตขึ้นอย่างสง่างาม
สำหรับเอเลนอร์แล้ว ช่วงเวลาที่ได้สอนออสตินนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตตอนหลังของเธอ เธอเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนๆ ของตัวเองแล้ว ความภาคภูมิใจในตอนที่พวกเขาพูดถึงศิษย์ของพวกตัวเอง และตอนนี้ชื่อของศิษย์เธอเพียงพอที่จะปิดปากเพื่อนๆ ของเธอที่พยายามอวดอ้างต่อหน้าเธอแล้ว
ทุกอย่างเริ่มต้นง่ายๆ ความรักที่เธอมีต่อศิษย์ของเธอนั้นบริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอเองจะประเมินความเหงาในใจของตัวเองต่ำเกินไป ใจของเธอเปรียบเสมือนทะเลทรายอันแห้งแล้งที่ออสตินได้เติมเต็มมันอย่างสมบูรณ์และทิ้งพื้นที่ว่างไว้ ในไม่ช้าเธอก็ได้เข้าใจว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อลูกศิษย์คนนี้นั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใด
มันไม่ใช่ความรักต่อผู้ชาย แต่มันคือความรักบริสุทธิ์ของครอบครัว แต่ความรักของเธอนั้นกว้างใหญ่มากกว่าใครๆ เอเลนอร์เป็นผู้หญิงที่มีความรักเกินกว่าจะมอบให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอมาเข้าใจในภายหลัง และเนื่องจากเธอไม่เคยมีใครเลยจนกระทั่งมีออสติน ในตอนที่เขาได้รับตำแหน่งนี้ ความรักที่มากมายของเธอก็ได้พุ่งออกมาจากภายใน
วันเวลาผ่านไป ความรักบริสุทธิ์ของเธอเติบโตขึ้นจนมันเปลี่ยนไป…
เธอสามารถจำมันได้ทั้งหมดอย่างชัดเจน ความเบื่อหน่ายของเธอเข้ามาโจมตีเธอในขณะที่เธอออกไปตามหามรดกที่อาจผลักดันเธอให้ก้าวไปสู่พลังของเธอ และไม่ว่าอย่างไร มันก็ทำให้เธอตกลงไป แต่ ณ จุดนั้นเอง ราวกับว่าโชคชะตาได้ส่งเสียงระฆัง ศิษย์ของเธอมาเพื่อช่วยเธอไว้ ภาพที่ไม่เคยคาดคิดในใจของเธอแสดงออกมา
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอหลังจากหลายปีที่ผ่านมา เติบโตเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม ทั้งหล่อเหลือเกินในด้านรูปลักษณ์และมีจิตใจที่งดงาม มันคงเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเธอไม่หลงใหลเขาในชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังคงรู้สึกตกตะลึงในตอนที่เขามอบรอยยิ้มอันสวยงามให้กับเธอ ซึ่งยังคงมีความบริสุทธิ์และความชื่นชมในตัวเธออยู่
เขาช่วยชีวิตเธอ, เขามอบความรักและการผจญภัยที่สั่นคลอนหัวใจและจิตวิญญาณให้กับเธอ การผจญภัยนั้นเองที่ตอนนี้ยืนอยู่บนสุดของการผจญภัยทั้งหมดที่เธอเคยผ่าน เป็นเครื่องเตือนใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อเธอพบความรักที่แท้จริงและครอบครัวที่แท้จริง ไม่สิ เธอพบคนที่เธอจะสร้างครอบครัวที่แท้จริงกับเธอแล้ว
ในตอนแรกความรู้สึกของเขาทำให้เธอรู้สึกสั่นคลอนในใจ ความคิดทั่วไปผลักดันให้เธอปฏิเสธเขาอย่างนุ่มนวล แต่สิ่งต่างๆ ไม่เคยเป็นไปตามที่เธอหวังไว้ในตอนนั้น และเธอก็ขอบคุณอย่างมากในใจตัวเองสำหรับมัน เธออาจเปลี่ยนความรักอันบริสุทธิ์ของเธอเป็นอย่างอื่น แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้นคือสิ่งที่เธอจะต่อสู้เพื่อรักษาไว้
ตอนนั้นเธอผ่านอะไรมามากมาย: ความลำบากใจที่เผาไหม้, ความเจ็บปวดที่บีบคั้นจิตวิญญาณ, ไปจนถึงความรักที่บรรเทาร่างกาย ความรู้สึกเหล่านั้นทำให้เธอตกหลุมรัก เด็กหนุ่มที่เธอฝึกฝนเขามา
ตั้งแต่นั้นมาทุกสิ่งในชีวิตเธอก็ดูเปล่งประกาย มันราวกับว่าม่านที่วางบนเธอถูกยกขึ้น ทำให้เธอมองเห็นโลกตามที่เป็นอยู่ และสำหรับเธอ มันเป็นสิ่งที่สวยงาม และในที่สุดเธอก็ตกลงในจังหวะการใช้ชีวิต ลืมความเป็นจริงของชีวิต แต่ตอนนี้เธอตื่นแล้ว เธอเข้าใจว่าโลกนี้จะไม่ทำให้เธอรักษาความสุขนี้ไว้ได้ง่ายๆ
แต่นั่นไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เธอมีไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในตัวเธอแล้ว ไฟที่ร้อนแรงกว่าที่ทำให้เธอมาถึงจุดที่เธออยู่มาก
โลกต้องการทำให้ผู้ชายที่เธอรักเป็นผู้กล้า ดังนั้นเธอจะยืนเคียงข้างเขาในฐานะคนรักและอยู่ข้างหลังเขาในฐานะผู้พิทักษ์ของเขา แต่ถ้ามีใครต้องการที่จะพรากเขาไปจากเธอหล่ะก็…
เธอจะต่อสู้กับโลกนี้…
“ออสตินที่รักของฉัน, แสงสว่างของฉัน, ครอบครัวของฉัน ไม่มีใครจะพรากเธอไปจากฉันได้…”
เธอกระซิบขณะมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องทำงานของเธอ ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นความมืดมิดพร้อมกับพลังที่หลับใหลอยู่ภายในตัวเธอที่พรั่งพรูออกมาสู่โลก สัตว์ประหลาดภายในตัวเธอตื่นขึ้น และครั้งนี้มันหิวกระหายเลือดของโลก
…..
มุมมองของมิร่า :
‘น่าตลกจังนะที่โลกดูเล็กจากมุมนี้…’
มิร่าคิดขณะลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือสถาบันที่เธอเป็นผู้ดูแลอยู่ อำนาจที่เธอเคยฝันถึงบัดนี้เต็มเปี่ยมอยู่ในตัวเธอ และชื่อเสียงของเธอก็พุ่งสูงขึ้นในฐานะหนึ่งในจักรพรรดินีที่อายุน้อยที่สุด
เธอเลิกนับจำนวนคำเชิญและคำแสดงความยินดีที่ได้รับไปแล้วด้วยซ้ำ ชีวิตของเธอวุ่นวายอย่างมากหลังจากบรรลุถึงจุดนี้ และสิ่งที่ตลกก็คือ เธอไม่ได้ทำมันด้วยตัวเอง แต่มันเป็นเพราะออสติน หลานชายของเธอและครอบครัวของเธอที่ได้มอบชิ้นส่วนสุดท้ายที่เธอต้องการให้ หากไม่มีเขา ใครจะรู้ว่าเธอจะยังติดอยู่ที่ครึ่งก้าวจักรพรรดิไปอีกนานแค่ไหน
‘ชีวิตมันตลกจริงๆ…’
ความทรงจำไหลเข้ามาในจิตใจ—ความเศร้าที่ท่วมท้นในตอนที่พี่ชายของเธอจากไป ความโกรธที่แผดเผาอยู่ในตระกูลของเธอ และเด็กชายตัวน้อยที่แบกรับภาระทั้งหมดไว้ในใจ โดยไม่มีใครช่วยเขาเพราะพวกเขาต่างก็กำลังโศกเศร้า
เธอรับเขามาดูแล ลูกชายคนสุดท้ายในตระกูลนอกจากปู่ของเธอ เธอดูแลเขาและเฝ้าดูเขาที่เติบโตขึ้น เธอเห็นการเปลี่ยนแปลงจากเด็กหนุ่มที่หัวใจแตกสลายที่กลายเป็นชายหนุ่มในวันนี้—ผู้ที่ถือครองพลังมหาศาลในโลกและมีความลับอยู่มากมาย มันทำให้เธอเจ็บปวดเล็กน้อยที่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความใสซื่อบริสุทธิ์ โดยรู้ว่ามีบางอย่างที่หนักอึ้งอยู่ในใจของเขา เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ ความรู้สึกโกรธแค้นก็เกิดขึ้นในใจของเธอ
“ทำไมถึงทำแบบนี้กันนะ?”
เธอถาม คำถามของเธอกระจายหายไปในสายลม โลกได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเด็กชาย ด้วยการทำให้เขาต้องแบกภาระของอนาคตไว้ในใจของเขา แค่คิดถึงมันก็ทำให้พลังมานาของเธอพุ่งขึ้น
ดวงตาที่เหนื่อยล้าของเขา ในที่สุดก็เผยให้เห็นภาระที่เขาแบกอยู่ มันทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย เธอช่างเฉยเมยเกินไป การเปิดเผยความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ กระแสอารมณ์ที่ไม่มีการกรองของเขาทำให้เธอหลงใหลและเปลี่ยนความสนใจของเธอไปที่ความรู้สึกของตัวเองแทนที่จะเป็นความรู้สึกที่เธอควรจะมีต่อหลานชายของเธอ
ออสตินนั้นมีพรสวรรค์ที่ส่องสว่างที่สุดที่เธอเคยเห็นมา จิตใจและความสามารถของเขาเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก และตอนนี้พรสวรรค์ทุกอย่างที่เธอเห็นภายในเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคำสาป โลกดูเหมือนจะมอบของขวัญให้แก่เขา แต่ในขณะเดียวกันก็พันธนาการเขาให้เผชิญหน้ากับความยากลำบากด้วย
‘โลกต้องการให้เขาทรมานงั้นเหรอ?’
มิร่ามีความรู้สึกนับไม่ถ้วนต่อออสติน และเธอรู้ว่าความรู้สึกลึกๆ ในใจของเธอหมายถึงอะไร เธอไม่เคยจินตนาการว่าความรู้สึกเช่นนี้จะเบ่งบานในตัวเธอ โดยเฉพาะต่อหลานชายของเธอ!
ชายหนุ่มมากมายได้พยายามที่จะคว้าหัวใจของเธอ และตอนนี้มันได้หันไปในทิศทางที่ไม่ควร มิร่านั้นมีความรู้สึกที่หลากหลาย แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับความรู้สึกเหล่านี้ดี เธอไม่สามารถยอมรับพวกมันได้ มันจะทำลายออสติน ความรักเช่นนี้ระหว่างพวกเธอไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย
‘แต่ดูเหมือนว่าความรักของเขาต่อฉันกำลังสั่นคลอนบ้างในช่วงนี้…’
ความคิดเช่นนี้ควรจะทำให้เธอมีความสุข บ่งบอกว่าเขาอาจจะกำลังปล่อยวาง แต่ทั้งหมดที่มันก่อให้เกิดในตัวเธอคือความโกรธ—ความโกรธที่ไม่สบายใจ ในไม่ช้ามิร่าก็สลัดความคิดเหล่านั้นออก
‘สำหรับฉันที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ออสตินควรจะยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ?’
เธอรู้ว่าไม่ใช่ว่าผู้กล้าทุกคนจะไปถึงจุดสิ้นสุด และแค่คิดถึงการสูญเสียออสตินก็ทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวังแล้ว
มิร่ากำหมัดขณะสัมผัสถึงพลังภายในตัวเธอ เธอเคยเชื่อว่าตัวเองสามารถผ่อนคลายได้เมื่อเธอมาถึงระดับจักรพรรดิ แต่เธอคิดผิด เธอไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย
‘ฉันต้องการพลังมากกว่านี้ มากและมากอีก มากพอที่จะไม่ให้อะไรถูกพรากไปจากฉันอีก’
ดวงตาสีเงินของเธอเปล่งประกายด้วยความตั้งใจ
‘แล้วก็อีกอย่างคือ ฉันควรจะจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ภายในตัวเองเร็วๆ นี้’
ด้วยความคิดสุดท้ายนี้ เธอก็เทเลพอร์ตกลับไปยังห้องทำงานของเธอ
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงขณะที่ฝนเริ่มโปรยปรายลงสู่พื้นดิน การเปลี่ยนแปลงกำลังใกล้เข้ามาแล้ว